หยาดฝนตกกระทบใบหน้าของดอนนี่ ความเย็นทำให้เขาค่อยๆ หันกลับมามองตัวเองช้าๆ แล้วสายศีรษะ “แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ข้าคิด ผู้ชายที่อ่อนโยนและเป็นมิตรไม่น่าทำแบบนี้ แต่พฤติกรรมของเขาก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ…”
ดอนนี่ค่อย ๆ หันหลังกลับ และเดินออกจากโรงเรียนขุนนางแห่งมิลส์ เขาตั้งใจจะกลับไปพักที่หอพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับการทดสอบเกี่ยวกับ ผี จิตวิญญาณ และวิญญาณในช่วงบ่าย
เขาสามารถกลับได้เลยโดยไม่ต้องรอแซมมี่เพราะเขารู้ว่าแซมมี่ออกไปก่อนที่เขาจะสอบเสร็จเมื่อชั่วโมงที่แล้ว สนามสอบรอบนี้แซมมี่เก่งที่สุด แต่ก็เป็นการสอบที่เหนื่อยใจที่สุดด้วย ถ้าเราไม่สามารถควบคุมความต้องการที่จะนอนของเขาได้
อย่างที่เขาคาดไว้ เขาพบว่าแซมมี่นอนกรนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ตอนเที่ยง ผีบนหลังของเขาก็เริ่มขี้เกียจและไม่กระฉับกระเฉง
ดอนนี่อดยิ้มไม่ได้เมื่อมาเห็นท่าทางที่คุ้นเคยของแซมมี่ ความกังวลและความวิตกทั้งหลายก็เบาบางลง เขาเทน้ำใส่แก้วและดื่มจนหมด เขานอนลงบนเตียงของตัวเองและจ้องมองที่เพดาน “เขาขี่เครื่องบินที่ติดตั้งอุปกรณ์ฟิชชันขนาดเล็ก และเขาก็ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยผู้พิทักษ์แห่งกองอัศวินดาบแห่งสัจธรรม คาร์ลมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแน่นอน เขาเป็นทายาทของขุนนางหลวงหรือเปล่า? ไม่สิ เขามีพี่ชาย…”
“ต้องขอบคุณคาร์ล ร่างกายที่ได้รับการฝึกฝนของข้าจึงได้รับความชื่นชมจากอาจารย์ ในช่วงบ่ายนี้ ตราบใดที่ข้าไม่ได้ปฏิบัติแย่เกินไป ข้าก็อาจจะได้รับการยอมรับจากวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ ส่วนคาร์ล เขาน่าจะมีปูมหลังที่ดี ดังนั้นเขาก็อาจจะได้รับการยอมรับจากวิทยาลัยเช่นกัน…”
ดอนนี่ถอนหายใจท่ามกลางความคิดฟุ้งเฟ้อของเขา “ถ้าเขาเป็นผู้หญิง ทุกอย่างจะสมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีหญิงสาวคนไหนอ่านโฆษณาระหว่างคั่นรายการทีวีเทียบเขาได้…”
โลกนี้ช่างโหดร้ายเสียจริง!
