บทที่ 266
การเปลี่ยนแปลงที่น่าแปลกประหลาดของเฉิงหลิงซู
การปล่อยให้สมาชิกของตระกูลหลิงอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการของเขตชายแดน จะส่งผลทำให้ตระกูลหลิงพลิกกลับจากช่วงทศวรรษที่ผ่านมาได้ นี่เป็นโอกาสที่หายาก และตระกูลหลินไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาสามารถรอได้อีกต่อไป ชายชราหลินแก่ขึ้น หากเขาจากไป หากไม่มีใครในตระกูลมีตำแหน่งที่สูงส่ง ตระกูลหลินก็จะกลายเป็นเหมือนตระกูลกู่ ไม่ พวกเขาจะไม่เหมือนกับตระกูลกู่ ก็ในเมื่อตระกูลกู่ยังมีผู้ว่าราชการอยู่ รวมถึงบุคคลที่ใหญ่ในกองทัพอย่างเช่นกู่เต๋อคาน
ลุงเซี๋ยนกล่าว “ฉันได้ยินมาว่าเจียงหยี่กำลังจะได้ตำแหน่งที่เมืองเจียง?”
หลินเยี่ยหลิงยิ้ม “ใช่!”
แม้แต่เจียงซิ่วก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ พ่อของเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว หลินเยี่ยหลิงอธิบายเหตุผลของมัน “นั่นเป็นเพราะความช่วยเหลือของนายกเทศมนตรีกู่ ก่อนที่จะถึงการเกษียณชั้นสอง เจียงหยี่ก็ได้เลื่อนขั้นอีกครั้ง และยังได้รับตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีของเมืองเจียงมา”
หลังจากเลื่อนระดับด้วยความเร็วคล้ายกับจรวด เจียงหยี่ก็ขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายในช่วงอายุของเขาแล้ว ในอนาคต มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ที่จะก้าวไปต่อข้างหน้าได้อีกขั้น ก็ในเมื่อพิจารณาจากอายุของเขา มันไม่มีโอกาสที่จะนำเสนอตัวเองเลย แต่กู่เต๋อชี่ไม่สนใจสถานะการเกษียณอายุระดับสอง และใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะส่งเสริมเจียงหยี่
หากมองจากมุมอื่น มันเป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่ากู่เต๋อชี่ วางเดิมพันอนาคตของตระกูลกู่ไว้กับเจียงซิ่วแล้ว
ลุงเซี๋ยนถอนหายใจ “นายกเทศมนตรีกู่แสดงความเอื้ออาทรต่อเจียงหยี่มาก!”
ความรวดเร็วในการเลื่อนตำแหน่งเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน และเขาก็ไม่เหมือนกับกู่เต๋อชี่ที่โอบอ้อมต้นไม้ที่ยิ่งใหญ่ครอบคลุมไปถึงสวรรค์ ชีวิตทางการเมืองของเขาจะมีความเสี่ยงมหาศาลเนื่องจากการกระทำเหล่านี้ และจากสิ่งนี้ มันก็อาจเป็นไปได้ว่ากู่เต๋อชี่และเจียงหยี่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันปกติทั่วๆ ไป
ข้าราชการทุกคนในเจียงหนานรู้ว่านายกเทศมนตรีกู่แสดงความเป็นห่วงเป็นมากต่อเจียงหยี่ ความจริงข้อนี้ชัดเจน มันคล้ายกับศีรษะของเหล่าพระสงฆ์ ตระกูลหลินเองก็รู้เช่นกัน และสิ่งนี้มันถึงกับต้องทำให้พวกเขาเปิดประตูออกมา
หลินเยี่ยหลิงหัวเราะ “แน่นอน!”
