สิบเหรียญทองราชินี? ลมหายใจของดอนนี่ติดขัดขึ้นมาทันที เขารู้ว่าหลังจากที่เขากลายเป็นนักเวทของทางการเขาจะได้รับเงินเป็นจำนวนมาก แต่ข้อตกลงอื่นๆส่วนใหญ่จะไม่ใช่เงิน เนื่องจากส่วนใหญ่เงินอุดหนุนในโรงเรียนมักจะถูกแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนอาร์คานา หัวใจของเขาก็เต้นแรงมากไม่รู้ว่าค่าตอบแทนเป็นเงินสิบเหรียญทองราชินี
เหรียญราชินีสิบเหรียญทองนั้นไม่มีค่าใดสำหรับขุนนาง พ่อค้าผู้มั่งคั่ง และนักเวท แต่กับดอนนี่ที่ไม่เคยเห็นเหรียญทองใดๆ เลยมาตลอดชีวิตเพราะเขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างยากจนในครอบครัวในเมืองเล็กๆ นอกจากนี้เงินจำนวนนั้นทำให้เขาสามารถยกระดับฐานะครอบครัวของเขาโดยที่ไม่จำเป็นว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ เขาจะไม่ถูกหลอกใช่ไหม?
ถ้าเขาปรารถนาที่จะอยู่บนเส้นทางของนักเวท เขาก็ต้องได้รับการสนับสนุนด้านการเงิน! เพราะไม่ว่า วัตถุดิบ สูตรอาหาร หนังสือ และอุปกรณ์พิเศษก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
บารอน เฮอร์ดอสจะจ่ายให้เขาเท่าไหร่ถ้าเขาสามารถจัดการปัญหาได้จริงๆ ?
ดอนนี่ครุ่นคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างจนแม้แต่เสียงของเขาก็ยังหยาบกระด้างเล็กน้อย “ถ้าข้าแก้ปัญหาได้ บารอนจะจ่ายให้เท่าไหร่”
ใบหน้าของพ่อบ้านยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาไม่แม้แต่จะเยาะเย้ยความมั่นใจของดอนนี่ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยจ้างนักเวทระดับสามวงแหวนแต่ก็ล้มเหลวก็ตาม เขายังคงกล่าวด้วยความเคารพว่า “นายท่านบอกว่า ถ้าท่านไวท์สามารถจัดการกับเรื่องราวในปราสาทได้ นอกจากสิบเหรียญทองราชินีท่านจะได้รับ ‘ถุงมือเวทมนตร์’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์พิเศษระดับสองอีกด้วย”
เมื่อได้ยินว่าจะได้รับอุปกรณ์พิเศษ? ดอนนี่รู้สึกว่าเลือดลมพุ่งพล่าน ไปหมด เขาเกือบจะตอบตกลงในทันทีด้วยซ้ำ
โชคดีที่การฝึกสมาธิช่วยคงสติจุดสุดท้ายเอาไว้ได้ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ท่านบารอน เฮอร์ดอสเป็นเจ้าเมืองของที่นี่ ข้ายินดีมากที่ได้ช่วยท่าน แต่ข้าต้องการบันทึกว่านักเวทและนักเวทฝึกหัดคนก่อนจัดการกับความผิดปกติในปราสาทอย่างไร มาข้ามีความมั่นใจเพียงพอแล้ว ข้าจะไปที่ปราสาทด้วยตนเอง”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาต้องรอบคอบให้มากขึ้น
รอยยิ้มแสดงความเคารพนับถือปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพ่อบ้าน เขาหยิบเอกสารกองใหญ่จากกระเป๋าเดินทางของเขาออกมาแล้วพูดว่า “นี่คือบันทึกที่ท่านต้องการ”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของดอนนี่ เขาก็อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “สำหรับนักเวท นายท่านของข้าไม่ใช่คนแปลกหน้า ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าท่านต้องการสิ่งเหล่านี้”
ดอนนี่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับคำถามแล้ว เขาหยิบบันทึกและตรวจสอบด้วยเวทมนตร์ เมื่อไม่พบร่องรอยการปลอมแปลงใดๆ เข้าจึงเริ่มอ่านอย่างระมัดระวัง
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็พลิกหน้าหนังสือบันทึกและพูดอย่างใจเย็นว่า “ประหลาดมากที่นักเวทฝึกหัดสองคนกระโดดหน้าต่างของปราสาทเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ไม่มีบันทึกการเสียชีวิตของนักเวท ดูแล้วไม่น่าจะอันตรายเกินไปสำหรับข้า รบกวนพาข้าไปพบท่านบารอนด้วย”
ประโยคก่อนหน้านี้เขาไม่ได้พูดกับพ่อบ้านแต่พูดกับพ่อ แม่และน้องสาวของเขาเพื่อไม่ให้กังวล
อย่างที่เขาคิด เมื่อลิลี่และคุณนายไวท์ที่เป็นกังวลแล้วกำลังจะปฏิเสธได้ยินคำอธิบายของเขา ทั้งคู่ก็โล่งใจ พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติแก่ครอบครัวที่ลูกชาย (พี่ชาย) ของพวกเขาได้รับการชื่นชมท่านบารอน พวกเขารู้สึกว่าตัดสินใจได้ถูกต้องจริงๆ ที่ปล่อยให้เขาออกจากโรงเรียนสามัญ!