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และขจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงของเขา จากนั้นก็ปล่อยตัวเองให้เข้าสู่การนอนหลับลึกด้วยเทคนิคการทำสมาธิเพื่อที่เขาจะได้ฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมสำหรับการทดสอบในช่วงบ่าย
ช่วงบ่ายดอนนี่มาที่โรงเรียนขุนนางแห่งมิลส์ด้วยรถโดยสารแบบพิเศษอีกครั้ง ที่นำโดยหมอผีผมเทาในตอนเช้า เข้าไปในสุสานที่อยู่ใกล้ๆ
เขามองไปรอบๆ โดยหวังว่าจะได้พบกับคาร์ล อย่างไรก็ตามมีนักเรียนที่เข้าสอบมากเกินไปกระจายตัวกันอยู่ในบริเวณสุสานที่กว้างขวาง และถูกกั้นด้วยป้ายหินหลุมศพ และต้นไม้ ดังนั้นจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองหาใครบางคน แต่เมื่อเขาอัญเชิญผี ดอนนี่ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความโกรธแค้นที่น่าสะพรึงกลัว พร้อมกับกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากที่ห่างไกล
ฮิฮิ คาร์ลมาสอบที่นี่ ใครกันน่ะที่โชคร้าย? แต่เพราะอาจารย์อยู่ที่นี่ ดังนั้นมันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ดอนนี่คิดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่ายังมี “ผู้พิทักษ์” ของคาร์ลอยู่ด้วย…
ตามที่เขาคาดไว้ เสียงกรีดร้องของวิญญาณพลันหายไปในไม่ช้า
เพราะสนามทดสอบวิญญาณ และจิตวิญญาณไม่ใช่สนามที่ดอนนี่ถนัด เขาจึงสงบสติอารมณ์ และทุ่มเทให้กับการทดสอบของเขาเอง เขาทั้งดัดแปลง สั่งการ และแก้ไขผีอย่างรอบคอบที่สุดจนรู้สึกว่าสมบูรณ์แบบแล้ว จากนั้นก็ขอให้หมอผีตรวจสอบผลงานของเขา กว่าจะรู้ผลคาร์ลก็ออกจากสุสานไปนานแล้วซึ่งนั่นทำให้เขาไม่พอใจเล็กน้อย แม้ว่าคาร์ลจะเป็นผู้ชาย แต่การได้พบเขาก็เป็นประสบการณ์ที่น่ายินดีเสมอ
“ดอนนี่เป็นอย่างไรบ้าง” ทันทีที่ดอนนี่กลับมาที่โรงเรียน แซมมี่ก็ถามเขาทันที อาจเพราะเย็นนี้มืดมิดเป็นพิเศษแซมมี่จึงรู้สึกเบิกบานกว่าปกติ ผีของเขาจึงไม่คิดซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอีก มันโบกแขนที่เลือนลางเสียงดังเอี๊ยดอาด
ดอนนี่ยิ้ม “ข้ามั่นใจ 90เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ”
เขามั่นใจมากว่าจะได้รับการยอมรับจากโรงเรียนขุนนางแห่งมิลส์
แซมมี่ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงแล้วหัวเราะ “ส่วนข้า 100 ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดอนนี่พวกเราสอบเสร็จแล้ว จากนั้นพวกเราต้องคืนหอพัก ส่วนข้าจะกลับไปที่โวล์ฟบวร์ก แล้วเจ้าล่ะ? จะกลับบ้านหรือจะอยู่ที่เรนทาโตต่อเพื่อรอผล?”
เขาเป็นชาววูล์ฟบวร์กพื้นเมืองทางตอนใต้
เมื่อได้ยินคำพูดของแซมมี่ ดอนนี่ก็ไม่สามารถหยุดนึกถึงพ่อ แม่และน้องสาวของเขาได้ แต่เขาส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นอย่างรวดเร็วและชี้ไปที่คอของเขาที่ไม่มีเครื่องประดับอยู่ “ข้าต้องทำงานในเรนทาโตสองเดือนเพื่อจ่ายค่าสร้อยคอสติแจ่มใสที่ฉันยืมมา”