เธอมองไปที่เจียงซิ่ว เหตุผลที่นายกเทศมนตรีกู่มองเจียงหยี่สำคัญมากก็เนื่องจากเจียงซิ่ว ลูกชายของเธอเป็นคนสำคัญอย่างแท้จริง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาว่าจะให้นายกเทศมนตรีกู่เผชิญหน้ากับตระกูลหลิน และช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเปิดเผยเรื่องนี้
ลุงเซี๋ยนนั่งลงและพูดคุยกับหลินเยี่ยหลิงอยู่สักพัก เขามักจะพูดถึงเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นในอดีตและจะพูดถึงความกังวลของหัวหน้าชายชราอย่างไม่ตั้งใจ เช่นเดียวกับหญิงชรา เกี่ยวกับเธอ เขาแม้แต่กระทั่งกล่าวด้วยว่าห้องของเธอก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรถูกย้ายออกไปจากที่นั่น แต่ตอนที่เจียงซิ่วได้ไปเยี่ยมเยื่อนตระกูลเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ ห้องนั้นมันกลายเป็นห้องเก็บของสำหรับพวกเฟอร์นิเจอร์ที่ชำรุด
ขณะที่พวกเขาคุยกัน ชั่วโมงก็ได้ผ่านไป “เยี่ยหลิง ซิ่วน้อย หลายคนในตระกูลหลินไม่ยอมรับกับการตัดสินใจของนายชราในการที่จะให้พวกเธอกลับไปหาครอบครัว หลังจากทั้งหมดแล้ว ตระกูลของเราก็ยังมีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งสำหรับตระกูลเจียง และในท้ายที่สุดแล้วเจียงหยี่เองก็เป็นคนของตระกูลนั้น ซิ่วน้อยก็ยังใช้นามสกุลเจียงด้วยเหมือนกัน หากสิ่งที่น่าอึดอัดใจเกิดขึ้น โปรดอย่าไปใส่ใจ หากมีคนสร้างปัญหาให้กับเธอ มาหาลุงเซี๋ยน ฉันจะสอนบทเรียนให้พวกนั้นเอง”
หลินเยี่ยหลิงพยักหน้า เธอมีสีหน้าที่ดูซับซ้อน“ ขอบคุณ ลุงเซี๋ยน”
“ฉันจะกลับแล้ว ฉันหวังวันที่เธอจะมาถึงอยู่นะ”
ในเวลาเดียวกันกับตอนที่เขากำลังจะออกไป เสียงก็ดังมาจากทางเข้า เฉิงหลิงซูกลับมาหลังจากเลิกเรียน โดยปกติแล้ว เธอจะไม่มาที่นี่ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เนื่องจากหลินเยี่ยหลิงเองก็อยู่บ้าน เธอจึงต้องใช้เวลาอยู่กับแม่สะใภ้และทำตัวให้ฉลาดและน่ารักอยู่เสมอ ใช้เวลาที่ดีด้วยกัน
“แม่!”
ลุงเซี๋ยนตกตะลึง หลิงเยี่ยหลิงมีลูกสาว?
“นี่คือ?”
หลินเยี่ยหลิงยิ้ม “นี่คือลูกสะใภ้ของฉัน ซิ่วน้อยแต่งงานแล้ว เธอเรียกว่าเฉิงหลิงซู เป็นเด็กที่เชื่อฟังและน่ารัก”
“ซูซู นี่คือลุงเซี๋ยน เรียกเขาว่าลุงใหญ่เซี๋ยน โอเคไหม?”
เฉิงหลิงซูเรียกเขาว่า ‘ลุงใหญ่เซี๋ยน’ อย่างชาญฉลาด
สีหน้าที่ดูแปลกประหลาดเกิดขึ้นบนใบหน้าของลุงเซี๋ยน กลับไปเมื่อตอนนั้น ตระกูลหลินได้จัดการหมั้นสำหรับเจียงซิ่วไว้ เพื่อต่อต้านการป่าวประกาศของตระกูลเจียง ตอนนี้ตระกูลเจียงไม่เหลืออยู่อีกแล้ว เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะตกอยู่ในอ้อมอกของตระกูลหลิน ในการที่เจียงซิ่วจะแต่งงานกับลูกสะใภ้ที่พวกเขาเลือก เขาไม่เคยคิดว่าเจียงซิ่วจะแต่งงานแล้ว ในขณะที่เขายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย นี่มันค่อนข้าง…
แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรเลย แต่หลินเยี่ยหลิงก็เห็นการเปลี่ยนแปลงจากดวงตาของเขา อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งหนึ่งที่เธอจะยืนกรานและไม่เคยถอยหลัง ดังนั้นเธอจึงพูดมันออกมา
หลังจากที่ลุงเซี๋ยนจากไป เฉิงหลิงซูก็สังเกตเห็นได้ว่าเจียงซิ่วกำลังนั่งอยู่ตรงห้องนั่งเล่น ความอัศจรรย์ใจเติมเต็มอยู่ในดวงตาของเธอทันที “นายกลับมาแล้ว?”
“อืมม!”