ในฐานะพลเรือน พวกเขาเคารพนับถือท่านบารอนมากกว่านักเวททั่วไปซะอีก
พ่อของดอนนี่พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาบอกให้ดอนนี่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องของครอบครัว
…
ใกล้ๆ กับตัวเมืองมีเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าดิบชื้น ภายในนั้นมีปราสาทสีทึมมืดมิดตั้งอยู่ถัดจากทะเลสาบอันเงียบสงบและสวยงาม
ภายในปราสาท ดอนนี่กำลังนั่งอยู่ต่อหน้าบารอน เฮอร์ดอสที่มีใบหน้าผอมแห้งและกำลังไออยู่ตลอดเวลาบนโซฟา
“ปราสาทแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลของเรามาเก้าร้อยปีแล้ว มันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเฮอร์ดอส แต่ในทศวรรษที่ผ่านมามีเหตุการณ์หลอกหลอนก่อกวนเกิดขึ้น ข้าหวังว่าท่านจะสามารถช่วยแก้ปัญหาให้ได้น่ะ ท่านไวท์มืออาชีพจากสำนักศาสตร์มืด “ บารอน เฮอร์ดอสกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง
เขาอาศัยอยู่บ้านในเมืองของเขาและแทบจะไม่ได้กลับมาที่ปราสาทเลย แต่วันนี้เขากลับมาเพื่อรอดอนนี่โดยเฉพาะ หลังจากติดตั้งระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุที่เป็นที่นิยม ขุนนางจำนวนมากก็ขึ้นชอบที่จะอาศัยอยู่ในเมืองหรือแถบชานเมืองมากกว่า ปราสาทจึงค่อยๆ ถูกทิ้งร้าง เว้นแต่โครงสร้างพื้นฐานเพื่อที่ในอนาคตจะขยายเข้าไปในป่า
ตอนนี้ดอนนี่เป็นหมอผีที่เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างร่างกายและปัจจัยทางพันธุกรรม ความรู้ที่เกี่ยวกับผีและวิญญาณปีศาจก็เป็นหนึ่งในหลักสูตรภาคบังคับของวิทยาลัยเวทมนตร์ไฮด์เลอร์ ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เขาถามอย่างจริงจังว่า “ข้าสงสัยว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นจึงทำให้มีเกิดเหตุการณ์ผีสิง ข้าหวังว่าท่านจะสามารถบอกทุกรายละเอียดโดยที่ไม่ปิดบังสิ่งใดๆ กับข้า”
ผีไม่สามารถออกมาจากที่ที่ไม่มีอะไรเลยได้อย่างแน่นอน
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ นักเวทคนก่อนก็ถามสิ่งนี้เหมือนกัน” บารอนเฮอร์ดอสตอบด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
นักเวทที่เขาเคยจ้างมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญของสำนักศาสตร์มืด แต่เนื่องจากพวกเขามาที่นี่เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะเขาจะต้องทำการสืบสวนเรื่องราวก่อนอย่างแน่นอน ไม่มีนักเวทคนไหนที่กระทำการโดยประมาท เว้นแต่พวกเขาจะเสียสติไปแล้ว
“ดูเหมือนว่ามันจะปรากฏขึ้นมากระทันหัน หรืออาจมีใครบางคนกระทำการบางอย่างลับๆ แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว คนที่ทำก็น่าจะหายไปแล้วเช่นกัน” บารอนเฮอร์ดอสกล่าวเสริม
ดอนนี่พยักหน้า “ข้าหวังว่าท่านจะสามารถมอบข้อมูลครอบครัวของท่านในช่วงเวลานั้นให้ข้าได้ ข้าหมายถึงข้อมูลทั้งหมด คืนนี้ข้าจะฆ่าเวลาด้วยการอ่านข้อมูลทั้งหมดที่นี่”
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านล่วงหน้า ท่านดอนนี่” บารอนเฮอร์ดอสพยักหน้า จากนั้นเขาก็ทิ้งเหรียญทองสิบเหรียญไว้บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะออกจากปราสาทพร้อมกับพ่อบ้านและกลับเขาไปในเมือง
คนรับใช้ภายในปราสาทจะอยู่ที่นี่ในตอนกลางวันและจะจากไปในช่วงเย็น ไม่มีใครกล้าค้างคืนที่นี่ ดังนั้น หลังจากที่บารอนเฮอร์ดอสจากไป ปราสาทก็กลับมาเงียบสงบและมืดมนอีกครั้ง ไฟภายในเตาลุกโชนอย่างเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่สามารถขับไล่ความเย็นยะเยือกออกไปได้
ดอนนี่ตรวจสอบปราสาทแล้ว แต่เขาไม่พบอะไรเลย จากนั้นเขาก็เข้าไปนั่งสมาธิเพิ่มประสาทสัมผัสให้เฉียบแหลมและเฝ้ารอยามค่ำคืนที่จะมาถึง
แก็ง! แก็ง! แก็ง!