เขาเซ็นสัญญากับเจ้าของร้านหนังสือไปแล้ว
“อย่างนั้นหรือ” แซมมี่เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ ดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าดอนนี่เคยพูดเรื่องนี้กับเขา จากนั้นเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่อง “ข้าจะมาบอกว่าเจ้าสามารถอยู่หอต่อได้ แต่เจ้าต้องย้ายออกก่อนเดือนกันยายนเพื่อให้เด็กใหม่ย้ายเข้ามา”
“จริงหรือ?” ดอนนี่ทั้งประหลาดใจและยินดีเพราะเขากำลังคิดอยู่ว่าเขาจะหาหอพักถูกๆ ได้ที่ไหน ไม่ได้ยินแบบนั้นเขาก็หายเศร้าทันที
“ตอนนี้ก็ประหยัดเงินเจ้าไปได้มากแล้ว ดังนั้นเจ้าต้องเลี้ยงอาหารเย็นข้าน่ะ!” แซมมี่พูดติดตลก
เขาไม่รู้สึกเศร้าเลยที่พวกเขาทั้งคู่กำลังจะแยกย้ายหลังเรียนจบ เพราะเขาเชื่อว่าเขาจะได้พบกับดอนนี่ที่วิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์อีกครั้งแน่นอน
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ดอนนี่ไปที่สำนักงานของโรงเรียนเพื่อขอเข้าพักในหอพัก หลังจากที่เขาระบุสถานภาพการเงินอันย่ำแย่และผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเขา อาจารย์เอลฟ์ก็เห็นอกเห็นใจและตอบรับคำขอของเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ไปที่จัตุรัสฉลองชัยและไปร้านหนังสือแห่งความรู้ทันที
ดอลอส เจ้าของร้านหนังสือผู้มีดวงตาดั่งนกฮูกเหลือบมองไปที่ดอนนี่ “ข้านึกว่าเจ้าจะเบี้ยวซะแล้ว”
“ข้ามีเรื่องต้องทำที่โรงเรียน นี่คือสร้อยคอสติแจ่มใสของเจ้า” ดอนนี่ส่งสร้อยคอกลับไปให้เจ้านายของมัน หากไม่มีสร้อยคอนี้ ในช่วงสามเดือนที่ผ่านการตรวจสอบและการรวมบัญชีของเขามาอาจจะไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
ดอลอสพยักหน้า “วันนี้เจ้าไปเช็ดชั้นและสันหนังสือทั้งหมดซ่ะ”
หลังจากนั้นเขาก็รีบไปต้อนรับแขกที่เพิ่งเข้ามาใหม่
ดอนนี่ไม่ใช่เด็กนิสัยเสีย เขาเจอผ้าที่อยู่ที่มุมหนึ่งของห้องแล้วเริ่มทำงาน
ขณะที่เขาเช็ดหนังสือ เขาก็อ่านชื่อหนังสือไปด้วย การอ่านเป็นงานอดิเรกที่เขาชอบที่สุด
“’แนวทางของอีวานส์’, ‘คำแนะนำของลูเซียน’, ‘คำอธิบายอย่างละเอียดของคำถามในการสอบเข้าวิทยาลัยเวทมนตร์ขั้นสูงโดยลูเซียน อีวานส์’…” เมื่อมองดูแถวหนังสือที่วางเรียนกัน ดอนนี่ก็รู้สึกว่าเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนขึ้นมาทันที เขารู้สึกกระสับกระส่ายและคลื่นไส้มากจนแทบจะจุดไฟเผาอยู่รอมร่อ
ตอนนี้ดอนนี่รู้สึกแบบเดียวกับมาตอนที่เขาเห็นแบบทดสอบบนชั้นวางหนังสือของเขาในหอพัก หากไม่ใช่เพราะว่าเขาสามารถหาเงินได้มากมายจากการขายหนังสือรวมถึงวิธีแก้ปัญหาของเขาเหล่านั้น เขาก็คงจะจุดไฟเผาไปแล้ว
“ทำไมฝันร้ายยังหลอกหลอนอยู่น่ะ”
โชคดีที่ร้านหนังสือมีหนังสือที่เกี่ยวกับแบบทดสอบอยู่แถวเดียว หรือดอนนี่กำลังสงสัยว่าเขาเองจะบ้าไปแล้ว