เจียงซิวตอบกลับอย่างเฉยชา
“สารเลวตัวเหม็น ซูซูคิดถึงแกอยู่ทุกวัน และแกยังตอบกลับกับเธอในลักษณะนี้? ทำกับเธอดีๆ ไม่งั้นฉันจะสอนบทเรียนให้แก” ในฐานะที่แม่สะใภ้ที่อยู่ฝั่งลูกสะใภ้ เธอจึงต้องดุเจียงซิ่ว
สิ่งนี้ทำให้เจียงซิ่วดูมืดมน
เฉิงหลิงซูไม่ได้เห็นเขามานานมาก ดังนั้นเธอจึงต้องการดูว่าทัศนคติของเขาที่มีต่อเธอจะเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่เธอเห็นการอาการโมโหอย่างไม่คิดจะปกปิดอยู่ในสายตาของเขา และนี่มันก็ทำให้เธอขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ฉันจะขึ้นไปข้างบนและอาบน้ำ!”
กล่าวได้ดังนั้น เขาก็ไม่สนใจพวกเธออีก และขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปที่ห้องของเขา หลิงเยี่ยหลิงถาม “คงมีแต่ซูซูเท่านั้นแหละที่รับคนแปลกๆ อย่างแกได้ แกเอาของขวัญจากยุโรปมาให้ซูซูรึเปล่า?”
เขาซื้อของขวัญ แต่ไม่ได้ซื้อให้เฉิงหลิงซู
หลังจากอาบน้ำ เจียงซิ่วไปบ้านของหวังซินตง เครื่องประดับถูกเอามาแล้ว และในปัจจุบันตอนนี้มันก็อยู่ในบ้านของเธอ เขาดูการเต้นของเธอแบบผ่านๆ แล้วก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับเครื่องประดับ
หลังจากการเต้น หวังซินตงล้มลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ ปล่อยให้แสงสีทองแสนแสนอบอุ่น สะท้อนเหงื่อระยิบระยับตามร่างกายที่เย้ายวนของเธอ จิตใจของเธอถูกครอบงำด้วยสายตาที่เจียงซิ่วจ้องมองมายังเธอ เธอยื่นมือออกไปที่เพดาน พร้อมกับยิ้มอย่างโง่เขลาออกมา “คนไม่ดี!”
…
เจียงซิ่วเคาะประตูห้องหลินเยี่ยหลิง ตอนนี้เธอกำลังดูอัลบั้มภาพเก่าๆ ในขณะที่นั่งอยู่บนเตียง เธอเห็นเจียงซิ่วเดินเข้ามาและกล่าว “แม่กำลังดูอัลบั้มเก่าๆ สมัยเป็นนักเรียน มีเรื่องอะไร?”
เธอหวังว่าเขาจะมาคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องนายกเทศมนตรีกู่
เจียงซิ่วหยิบจี้มงกุฎที่เขาซื้อมา 100 ล้านยูโรออกมา งานชิ้นนี้ไม่เหมาะสำหรับคนอายุน้อย บทเรื่องราวของมันควรถูกสวมใส่โดยผู้ใหญ่ และงานชิ้นนี้ก็เป็นคู่เคียงที่สมบูรณ์แบบสำหรับหลินเยี่ยหลิง
“ให้แม่!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงซิ่วมอบของขวัญให้เธอ มันรวมทั้งในช่วงชีวิตนี้หรือช่วงชีวิตก่อนหน้าของเขา หลินเยี่ยหลิงมีความสุขมากกับของขวัญของเขามาก รู้สึกพึงพอใจไม่รู้จบ แต่ก็รู้สึกสลดใจไปรพร้อมๆ กัน “ลูก ลูกโตขึ้นแล้ว”
ดี ดี ของขวัญเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เธอบอกว่าเขาโตขึ้นแล้ว
“สวยมาก มันออกยุโรปๆ นิดหน่อย…”
“มันเป็นงานจากยุโรป เครื่องประดับชิ้นนี้เป็นของราชวงศ์ยุโรปตะวันออก ทุกวันนี้เสื้อผ้าทุกชิ้นเป็นออกยุโรปๆ ไปแล้วเล็กน้อย ดังนั้นชิ้นนี้เลยเหมาะกับเสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นอย่างดี ฉันจะซื้อเครื่องประดับแบบจีนๆ ให้แม่หลังจากนี้”
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แม่ก็แค่พูดออกไปโดยไม่คิด แม่มีความสุขมากที่ลูกซื้อของขวัญให้แม่แบบนี้ นี้มันคงแพงมากเลยใช่ไหม?”
“ไม่เลย นี่ก็แค่ 100 ล้านยูโรแค่นั้น!”
เพ้ย! คุณหญิงเฒ่าของเราเกือบตกจากเตียง
“100 ล้านยูโร?”
