บทที่ 273
การส่งคนไปดุด่า
เซี่ยถิงเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แน่นอน และเหตุผลที่เธอต้องการสืบเชื้อสายต่อไปก็เพื่อการทำลายคนจะหมิง แก้แค้นให้กับผู้คนที่ถูกสังหารหมู่ในเวลานั้น ตระกูลจีเองก็เป็นหนึ่งที่หลงระเริงไปกับการเข่นฆ่า ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะจับเธอไปหยุดการสืบเชื้อสายหรือที่เรียกว่าการทำลายล้าง และหากจำเป็น แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะต้องฆ่าเธอ
เจียงซิ่วไม่สามารถทำอย่างไรได้ ได้แต่นึกถึงผู้หญิงที่สง่างามราวกับดอกกุหลาบซึ่งเบ่งบานออกมาท่ามกลางทะเลทราย ในขณะนี้เขาเชื่อว่าเธอะต้องตกอยู่ในอันตราย
ในวันถัดไป หลินเยี่ยหลิงแต่งตัวอย่างสวยงามและใส่ชุดใหม่ที่เธอไปซื้อในห้างสรรพสินค้าพร้อมกับเฉิงหลิงซู เมื่อเขาถามเธอเกี่ยวกับเหตุผล เธอบอกเขาว่าเธอกำลังจะไปพบกับรุ่นน้องที่ดีของเธอสองสามคนจากโรงเรียนมัธยมปลาย ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้เขาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเธอ
เฉิงหลิงซูเองก็รู้วิธีที่จะเอาอกเอาใจ หลินเยี่ยหลิงชอบทุกอย่างที่เธอพูด และในความเป็นจริงแล้ว เฉิงหลิงซูเองก็มีรสนิยมที่ยอดเยี่ยมมากและทุกชิ้นที่ปรากฏออกมาก็ดูมีคุณค่ามาก เธอแต่งตัวให้หลินเยี่ยหลิงได้อย่างงดงาม
ผู้ชายทุกคนต้องการให้ภรรยาและแม่ของเขามีความสัมพันธ์ที่ดี แต่เจียงซิ่วเป็นข้อยกเว้น เขาหวังว่าทั้งสองคนจะโต้เกียงกัน ซึ่งจะเป็นการนำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเข้าไปสู่จุดแข็งตัวอีกครั้ง เขาแม้แต่กระทั่งหวังได้หลินเยี่ยหลิงบังคับให้เธอหย่ากับเขาเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดูสวยงามเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากความฝัน
สำหรับหลินเยี่ยหลิง เธอไม่คิดว่าเฉิงหลิงซูเป็นลูกสะใภ้ แต่คิดว่าเป็นน้องสาวของเธอซะมากกว่า “เสื้อผ้าพวกนี้ธรรมดาเกินไปหรือเปล่า?”
เฉิงหลิงซูกล่าว “อืมม ไปเพิ่มผ้าคลุมไหล่จากนั้นก็จะสามารถ…”
หลินเยี่ยหลิงได้ฟื้นคืนรูปร่างของเธอกลับมาได้แล้ว เสียไขมันจากนวนมากออกไป เขาได้ยินมาว่าเฉิงหลิงซูพาเธอเข้าคอร์สโยคะ และด้วยเหตุนี้หลินเยี่ยหลิงจึงค่อยๆ ฟื้นสภาพเดิมของเธอไปยังตอนที่เธอมีฐานะเป็นลูกสาวของตระกูลหลิน
“แม่ ฉันจะไปแล้วนะ เดี๋ยวมันจะสายเอาได้” เฉิงหลิงซูแจงชุดของหลินเยี่ยหลงเล็กน้อยจากนั้นก็ออกจากประตูไป มันเป็นเวลา 9.00 น. ในตอนเช้า เธอไม่ได้วางแผนที่จะเข้าชั้นเรียในนตอนเช้า แต่จะไปเข้าเรียนวิชาหลักแทน “บ๊าย บ๊าย!” ก่อนที่จะออกไป เธอโบกมือให้เจียงซิ่ว แต่เขาทำราวกับว่าเขาไม่เห็น ดังนั้นเธอจึงออกไปข้างนอกประตูแบบคอตก
ไม่ใช่ว่าเธอต้องการ 100 ล้าน? ฉันจะเอามันให้เธอ!