นี้ก็เที่ยงแล้ว เขาทำความสะอาดชั้นหนังสือได้ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนดอลอสก็เปิดโทรทัศน์ที่ฝังอยู่บนผนังเพื่อชมรายการข่าว “จักรวรรดิยามเที่ยง”
“เมื่อพิจารณาจากการเสียชีวิตทั้ง 2 กรณีอย่างกะทันหันของนักเวทที่เข้าเล่นเกมผจญภัยเสมือนจริง อาจารย์การูผู้โด่งดังด้านภราดรภาพได้เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกิจการและคณะกรรมการการวิจัยเวทมนตร์ โดยขอให้พวกเขายกเลิกการระดมทุนสำหรับโครงการ ‘การฝึกเวทมนตร์เสมือนจริง’ เขาเชื่อว่าโครงการนี้มีปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เพราะการรวมกันของปัญญาประดิษฐ์ ชีวินรสายนเวท และภาพลวงตาจะมีข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน เขาเชื่อว่าไม่ควรดำเนินโครงการจนกว่าจอมเวทที่อยู่เบื้องหลังโครงการจะเสนอมาตรการป้องกันในทางปฏิบัติได้จริง”
ผู้ประกาศข่าวเป็นหญิงชาวโฮล์มผมดำ นัยน์ตาสีฟ้า พูดจาไพเราะ น่าฟัง
“ท่านไฮดี้ จอมเวทผู้รับผิดชอบโครงการ ‘การฝึกเวทมนตร์เสมือนจริง’ กล่าวต่อสาธารณชนว่ากรณีการเสียชีวิตอย่างกะทันหันทั้ง 2 กรณีนั้นไม่ได้ขัดกับหลักการ ‘เสมือนจริง’ เพราะสิ่งที่จำเป็นคือการตรวจร่างกายก่อนถูกกระตุ้นด้วยภาพลวงตา ท่านเชื่อว่าการกล่าวหาของอาจารย์การูนั้นเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลและไม่สมเหตุสมผล เหมือนกับมีคนเมาแล้วขับพุ่งลงหน้าผาด้วยรถวิเศษ แล้วเรียกร้องให้มีคำสั่งห้ามใช้รถวิเศษทุกคัน แทนที่จะห้ามไม่ให้เมาแล้วขับ
“พวกจอมเวทได้โต้เถียงกันอย่างดุเดือดในเรื่องนี้ ในขณะที่คณะกรรมการกิจการมีแนวโน้มที่จะควบคุมการส่งเสริม ‘การฝึกเวทมนตร์เสมือนจริง…มากขึ้น”
ดอนนี่ได้ยินข่าวระหว่างที่เขากำลังทำงาน เขาพบว่ามันแปลกมาก จากนั้นเขาก็โพล่งออกมาว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร”
ถ้าเป็นปกติโครงการของท่านไฮดี้ในฐานะที่เป็นนักเรียนของท่านอีวานส์ไม่สมควรจะถูกกล่าวหารุนแรงเช่นนี้
นายจ้างของเขาหัวเราะราวกับว่าเขาเดาความสับสนของดอนนี่ออก “หลังจากเขียน ‘ชีวิตคืออะไร?’ ว่ากันว่าท่านอีวานส์กับจักรพรรดินีได้ทอดทิ้งโลกของเราไว้และไปออกผจญภัยที่จักรวาลอื่นเพื่อค้นหาเส้นทางแห่งความเป็นอมตะ ในอาณาจักรตอนนี้ เจ้าชายกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ คาดว่าหลังจากที่พวกท่านได้ค้นพบบางสิ่งจากการผจญภัยแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าจักรพรรดินีจะกลับมาและมอบบัลลังก์ให้”
ในปีแรกของปฏิทินอาร์คานา อาณาจักรโฮล์มได้รับนครศักดิ์สิทธิ์และนครของสมเด็จพระสันตะปาปาทั้งหมด ดังนั้น ตำแหน่งของนาตาชาจึงกลายมาเป็น “จักรพรรดินี”
“ว้าว… เราสามารถไปผจญภัยในจักรวาลคู่ขนานได้แล้วเหรอ?” ดอนนี่ถามด้วยความสับสนและตกใจ
