บทที่ 228
อำนาจศักดิ์สิทธิ์
หลังออกมาจากริมแม่น้ำ เมื่อสายตาของเฉิงหลิงหรานสบกับสายตาของเจียงซิ่ว เธอก็เผยรอยยิ้มที่ดูเจ้าชู้ของเธอ ดวงตาดูมีความรัก เธอไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของเธอได้อีกต่อไป “นาย… ฉันว่าหยิงชิงคงจะเกลียดนายไปจนชั่วชีวิตของเธอ”
“เธอทำตัวเอง ตามที่คนพูดมา คนชั่วร้ายจะได้รับความเดือดร้อนจากคนชั่วร้ายอีกคน” เจียงซิ่วตอบกลับ
เฉิงหลิงหรานกล่าว “ใช่ ใช่ นายเป็นคนชั่วจริงๆ สิ่งที่นายพูดถูกต้องแล้ว ทุกคนกล่าวว่าผู้คนจากดงซงเก่งด้านศิลปะการต่อสู้ ดูเหมือนว่านายเองก็จะได้รับทักษะบางอย่างมาเหมือนกัน ยังไงก็เถอะ อย่าทำเกินเลยมากจนเกินไป หลงหยิงชิงไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ”
“ฉันเดาว่าเธอคงจะไม่มองหาฉันแล้ว หลังจากที่ได้บทเรียนของวันนี้ไป”
เฉิงหลิงหรานไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่หัวเราะคิกคักเมื่อนึงถึงสภาพที่น่าสังเวชของหลงหยิงชิง แต่เธอรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องที่จะดูถูกคนอื่น เมื่อตอนที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน ดังนั้นเธอจึงปิดปากของเธอทันที อย่างไรก็ตาม ดวงตาของเธอซึ่งเกือบจะกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยวก็เบิกกว้างออก
เฉิงหลิงหรานที่อยุ่ตรงหน้าของเจียงซิ่วก็เหมือนกับดอกไม้บานที่เบ่งบานขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ก็เนื่องจากมันแสดงเสน่ห์ของมันได้อย่างอิสระ
“นายมันชั่ว!”
“ตอนนี้สนุกมากพอแล้ว ฉันจะไปเรียนแล้ว”
เฉิงหลิงหรานเดินไปได้ไม่ไกล แต่ความสง่างามของเธอและความอ่อนโยนก็แสดงให้เห็นได้จากการเดินของเธอโดยไม่รู้ตัว จากรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ มันอาจเป็นไปได้ว่าเธอรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกในตอนที่เธอใช้เวลากับเจียงซิ่ว
ด้านนี้วิญญาณกำลังล่องลอยขึ้นสูง แต่อีกด้านนึงมันกลับกลายเป็นหายนะ ไม่ว่าหลงหยิงชิงจะพยายามล้างมันออกไปมากแค่ไหนก็ตาม เธอรู้สึกราวกับว่ามันไม่ได้หลุดออกไปจากตัวเธอเลย ยิ่งไปกว่านั้น เธอเป็นผู้หญิงดังนั้นเธอจึงไม่สามารถถอดเสื้อผ้าได้ เพราะเป็นแบบนั้น เธอจึงรู้สึกเหม็นไปทั่วตัว และอยากจะอาเจียน
หลงติ๋งเหว่ยยื่นมือของเขาไปดึงเธอขึ้นมา เมื่อเขาเห็นว่าเธอกำลังว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง แต่เขากลับถูกตำหนิโดยหลงหยิงชิง “ฉันไม่ต้องการความเมตตาของคุณ”
เธอตัวเปียกและอ่อนแรง แต่เธอก็ยังเหม็นไปทั่งตัวเมื่อตอนที่เธอไปยังกลางมหาวิทยาลัย
เมื่อตอนที่เธอวิ่งหลากหลายคนโบกไม้โบกมือมาที่เธอ เธอไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด และเธอไม่รู้สึกจำเป็นต้องรู้มันด้วย ก็ในเมื่อเธอรู้ว่าพวกเขาทั้งหมดกังพูดเรื่องไม่ดี
ภาพลักษณ์ของเธอในฐานะคนงงามของมหาวิทยาลัยถูกทำลายลงแล้ว!
ถูกทำลายในทันที!