“ดิง-ดอง”
หลังจากที่เฉิงหลิงซูออกไปไม่นาน กริ่งก็ดังขึ้น หลินเยี่ยหลิงกล่าว “สงสัยซูซูคงลืมอะไรบางอย่าง” กล่าวได้ดังนั้น เธอก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู แต่คนที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูนั้นไม่ใช่เฉิงหลิงซู กลับกันมันเป็นผู้หญิงอายุ 20 ปีตัดผมถึงติ่งหู
“คุณคือ?”
สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นดูน่าเกลียด ราวกับว่าเธอกำลังระงับความโกรธของเธอเอง รอยยิ้มที่ส่องผ่านประกายตาของเธอ ขณะที่เธอมองผู้หญิงตรงหน้า “คุณคือป้าหลิง ใช่ไหม? หนูจำป้าได้ หนูเอง หลินมี่ มี่มี่น้อย”
“มี่มี่?”
ดวงตาของหลินเยี่ยหลิงเบิกกว้าง เธอขว้ามือเธอมาจับอย่างมีอารมณ์ “หนูโตขึ้นมาก แต่ก่อนหนูอายุ 3-4 ขวบเอง!”
“เข้ามาด้านในก่อน!”
หลินเยี่ยหลิงมีความสุขมากที่มีคนรุ่นเยาว์มาเยี่ยมเธอ เธอเริ่มสับสนเล็กน้อยเนื่องจากความตื่นเต้น “นั่งลงเร็ว เอาอาหารเช้าไหม?”
“หนูทานมาแล้ว!”
เจียงซิ่วค่อนข้างคุ้นเคยกับเธอ ก่อนที่ชื่อของเขาจะสร้างระลอกคลื่นในโลกนี้ เขาได้พบเธอที่ดงซงระหว่างการแข่งขันผู้รับใช้เต๋า กลับไปเมื่อตอนนั้น เธอยื่นบัตรมาให้เขาโดยมีเจตนาที่จะพาเขาเข้าตระกูลหลิน และเนื่องจากเขาปฏิเสธเธอ เธอเลยกลายเป็นไม่มีความสุข หลินมี่เห็นเจียงซิ่วกินอาหารเช้าอยู่ในขณะที่เธอนั่งอยู่ตรงนั้น เธอรู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าเขาดูคุ้นเคยเล็กน้อย ทันใดนั้นเองเธอก็เชื่อมโยงได้ทันที “นายคือเจียงซิ่ว!”
“ใช่ ลูกป้าเอง เจียงซิ่ว ลูกพี่ลูกน้องของหนู ซิ่วน้อย นี่คือลูกสาวของลุงสาม หลินมี่ ลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าลูก”
“มันเป็นเวลานานแล้ว!”
“มี่มี่ อย่าไปยุ่งกับเขาเลย หน้าของเขาบูดบึ้งอยู่ตลอดนั้นแหละ ป้ายินดีมากที่หนูมาเยี่ยมป้า รอป้าอยู่นี่นะ..” เธอรีบขึ้นไปชั้นบนหลังจากพูดแบบนี้
หลินมี่กล่าว “ดูเหมือนว่านายจะไม่ได้บอกป้าเรื่องที่ทำร้ายน้องชายฉัน อะไร? นายไม่กล้าบอกเธอ?”
เจียงซิ่วส่งยิ้มไปให้เธอ “แม่ของฉันถูกไล่ออกจากตระกูลหลิน บอกว่าเธอเป็นคนทรยศ 20 ปีที่ผ่านมา เธออาศัยอยู่ในเมืองเจียง และเธอไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลหลินตั้งแต่นั้นมา ในทำนองเดียวกัน ตระกูลหลินเองก็ไม่มีความสัมพันธ์กับเธอ”
สิ่งที่เขาหมายถึงจริงๆ นั่นก็คือการที่เขาได้ทำให้คนๆ นึงพิการนั้นไม่มีความสำคัญ ดังนั้นทำไมเขาถึงต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับการถูกรู้เรื่อง หากเขากลัวสิ่งนั้น เขาคงจะไม่ทำให้ใครบางคนพิการ
“ฮึ่ม! นายมันขวางโลกมากกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ นายคิดว่าเรื่องนี้จบลงแล้ว?”
“เธอต้องการแก้แค้นให้เขา? เธอทำมันได้รึเปล่าหล่ะ?”
