บทที่ 236
ประตูสวรรค์
มีคนจำนวนมากมารวมตัวกันใกล้กับอาคารมอนทากัวเพื่อดู อย่างน้อยๆ ก็มีหนึ่งร้อยคน เรื่องนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนภายในประเทศ และสิ่งนี้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว
ฉากเห็นได้ชัดในมากกว่าในทีวี อาคารมอนทากัวซึ่งเป็นสถานที่สำคัญดูเหมือนจะถูกตัดออกโดยใช้ใบมีดขนาดใหญ่ พนักงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบภายใน และสรุปว่าไฟไหม้เกิดขึ้นเนื่องจากความเสียหายของวงจรไฟฟ้าภายในอาคาร
หวังติ๋งซานถาม “คุณเจียง สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงเนื่องจากการล่มสลายของอวกาศ?”
เจียงซิ่วไม่ได้พูดอะไรและหยุดนิ่ง แสงสีขาวกระพริบผ่านหน้าผากของเขา และเม็ดกระบี่ก็ออกมาจากจุดกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ทันที หลังจากกลายเป็นเทพ การเชื่อมต่อกับระหว่างจุดกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นสมบูรณ์และเม็ดกระบี่ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขาแล้วอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเข้าใช้อย่างระมัดระวังเหมือนเมื่อก่อนที่เขาเคยทำมา
เม็ดกระบี่พุ่งขึ้นไปบนฟ้าอย่างช้าๆ และไปถึงที่ที่อาคารได้รับความเสียหาย
บูมม!
เม็ดกระบี่สั่นสะเทือนในกะทันหัน และกระบี่อันทรงพลังก็พุ่งออกมาจากมัน ความน่าสะพรึงกลัวกระบี่เล่มนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะจินตนาการถึงได้ มันเหมือนกับพายุเฮอริเคนที่ก่อเกิดภัยพิบัติ
เมื่อเจตจำนงแห่งดาบพุ่งไปด้านหน้า มันก็ดูราวกับว่าคลื่นยักษ์ได้ถูกสร้างขึ้นบนท้องฟ้า
เจียงซิ่วส่ายหัวเล็กน้อย “นั่นไม่แน่!”
สิ่งที่เขาสัมผัสได้จากสิ่งแวดล้อม มันไม่ได้เกิดจากทักษะดาบหรือทักษะกระบี่เพราะไม่มีเจตจำนงแห่งดาบหรือร่องรอยดาบใดๆ หลงเหลืออยู่ เจตจำนงกระบี่ในเม็ดกระบี่จะสะท้อนกับมามันถ้าเป็นเช่นนั้น นี่คือทักษะตรวจสอบเจตจำนงของเจียงซิ่ว เขาใช้เจตจำนงแห่งดาบในชีวิตก่อนหน้า และในชีวิตนี้ เขาเปลี่ยนมันเป็นเจตจำนงกระบี่ มันเป็นหนึ่งในทักษะลับของนิกายย่างก้าวสวรรค์ซึ่งใช้ในการติดตามศัตรู
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอวกาศหรือไม่ เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับมัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาอะไรออกมาจากอาคารมอนทากัวได้ แต่เจียงซิ่วก็รู้สึกถึงนักสู้จำนวนเล็กน้อยที่อยู่ที่นี่ได้ เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่ผิดธรรมชาติที่นี่ เขาเดาว่าคนเหล่านี้จะต้องถูกดึงมาที่นี่เนื่องจากสิ่งประหลาดที่เกิดขึ้นกับอาคารมอนทากัวแห่งนี้
“หืมม?”