แค่คิดว่าเธอ หลงหยิงชิง ผู้สูงศักดิ์ เย่อหยิ่งราวกับเจ้าหญิง ไม่ การดำรงอยู่ของเจ้าหญิงต้องไม่ประสบกับความอัปยศเช่นนี้ แค่คิดว่าสิ่งนั้นตกมาอยู่บนหัวของเธอ… อี๋ เธอวิ่งไปที่ขอบถนนและอาเจียนอีกครั้ง แม้แต่กระทั่งความโกรธก็ไหลออกมา
“คนสกุลเจียง ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่…”
“อ็อกก…”
หลังจากอาเจียนไปชั่วขณะนึง เธอก็ไม่สามารถอาเจียนอะไรได้อีกแล้ว ท้องของเธอว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ส่งผลทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัว ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกเสียใจและยิ่งอยากจะร้องไห้มากขึ้นเท่านั้น
เธอบอกให้คนขับรถขับกลับบ้าน เพราะเธอต้องการรีบเข้าห้องน้ำที่บ้านของตัวเอง ทันทีที่มาถึงเธอก็ถอดเสื้อผ้าออก และขว้างพวกมันออกไปนอกหน้าต่าง คนรับใช้มาเอาพวกมันไปพร้อมๆ กับบีบจมูกของตัวเองไปด้วย และรับเอาพวกมันออกไปทิ้งทันที
เธออยู่ในห้องน้ำนานกว่าชั่วโมง แต่แล้วก็ยังไม่ได้ออกมา เธอใช้เจลอาบน้ำทั้งขวดหมดแล้ว และฉีดน้ำหอมทั่วห้องน้ำเพื่อกำจัดกลิ่น แต่ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอยังรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นที่ปกคลุมอยู่ไปทั่วตัวเธออยู่ดี
กลิ่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเธอลืมลงได้ในเร็วๆ นี้
ตอนนี้ เธอกังวลเกี่ยวกับสิ่งหนึ่ง นักศึกษาคนนึงถ่ายรูปภาพที่น่าสังเวชของเธอไปได้และอาจจะอัปโหลดมันลงไปยังฟอรัมของมหาวิทยาลัย เธอสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ แล้วมาที่หน้าคอมพิวเตอร์ของเธอทันที
สิ่งที่เธอกลัวมันเกิดขึ้นแล้ว
ฟอรั่มทั้งหมดกลายเป็นบ้าคลั่ง
มีหัวข้อสั้นๆ ปรากฏอยู่ – คนงามอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัย หลงหยิงชิงเปื้อนไปด้วยสิ่งนั้น
ในเวลานี้หัวใจของเธอตกลงไปที่ตาตุ่ม และความขุ่นแค้นที่เธอรู้สึกต่อเจียงซิ่วก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก เธอคลิกที่ลิงก์และสิ่งแรกที่เธอเห็นในรูปก็คือ มันเป็นตอนที่เธอกำลังออกมาจากโรงยิมและก็ถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งนั้น รูปนี้มัน…
“อ็อกกก!”
หน้าของหลงหยิงชิงเปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้ งขณะที่เธอปกปากและรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ
“คนสกุลเจียง!!!!!!”
บ้านของตระกูลหลงดังก้องไปด้วยเสียงคำรามที่เต็มไปความคุ้นแค้น สิ่งนี้ส่งผลทำให้บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือน
“ฉัน หลงหยิงชิง สาบานว่าถ้าฉันยังอยู่แกจะต้องตาย!!”
“อ๊อกก…”
อย่างที่เจียงซิ่วได้กล่าวไว้ หลงหยิงชิงไม่สามารถดมกลิ่นอะไรได้เลย เมื่อใดก็ตามที่เธอพยายามดม เธอจะจำสิ่งนั้นได้และเริ่มอาเจียนอีกครั้งทันที เธอไม่สามารถทนเห็นอะไรสีเหลืองหรือสีน้ำตาลได้อีก เพราะนั่นก็ทำให้เธออาเจียนออกมาเช่นกัน
สถานการณ์แย่มากจนกระทั่นเธอต้องหยอดน้ำเกลือ
มองดูรูปร่างหน้าตาของเธอ ซึ่งดูราวกับจะบอกว่าเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว อาวุโสในตระกูลหลงกลายเป็นกังวลยิ่ง
“หยิงชิง อาการเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังเหมือนเดิม พวกเราจะต้องรอการวินิจฉัยจากนักจิตวิทยา”
“เธอออกมาแล้ว!”