นาฬิกาเก่าๆ บอกว่าขณะนี้คือเวลาสี่ทุ่ม ตามข้อมูลที่ดอนนี่ได้รับปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับผีทั้งหมดจะเกิดขึ้นหลังจากเสียงแก็งของนาฬิกาเก่าตีบอกเวลาครบสามครั้ง
แบม! แบม! แบม!
ดอนนี่ได้ยินเสียงทื่อๆ แปลกๆ ทันทีที่เสียงระฆังหยุด เขาขมวดคิ้ว นี้เป็นเสียงลมพัดที่กระทบกับขอบหน้าต่างหรือเปล่า? แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ตรวจสอบแล้วว่าหน้าต่างทั้งหมดถูกปิดลงเรียบร้อยแล้ว!
ดอนนี่เปิดประตูและเดินไปยังทิศทางที่เขาได้ยินเสียง
ปัง
เสียงปะทะกันดื้อๆ ขนาดใหญ่ดังอยู่ข้างหลังดอนนี่ เขากลัวจนต้องรีบหันหลังกลับ แต่เขาก็ต้องพบว่าห้องที่เขาเพิ่งออกมานั้นประตูได้ถูกปิดไปแล้ว!
วู! วู! วู!
เสียงร้องไห้อันอ่อนแอราวกับภาพลวงตาดังเข้ามาในการรับรู้ของดอนนี่ เขาขนลุกไปทั้งตัว หากไม่ใช่เพราะมีประสบการณ์การฝันร้าย เขาก็คงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
วู!
เสียงสะอื้นของสายลมพัดผ่านทางเดิน
เทียนที่ถูกจุดไว้ดับไปทีละดวง จากนั้นปราสาททั้งหลังก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด
ดอนนี่รีบร่ายเวท “แสงสว่าง” ออกมา ถุงมือของเขาเรืองแสงทันทีราวกับไฟคบเพลิง ทำให้มองเห็นสิ่งรอบข้างได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้น ลมหายใจที่เย็นเยียบและมืดมนก็พัดผ่านซอกคอของดอนนี่ ผมของเขาตั้งตรงทันที จากนั้น “แสงสว่าง” ก็ดับลง!
“วิญญาณปีศาจนี้น่ากลัวกว่าที่คิดไว้เสียอีก!”
ในฝันร้ายของดอนนี่ เขาได้เห็นผีดิบมาทุกประเภท เขาจึงรู้สึกได้ถึงพลังของวิญญาณปีศาจได้ชัดเจนกว่าที่นักเวททั่วไปจะมองเห็น เขารีบกลับไปที่ประตูปราสาทอย่างไม่สบายใจนัก “มันขัดจังหวะการร่ายเวทโดยที่ข้าไม่ทันตกใจเลย! นักเวทคนก่อนรอดมาได้อย่างไรกัน?”
โดยทั่วไปแล้ว วิญญาณปีศาจเหล่านี้ผูกติดอยู่กับสถานที่ใดที่หนึ่ง ตราบใดที่เขาออกจากปราสาท เขาก็จะปลอดภัย!
“กี! กี! กี!”
เงาสีขาวเลือนลางลอยอยู่ตรงหน้าเขาและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ถ้าข้าไม่ปล่อยให้พวกเขาไป พวกเขาก็จะส่งอาหารให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่าเปล่าน่ะ?”