“เจ้าคิดว่าท่านอีวานส์ทำอะไรในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาล่ะ นอกเหนือจากทฤษฎีสนามควอนตัม” ดอลอสดูเหมือนจะมีความรู้มาก
ดอนนี่ราวกลับถูกกระตุ้นขึ้นทันที “พวกเขาจะไปยังจักรวาลแยกย่อยของพวกเราได้หรือเปล่า”
“มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? ถ้าเราไปที่จักรวาลนั้น มหาสมุทรพลังงานที่เรามีจะไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากมีความผันผวนของพลังงานอย่างรวดเร็ว นอกจากพวกครึ่งเทพที่เข้าใจความลับของมิติระดับสูงบางส่วนแล้ว พวกครึ่งเทพคนอื่น ๆ ก็คงจะไม่เหลือพละกำลังมากนักเมื่ออยู่ที่นั่น” นายจ้างหัวเราะคิกคัก “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาจะไปยังจักรวาลคู่ขนานอื่น ๆ ความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะลดลงอย่างมากเช่นกัน ข้าสงสัยว่าท่านอีวานส์สามารถแก้ปัญหาในงานวิจัยของเขาได้หรือยัง ถึงอย่างนั้นข้าก็รู้มาว่ามีแค่ระดับตำนานขั้นสูงเท่านั้นที่พวกครึ่งเทพจะสามารถพาไปด้วยได้”
“เอาล่ะ…” ดอนนี่รู้สึกว่าเส้นทางของเขากว้างขึ้นในทันใด โลกนี้ไม่ได้มีแค่นครเรนทาโตที่เขาอาศัยอยู่เท่านั้น แต่ยังมีจักรวาลอันกว้างใหญ่ จักรวาลคู่ขนานนับไม่ถ้วน และมีสถานที่มากมายที่เขาสามารถไปสำรวจได้
ดังนั้น จึงไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อไรที่ท่านอีวานส์กับจักรพรรดินีจะกลับมาจากการสำรวจ? หรือสามารถอธิบายสถานการณ์ได้ๆ ได้ สำหรับเหล่ามหาจอมเวทนี้เป็นเรื่องธรรมดามากที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมในการวิจัยภาคสนาม อีกทั้งพวกเขาไม่คิดจะบอกใครเรื่องวัตถุประสงค์อยู่แล้ว นี่จึงเป็นเรื่องปกติมากที่ทางสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ และหนังสือพิมพ์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ดอนนี่ส่ายศีรษะไปเช็ดทำความสะอาดไป จากนั้นเขาก็ไปถึงมุมหนึ่งที่มีหนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีของสำนักศาสตร์มืดหลายเล่มวางอยู่
“แย่มากที่ไม่มีหนังสือเฉพาะทาง ไม่อย่างนั้นตอนนี้ข้าก็คงลองวิเคราะห์ไปแล้ว” ดอนนี่ถอนหายใจอย่างเสียดาย ภายใต้รัฐบาลของสภาเวทมนตร์ ขณะนี้ทฤษฎีอาร์คานาจึงไม่เป็นความลับอีกต่อไป และทุกคนก็ยินดีที่จะศึกษาและอภิปรายร่วมกัน แต่อย่างไรก็ตาม การใช้เวทมนตร์เฉพาะ และเทคนิคการเล่นแร่แปรธาตุสามารถแลกเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้รับการฝึกฝนเมื่อพวกเขากลายเป็นนักเรียนของวิทยาลัยเวทมนตร์แห่งใดแห่งหนึ่ง
ขณะที่เขากำลังทำความสะอาด ดอนนี่ก็เหลือบไปเห็นหนังสือที่มีสันปกเป็นสีดำ บนหน้าปกของหนังสือเขียนเป็นภาษาของจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณว่า…
กระดาษมรณะ
นี่มัน… หัวใจของดอนนี่เต้นรัว ดูเหมือนจะเป็นหนังสือเวทมนตร์ที่เกี่ยวกับการประยุกต์ใช้?