ผู้หญิงที่งดงามออกมาจากห้องของหลงหยิงชิง และนั่งลงที่ล็อบบี้ ชายวัยกลางคนที่มีความสามารถทางวิชาการก็อยู่ที่นี่เช่นกัน พวกเขาเป็นพ่อแม่ของหลงหยิงชิง
“นักจิตวิทยากล่าวว่าเธอไม่สามารถไปมหาวิทยาลัยได้ ที่ดีที่สุดคือการให้เธอย้ายไปที่อื่น อยู่ไกลจากสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์ ส่งเธอไปต่างประเทศจะเป็นการดีที่สุด”
หลงเซี่ยเจิงกล่าว “ยุโรปเป็นไง? เธอสามารถทำธุรกิจที่นั่นได้”
“หลินเหยา!”
ชายชราตัวเตี้ยคนนึงลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาว่า “ชายคนนี้พร้อมรับใช้!”
“ไปกับเธอที่ยุโรป เข้าใจไหม?”
“ฉันเข้าใจ” เขาพยักหน้า “ฉันจะไปยุโรปพร้อมกับนายหญิงในวันพรุ่งนี้”
…
คืนวันนี้ เฉิงหลิงซูพักอยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นเจียงซิ่วจึงสามารถบ่มเพาะได้อย่างสบายใจ การบ่มเพาะของเจียงซิ่วกลายมาเป็นหยุดนิ่ง ลวดลายศักดิ์สิทธิ์เสร็จสมบูรณ์แล้ว และจากเหตุผลนี้ เขาก็ควรที่จะได้เป็นเทพเจ้าแล้ว เขาถูกสกัดกั้นโดยโลกใบนี้ และก่อนที่เขาจะพบวิธีการแก้ปัญหานั้น การบ่มเพาะนั้นเป็รนเรื่องไร้สาระมาก
อย่างไรก็ตาม เขามีความหลงใหลต่อการฝึกฝน มันเหมือนกับการเล่นเกม แม้ว่าบุคคลผู้นั้นจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่สามารถเพิ่มระดับได้อีก พวกเขาก็ยังคงคลิกเล่นต่อไป
เนื่องจากไม่มีวิธีการที่จะก้าวหน้าแล้ว เขาจึงสามารถทำได้เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการ และเริ่มสกัดกลั่นพลังศักดิ์สิทธิ์
“เหตุใดโลกนี้ถึงขัดขวางไม่ให้ฉันเป็นเทพ?”
เจียงซิ่วไม่เข้าใขเรื่องนี้จริงๆ สถานการณ์ของเขาไม่แตกต่างจากจีหวูเต๋า ก็เพราะพวกเขาบ่มเพาะเพื่อเป็นเทพ และอีกคนหนึ่งก็ได้กลายเป็นเทพเจ้าเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าวิธีการจะเป็นอย่างไร เป้าหมายสุดท้ายก็เหมือนกัน กลายเป็นเทพเจ้า
ตั้งแต่ที่จีหวูเต๋าได้รับอนุญาตให้เป็นเทพเจ้า เจียงซิ่วเองก็ควรได้รับอนุญาตด้วยเช่นเดียวกัน เขาสงสัยว่าสวรรค์กำลังลำเอียงหรือไม่
“หืมม?”
ทันใดนั้นเอง การแสดงออกของเจียงซิ่วก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกผิดปกติ ร่างกายของเขาแสดงความก้าวหน้าให้เห็น ครั้งสุดท้ายที่สิ่งนี้เกิดขึ้น เขาก็ถูกระงับโดยฤทธิ์เดชของสรวงสวรรค์และก็อาเจียนออกมาเป็นเลือด ใจของเขากลายเป็นเคร่งเครียด เขาคิดว่าสิ่งเดียวกันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ผลลัพธ์ในครั้งนี้ก็แตกต่างกันออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
จิตใจของเจียงซิ่วล่องลอยไปยังฟากฟ้า ลุกขึ้นสู่ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ยิ่งความคิดของเขาไปไกลเท่าไหร่ สิ่งที่เขาบรรลุถึงก็จะมากเท่านั้น ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกกดดันเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ภายในเขตแดนแห่งความว่างเปล่า มีสิ่งเล้นลับชนิดนึง มันอาจะเรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่จากสมัยโบราณกาล
“นี่อาจจะเป็น…”
ครั้งล่าสุด เขาโดนลงทัณฑ์จากความพิโรธของสวรรค์ แต่เวลานี้กลับไม่ใช่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่อธิบายได้ด้วยคำกลอนหรือเหตุผล มีคำอธิบายเดียวเท่านั้นที่มีให้ อำนาจศักดิ์ได้ถูกมอบใส่แล้วเรียบร้อย เนื่องจากที่จีหวูเต๋าซึ่งเป็นเทพถูกฆ่าตาย อำนาจศักดิ์ก็กลายเป็นอิสระ ดังนั้น ครั้งนี้ความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์จึงไม่ได้ลงมา
และตอนนี้ โลกอาจเป็นไปได้ว่ากำลังอยู่ในสภาพที่ใครบางก็กลายเป็นเทพเจ้าได้!