เยาวชนชาวยุโรปคนหนึ่งดูเหมือนจะถ่ายรูปอาคารมอนทากัว แต่ในความเป็นจริง เจียงซิ่วรู้สึกว่าคนนี้กำลังถ่ายรูปตัวเองหลายรูป
อาจเป็นเพราะเขาสังเกตเห็นเจียงซิ่วมองเขา เขาเลยตั้งใจถ่ายรูปรูปตึกมอนทากัวอีกครั้ง และพูดคุยกับผู้คนที่อยู่ข้างเขาเล็กน้อย เขาหันหลังกลับเพื่อออกเดินทางทันที
การกระทำของเขาดูระมัดระวังเป็นพิเศษ เขาเร่งฝีเท้าของตัวเองและไปพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง มอบกล้องในมือให้กับเธอ “มันอาจเป็นไปได้ว่าบุคคลนี้จะเป็นสุดยอดเซียนที่อยู่ในรายชื่อจัดอันดับเซียน ลำดับที่ 3 เจียงโหลวเซี่ย แจ้งฝ่ายที่เกี่ยวข้องทันทีและใส่ใจเขาให้มาก”
หญิงชาวยุโรปตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส “เข้าใจแล้ว!”
หลังจากการพบกันครั้งนี้ ผู้หญิงก็หันไปทางอีกถนนหนึ่งและเข้าไปในพลาซ่า เธอนั่งลงบนม้านั่งแล้วถามคนที่อ่านหนังสือพิมพ์ที่นั่น “ทำไมไม่มีการแจ้งให้ทราบใดๆ เลยเกี่ยวกับการที่บุคคลยิ่งใหญ่เช่นเจียงซิ่วเดินทางมาที่อโกลล์ เขามาที่นี่ทำไม? อาคารมอนทากัวเกี่ยวข้องกับเขา?”
ชายผู้อ่านหนังสือพิมพ์มีผมและตาสีดำ เขาตอบเธอ “เธอไม่ต้องกังวลอะไรให้มาก คนในของเราได้ยืนยันแล้วว่าเจียงซิ่วได้มาที่อโกลล์ของเรา แต่มันเป็นเพียงการเดินทางเล่นๆ ”
ผู้หญิงเยาะเย้ย “นายบ้าไปแล้ว? เซียนอันดับ 1 ของจีนเพียงแค่ออกเดินทางเล่น? นายคิดว่าฉันเป็นเด็กอายุ 3 ขวบรึไง?”
ชายคนนั้นกล่าว “ไม่ว่าเขาจะมาทำอะไรก็ช่าง พวกเรายังไม่ได้รับภารกิจใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เราก็คงทำอะไรกับเขาได้ไม่มากนัก และคงทำได้แต่เพียงรอคำสั่งจากด้านบน”
“เขาอาจเป็นคนจีนที่ไม่รักบ้านเกิดแบบนาย และมาอยู่ทีนี่เหมือนกัน?” เธอถามเขา
“คุณเจียงเป็นข้อยกเว้น เขาไม่แม้แต่จะถึงอายุ 20 ปี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องการเดินทางไปยังโลกภายนอก”
ผู้หญิงไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่สาปแช่ง “อายุ 20 ปี! ยายมันเถอะ เขาเป็นเซียนด้วยอายุแบบนี้!”
ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเสียงดังเช่นกัน มันน่าตกใจจริงๆ ที่บางคนกลายเป็นเซียนเมื่อตอนอายุ 20 การแสดงออกที่ผิดปกติเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่ใบหน้าของเขาก็ยังดูสงบนิ่ง ราวกับว่าเขากำลังชื่นชมยินดี “ประตูสวรรค์มีความคับข้องใจกับเขา ก็ในเมื่อบูซี่หมิ๋งตายภายใต้เงื้อมมือของเขา ดังนั้นพวกเขาอาจต้องลงมือ การเดินทางมายุโรปของคุณเจียงจะต้องทำให้เรากลายเป็นวุ่นวายแน่ ดังนั้นบอกทุกคนให้ตื่นตัวอยู่เสมอ”
ชายอ้วนชาวยุโรปที่มีหน้าท้องโป่งพองออกมา ได้มาถึงในขณะที่กำลังเคี้ยวฮอทด็อกไปด้วย เขาวางเท้าของเขาบนม้านั่งข้างน้ำพุ และกล่าว “ฉันได้รับข้อมูลมาว่าคุณเจียงมาพร้อมกันกับหญิงสาวของตระกูลหลง”
ชายที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่เปิดเผยความประหลาดใจบนใบหน้าของเขา “ตระกูลหลงเป็นหนึ่งในสาขาของประตูสวรรค์ ดังนั้นพวกเขาจะมาด้วยกันกับคุณเจียงได้ยังไง? นายหญิงหลงไม่ได้ถูกหมั้นกับเจ้าชายแห่งตระกูลลีที่อยู่ในเกาหลี?”