เจียงซิ่วพยักหน้าแสดงความไม่พอใจ ราวกับว่า 100 ล้านยูโรนั้นนับไม่เป็นอะไรเลย “ฉันบอกแล้วว่า ฉันจะทำให้แม่เป็นผู้หญิงที่น่านับถือที่สุดในโลก”
หลินเยี่ยหลิงนึกถึงครั้งแรกที่เธอได้ยินคำเหล่านี้ มันต้องย้อนกลับไปตอนที่เธอยังคงขายผลไม้ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ลุกโชติช่วงอยู่ น้ำตาไหลออกมาจากตาของเธอ “แม่รู้สึกเหมือนฝันไปเลย”
เจียงซิ่วทำหน้าจริงจัง “แม่ดูอัลบั้มภาพนักเรียนต่อไปเถอะ ฉันจะไปแล้ว อย่านอนดึกเกินไป”
หลินเยี่ยหลิงเก็บจี้ไว้อยู่ในที่ๆ ปลอดภัย คิดว่าสิ่งนั้นจะต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี เก็บไว้ในกรณีที่พวกเขาต้องกลับไปอาศัยอยู่แบบแต่ก่อนเนื่องจากความโชคร้าย งานชิ้นนี้ก็คงต้องแสดงประโยชน์ของมันแล้ว
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวต่อไปของจักรพรรดินีผู้สูงศักดิ์ของเราเกือบจะทำให้เทพซิ่วต้องลื่นล้มหัวคะมำ “ซูซูพาความมั่งคั่งมาให้สามีเธอจริงๆ นับตั้งแต่เธอที่แต่งงานกับครอบครัวของแม่ โอกาสของลูกชายแม่ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ”
ไม่ว่าเทพซิ่วของเราจะไม่แยแสเพียงใด เขาก็ต้องการตะโกนออกมาจริงๆ – สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเฉิงหลิงซูยังไง?
นี่มันคิดแบบง่ายๆ และไร้เหตุผลเกินไป มันเป็นการใช้หัวเข่าคิดแทนที่จะใช้หัวสมอง ตามเหตุผลจริงๆ เฉิงหลิงซูไม่มีส่วนสนับสนุนเงินที่เขาได้รับมาจนถึงตอนนี้
เขาผลักประตูห้องของตัวเองและค้นพบเฉิงหลิงซูนอนอยู่บนเตียง หลังจากอาบน้ำอุ่นและน้ำหอมมาแล้ว เธอมีหนังสืออยู่ในมือและอ่านมันอย่างขยันขันแข็ง เธอปล่อยเตียงครึ่งนึงไว้สำหรับเขา ก็ในเมื่อเธอรู้ว่าเขาไม่สามารถนอนหลับได้ดีเมื่อก่อนหน้านี้ วันนึง เธอก็ค้นพบว่าเขาไม่ได้นอนห่มผ้าห่มเมื่อเธอตื่นขึ้นมา “ยุโรปสนุกไหม?”
“ฉันไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อสนุก”
“ฉันไม่เคยไปยุโรป ฉันวางแผนที่จะไปที่นั่นหลังจากเรียนมัธยมจบ แต่…” เธอไม่ได้พูดส่วนที่เหลือ ก็ในเมื่อบ้านของเธอล้มละลายหลังจากนั้น มันเลยทำให้เธอล้มเลิกแผนนี้
เจียงซิ่วไม่ต้องการทนทุกข์บนโซฟา ดังนั้นเขาจึงนอนลงข้างเตียง ผ้าห่มเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจากร่างกายของเฉิงหลิงซู ซึ่งนี่เองก็มำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เฉิงหลิงซูหยุดอ่านและปิดไฟ สำหรับเจียงซิ่ว อาจเป็นเพราะการกระทำกามอารมณ์ ที่เขาทำกับหนานก๋งโควเอ๋อไป หรือเนื่องจากการที่เขาได้ดูการเต้นรำของหวังซินตง เขาเลยนอนไม่หลับ
“นายจะไปเข้าร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ไหม?” เฉิงหลิงซูถามอย่างเงียบๆ ในความมืดมิดนี้
“ฉันไม่สนใจ!”
เฉิงหลิงซูไม่ได้พูดถึงมันอีก ในฐานะที่เป็นคนงามของมหาลัย มันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างหนักใจที่ผู้พิทักษ์ดอกไม้ไม่เต็มใจที่จะมา
ในความมืดมิด รูม่านตาของเธอเปล่งประกายด้วยแสงสีเงินบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ
แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่เจียงซิ่วเพิกเฉยต่อเฉิงหลิงซูจากส่วนลึกของหัวใจ เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนี้เลย