ดอนนี่ตื่นตระหนกอย่างมาก มันรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่? หรือบางที… มันกำลังใช้ภาพลวงตาและคำพูดสั่นคลอนความมุ่งมั่นของเขา?
“มั่นใจได้เลย ไม่เพียงแต่ข้าจะกินเจ้า แต่ข้าจะดูดวิญญาณของเจ้าอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป” เงาสีขาวปรากฏผุบๆ โผล่ๆ โดยไม่มีโอกาสให้ดอนนี่จับกุม “ตั้งแต่ข้าถูกปลุก ข้าก็เอาแต่คิดว่าจะดูดวิญญาณของเจ้าเพียงครึ่งเดียว และนั่นจะทำให้เจ้าลืมเลือนสิ่งที่เกิดขึ้น และจะกลับมาที่นี่ทุก 2-3 เดือน”
ดอนนี่ก้าวไปข้างหน้าอย่างระวัง เขาไม่สนใจคำพูดของวิญญาณปีศาจ ส่วนผีนั้นก็ไม่ได้หยุดเขาเช่นกัน
เขาโล่งใจขึ้น เขารู้สึกว่าวิญญาณปีศาจนั้นเพียงแค่คุยโม้ แต่ตอนนี้เขามาถึงหน้าประตูปราสาทแล้ว
ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือรีบวิ่งออกไป!
ดอนนี่ดึงประตูออก แต่มันกลับเป็นห้องโถงของปราสาท!
ความตกใจและความหนาวเย็นผุดขึ้นจากปลายเท้าของเขา ร่างกายของเขาเป็นอัมพาตอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ ข้าชอบความกลัวมากกว่าสิ่งอื่นใด” ใบหน้าที่ซีดเซียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าดอนนี่ มันอ้าปากและพ่นกลิ่นเหม็นใส่ใบหน้าของดอนนี่อย่างไร้ความปราณี มันเหม็นมากจนเขาเวียนหัว นั่นทำให้เขาไม่สามารถที่จะตั้งสมาธิร่ายเวทได้อีกต่อไป
เมื่อมองไปที่ใบหน้านั้น ดอนนี่ก็รู้สึกเย็นและหนาวมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าวิญญาณของเขาจะถูกแช่แข็งซะแล้ว
นี้เขารอดชีวิตจากฝันร้ายเหล่านั้นเพียงเพื่อจะถูกวิญญาณปีศาจที่อ่อนแอนี้ฆ่าตายงั้นเหรอ?
ทันใดนั้น ดอนนี่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่หนาวเย็นพุ่งขึ้นมาที่มือขวาของเขา จากนั้นมือของเขาก็ยกขึ้นคว้าไปที่ใบหน้าที่อยู่ด้านหน้าของเขาโดยที่เขาไม่ได้บังคับ
นี่คือมือขวาของข้าเหรอ?
ฝ่ามือในชุดสีดำ สีขาว และสีเทาที่เห็นซ้ำๆ เป็นประจำปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของดอนนี่ เขารู้สึกเหมือนว่าเขาได้เห็นความตายที่ไม่มีวันจางหายทันทีที่เขาเห็นมือนี้!
“ไม่!” วิญญาณปีศาจร้องไห้อย่างน่าสังเวช ราวกับว่ามันได้เห็นสิ่งที่มันกลัวที่สุด
จากนั้นมันก็แข็งทื่อราวกับกำลังรอคอยมือขวาของดอนนี่
เมื่อมือขวาผ่านไป วิญญาณปีศาจก็ถูกแยกเป็นเสี่ยงๆ และโยนหายเข้าไปในความมืด มือสีดำ สีขาว และสีเทาก็หายวับไปในความว่างเปล่า
ดอนนี่กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เขารีบร่ายแสงสว่างเพื่อจะพบว่าทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่เทียนจะถูกดับ
“ภาพลวงตา? ไม่สิ มันต้องเป็นเรื่องจริงสิ!” ดอนนี่ยกมือขวาขึ้น แต่เขาก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติใดๆ เขาพึมพำว่า “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมือขวาของถึงกลายเป็นสิ่งนั้น?”
ก่อนหน้านี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้กลายเป็นผู้ครอบครองความตาย!
“มัน… มันรู้สึกเหมือนสีดำ สีขาว สีเทา และชุดเกราะสีดำในฝันร้าย!” จู่ๆ ดอนนี่ก็เงยหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบขึ้น
…
นอกปราสาท มีบุคคลยืนนิ่งด้วยความสง่าและยิ้ม “อย่างที่ข้าคิดไว้ ปัญหาทั้งหมดไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ”
………………………………………………………