ก้อนไขมันกลืนฮอดดอกและเลียนิ้วของเขาให้สะอาด ก่อนที่จะตบมือ “ถูกแล้ว!” หลังจากพูดได้ดังนี้นี้ เขาก็ทำท่าทางราวกับว่าเขามาดูทิวทัศน์ จากนั้นก็ชำเลืองมองครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกไป
ชายผู้อ่านหนังสือพิมพ์ขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? ตระกูลหลงและตระกูลลีในเกาหลี เป็นทั้งสองสาขาของประตูสวรรค์ ทำไมพวกเขาถึงมีส่วนร่วมกับคุณเจียง?”
การแสดงออกของผู้หญิงชาวยุโรปกลายเป็นจริงจัง “พวกเขาคงไม่ได้วางแผนที่จะเชิญคุณเจียงไปที่ประตูสวรรค์ ใช่ไหม?”
ชายคนนั้นไม่สามารถสงบอยู่ได้หลังจากได้ยินสิ่งนี้
เขารู้สึกโง่กับความเป็นไปได้นี้!
ผู้หญิงคนนั้นกล่าวต่อ “หากราชาน้อยของประตูสวรรค์ให้ตำแหน่งสำคัญ เช่นตำแหน่งที่ 3 หรือตำแหน่งที่ 2 กับเขา แม้แต่สุดยอดเซียนที่ยอมเยี่ยมอย่างเขาก็คงจะถูกล่อลวงไป”
ท่าทางของชายคนนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “ถ้าเป็นแบบนั้น จีนต้องลำบากแล้ว!” เขาไม่สามารถนั่งได้อีกต่อไป เขายืนขึ้น “สิ่งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น ฉันต้องรายงานสถานการณ์ของฝั่งนี้ให้ดี”
ในเวลาเดียวกัน ภายในปราสาทยุโรปโบราณ
ชายผู้มีเสน่ห์ ราชาอเล็กซ์ เข้าห้องประชุมพร้อมกับพระสงค์ที่สวมเสื้อฮูดสีน้ำเงิน เสียงของพระค่อนข้างเบา แต่ก็ยังคงทะลุเข้ามาในหู “แขกของเรามาถึงแล้ว ราชาอเล็กซ์!”
ราชาอเล็กซ์กล่าว “มันไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเราอยู่แล้วรึไง?”
พระหยุดเดินและเอนหลังพิงไม้ค้ำ “แต่คุณลืมไปแล้วรึไงว่าเราได้วางแผนไว้เพื่อแก้แค้นให้กับบูซี่หมิ๋งไว้แล้ว ซึ่งมันก็เกิดก่อนที่เขาจะฆ่าจีหวูเต๋า ตอนนี้ ลำดับของเขาคือลำดับที่ 3 การจัดอันดับเซียน เขายังเป็นลำดับที่ 1 ของประเทศจีน เราจะสามารถฆ่าเขาได้?”
เขาชี้ไปที่อีกาซึ่งพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ที่เหี่ยวแห้ง “ดูนั่น นั้นคือสิ่งที่สืบเชื้อสายมาจากเทพแห่งความตาย”
ราชาอเล็กซ์ยิ้มอย่างชั่วร้าย “มีใครในโลกนี้ที่เราประตูสวรรค์ไม่สามารถฆ่าได้? แม้ว่าเราจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ เขาก็ไม่สามารถฆ่าฉันได้เหมือนกัน”
เขาคว้าเครื่องรางที่แขวนอยู่บนหน้าอกของเขามา มีมังกรอยู่สองตัวที่ถูกวาดอยู่บนแผ่นนี้ ในโลกใต้ดิน มันมีข่าวลือว่าราชาอเล็กซ์มีวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า หยิงหยางคู่มังกร ซึ่งมีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด มันสามารถทนการโจมตีจากระเบิดปรามณูได้
พระเองก็ยิ้มเช่นกัน และกล่าวด้วยเสียงที่คล้ายระฆังแตกของเขา “คุณต้องการยกอันดับเซียนของตัวเอง?”