เมื่อเขานึกถึงสิ่งนี้ เขาเริ่มบินขึ้นพร้อมๆ กับความกดดัน
เขาเห็นแสงไฟกะพริบจำนวนมากในความว่างเปล่าที่มืดสนิท
“นี่คือ…”
เจียงซิ่วเดินเข้ามาใกล้แสงที่อยู่ใกล้เขาที่สุด และกลายเป็นให้ตะลึง แสงที่เขาเห็นนั้นคล้ายกับรัศมีพระเจ้าทั้งสามในร่างกายของเขา
“รัศมีพระเจ้า!”
ความว่างเปล่านี้เต็มไปด้วยรัศมีพระเจ้าจำนวนมาก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ และสวรรค์ทั้งเก้าแห่งนั้นงดงามยิ่งนัก ถ้าเจียงซิ่วเดาได้ถูกต้อง หลังจากได้รับรัศมีพระเจ้า ความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเทพก็เข้าที่ รัศมีพระเจ้านี้ทั้งหมดแตกต่างกัน และพลังของมันมันก็แตกต่างกันออกไปโดยธรรมชาติ มันเป็นเพียงแค่ว่าเขาไม่มีคนชี้นำสิ่งต่างๆ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าอันไหนอ่อนแอหรืออันไหนแข็งแกร่งกว่า
“นี่คือหัวกะโหลก?”
กะโหลกศีรษะสามารถมองเห็นได้จากรัศมีหนึ่งในนั้น เขาไม่สนใจเรื่องปีศาจ
“นี่คือเปลวไฟ?”
สิ่งนี้ทำให้เจียงซิ่วระลึกถึงคำสาปของเทพเจ้าอัคคีได้ในเมืองทะเลทรายโบราณ
“อันนี้เป็นสีดำ และมันก็ยังเต็มไปด้วยอ่อร่าพลังทำลายล้าง”
ในขณะที่เขาบินสูงขึ้น เจียงซิ่วก็ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นไปด้วย และรู้สึกว่ามันยากที่จะไปต่อ
“อันนี้คืออะไร? โทนสีเขียวของมันเหมือนกับรัศมีพระเจ้าของเต๋าศรัทธาสวรรค์” เจียงซิ่วพึมพำกับตัวเอง “ฉันสงสัยว่าความสามารถของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอีกไหม หากพวกมันเหมือนกัน”
เขาวางแผนที่จะดูต่อไป และลอยตัวสูงขึ้น!
“นี่ควรเป็นรัศมีพระเจ้าศรัทธาศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบกับรัศมีพระเจ้าที่คล้ายกับหมิงหลุน
แรงกดดันเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและเจตจำนงของพระเจ้าก็เริ่มสูงขึ้นแล้วเช่นกัน เจียงซิ่วรู้สึกว่าหัวของเขาเจ็บปวดมากขึ้น รู้สึกยากที่จะอดทนกับมันได้ ราวกับว่าหัวของเขากำลังจะระเบิดออก
จากประสบการณ์ในการฝึกฝนของเขา เขาตัดสินใจว่ายิ่งรัศมีที่ดำรงอยู่ไกลออกไป มันก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ดังนั้นแล้ว เขาจึงกัดฟันของตัวเอง และขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงที่สุด
“อ๊ากกกกกกก…”
จมูกของเจียงซิ่ว ตา ปาก และหู เริ่มมีเลือดไหลออกมา สิ่งนี้มันส่งผลทำให้เขาดูน่าหวาดกลัว แต่เขาไม่สนใจพวกมันทั้งหมด และลอยไปยังตำแหน่งที่สูงที่สุด เมื่อเขาเห็นรัศมีที่แข็งแกร่งที่นั่น เขาไม่สนใจว่ามันจะเป็นแบบไหน และวางแผนที่จะคว้ามันมารวมเข้ากับจิตวิญญาณของตัวเอง