ราชาอเล็กซ์กล่าว “ไม่มีใครสนใจเกี่ยวกับการจัดอันดับที่ขาดเขลา มันเป็นสิ่งที่ไร้ค่า”
พวกเขาสองคนเข้าไปข้างใน
มีคนจำนวนมากอยู่ในห้องประชุม พวกเขาเป็นเซียนของประตูสวรรค์ที่อยู่ส่วนต่างๆ ของทั่วทุกมุมโลก พวกเขามารวมตัวกันเนื่องจากการมาถึงของเซียนอันดับของจีน และในครั้งนี้ จำนวนคนที่มามีมากกว่าจำนวนที่รวบรวมได้เมื่อตอนที่บูซี่หมิ๋งถูกฆ่าตาย
ชายเสื้อคลุมสีดำออกห่างจากเขาพวกนั้นมาทางพวกเขา เขามีหินยืดอายุอยู่ในมือ ซึ่งเป็นก้อนเดียวกับติดประกาศไว้ยังบ้านประมูล “ทุกคนมารวมตัวกันแล้ว? มาเริ่มการหารือในวันนี้กันเถอะ”
“มีเพียงหนึ่งหัวข้อที่จะอภิปราย ถ่อมตัว เก้าเทพนิยาย ชำละล้างสวรรค์ เคราะกรรมพันปี หัวใจที่ไร้ความรัก แต่โรแมนติก!”
“เจียงโหลวเซี่ย!”
ชายคนหนึ่งที่ถูกสวมชุดเครื่องแบบทหารเปิดปากของเขาออกมา “เราพร้อมที่จะร่วมมือกันทุกเวลา แม้ว่าเจียงโหลวเซี่ยจะทรงพลัง แต่มันก็คงยากสำหรับเขาที่จะเอาชนะกลุ่มเซียน 3-4 คน นับประสาอะไรกับการที่เรารวบรวมผู้คนมามากมายในตอนนี้”
“คุณไม่ได้ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่รึไง?”
ชายผิวดำกล่าว “การฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องยาก แต่ฉันมีความเห็นใหม่ ไม่ใช่ว่าเราต้องการคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ในประตูสวรรค์ของเราหรือไร? เหมือนกับที่ทุกคนเข้าร่วม พวกเราก็สามารถนำเจียงโหลวเซี่ยมาเข้ามาเข้าร่วมด้วยได้”
ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา สถานที่ก็กลายเป็นเงียบลง
“คุณลืมไปแล้วว่าเขาฆ่าบูซี่หมิ๋ง?”
“ก็เพราะว่าสูญเสียบูซีหมิ๋งไปแล้ว เราเลยต้องการใครสักคนเพื่อชดเชยการสูญเสียนี้ไป” ชายเสื้อคลุมดำตอบ
บางคนกล่าว “ภูมิหลังของบุคคลนี้ไม่เป็นที่รู้จัก และเช่นเดียวกับตัวตนของเขา การใช้เขาจะมีความเสี่ยงเกินไป ถ้าเราควบคุมเขาไม่ได้ล่ะ? นั่นจะส่งผลต่อภายในของพวกเรา”
“ใช่ นั้นถูกแล้ว”
ทุกคนแสดงความคิดเห็น บางคนเห็นด้วยในขณะที่บางคนไม่เห็นด้วย แต่คนที่ต่อต้านมันก็ยิ่งมีจำนวนมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น…
พระสงค์ถาม “เจียงโหลวเซี่ยจะเห็นด้วยกับมันรึเปล่า?”
เซียนทั้งหมดมีความภาคภูมิใจและหยิ่งจองหอง นับประสาอะไรกับการที่เขาเป็นเซียนอันดับ 1 ของจีน
ชายเสื้อคลุมดำกล่าว “ตามกฎประตูสวรรค์ของเรา ทุกคนที่ต้องการเข้าสู่ประตูสวรรค์จะต้องยอมรับการทดสอบ และแม้แต่กระทั่งต้องปล่อยให้คนสำคัญที่สุดของพวกเขาอยู่เบื้องหลังในฐานะตัวประกัน”
“เขาจะเชื่อฟังฉันหรือว่าจะตาย!”