หลินมี่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเจียงซิ่วที่ดงซงแล้ว เธอมาที่นี่พร้อมกับความตั้งใจที่จะดุด่าเจียงซิ่ว แต่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์คนเดียวกันจากดงซง กลับไปเมื่อตอนนั้น แม้แต่ลุงฟูก็ชื่นชมความแข็งแกร่งของเขา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เธอจะเป็นคู่ต่อสู้เขาหากสู้กัน
“นาย…”
ใบหน้าของหลินมี่กลายเป็นเย็นชา หลินเยี่ยหลิงลงมาจากชั้นบนในขณะนี้เอง มาพร้อมกับซองจดหมายสีแดงในมือของเธอ(สายเปย์ 555) ดูเหมือนว่าพวกเธอวางแผนที่จะให้เธอกลับไปหาตระกูลอีกครั้ง หลินมี่ไม่สามารถทำตัววุ่นวายในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ได้
“มี่มี่ ป้าไม่ได้กลับบ้านไปนานมากแล้ว ป้าเลยไม่สามารถให้เงินปีใหม่กับหนูได้ เอานี้ไป…” หลินเยี่ยหลิงวางซองแดงที่เธอเตรียมไว้ใส่มือของเธอ
ตอนนี้หลินมี่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ เธอโตขึ้นมากดังนั้นการได้รับซองแดงนั้นจึงค่อนข้างน่าอาย ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินอะไรมาก
“รับไปเร็ว…”
เจียงซิ่วหันมามองสิ่งนี้ แม่ของเขาเกิดมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและความใจกว้างนี้ก็ออกมาจากด้านใน เธอทำอะไรไม่ได้มาก ก็ในเมื่อเธอเป็นคนจนเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้มันต่างออกไปเพราะพวกเขาร่ำรวยขึ้นอีกครั้ง สิ่งนี้ชัดเจนมากจากวิธีที่เธอปฏิบัติกับเฉิงหลิงซู เธอไม่เคยเสียใจที่จ่ายเงินให้เธอ
“ขะ ขอบคุณมากค่ะ คุณป้า”
“เด็กดี!”
หลินเยี่ยหลิงมองดูหลินมี่และรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังมองดูน้องของเธอ เธอถอนหายใจลึกๆ และจำได้ทันทีว่าเธอต้องออกไปข้างนอก “ป้าต้องรีบออกไปข้างนอกแล้ว ทำตัวเหมือนบ้านตัวเองและอยู่กับซิ่วน้อยนะ เด็กๆ สามารถเข้าสังคมระหว่างกันได้”
หลินมี่มองหลินเยี่ยหลิงที่กำลังออกไป “อืม โอเค!”
เจียงซิ่วกัดขนมปังขาไก่ “แม่ ฉันจะไปจังหวัดหัวเป่ย มันอาจใช้เวลาสองสามวันก่อนที่ฉันจะกลับมา”
หลินเยี่ยหลิงเชื่อว่าเขากำลังไปที่นั่นเพื่อพบกับเพื่อนร่วมชั้นเก่าของเขา เธอเตือนเขาให้ดูแลหลินมี่ดีๆ และพูดสองสามคำกับหลินมี่ก่อนที่จะออกจากบ้านไปพร้อมกับกระเป๋าของเธอ
เมื่อหลินเยี่ยหลิงออกไปแล้ว เจียงซิ่วเองก็ยืนขึ้นเช่นกัน “ขอโทษด้วย ฉันไม่มีเวลาดูแลเธอ เธอได้ยินใช่ไหม? ฉันกำลังจะไปจังหวัดหัวเป่ย”
“นายคิดว่าตัวเองหนีไปไหนก็ได้?”
หลินมี่ตะโกนใส่เขา “เรื่องนี้ยังไม่จบ น้องชายของฉันยังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล”
เจียงซิ่วไม่ได้ยุ่งกับเธออีก หวังซินตงจัดเที่ยวบิน 10:00 น. ไว้ให้เขา หากเขาพลาด เขาอาจจะต้องรอไฟท์ต่อไป หลินมี่ติดตามเขามาอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าอะไรก็ตาม เธอวางแผนที่จะเอาคำอธิบายจากเจียงซิ่วในวันนี้
เบนท์ลีย์สีดำเข้ามาแล้วหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน คนขับออกมาและเปิดประตูให้เจียงซิ่ว เจียงซิ่วก้มศีรษะเพื่อเข้าไปข้างใน และหลินมี่เองก็ตามเขาเข้าไปนั่งข้างในเช่นกัน
เจียงซิ่วเพียงแค่ให้เธอมองต่อไป และปล่อยให้เธอทำตามที่เธอต้องการ เพราะเขาเองก็ไม่สนใจอยู่แล้วว่าเธอจะทำอะไร คนขับรถคนนั้นก็ไม่รู้เรื่องภายใน ดังนั้นเขาจึงขับรถไปที่สนามบินโดยตรง
เขาได้รับโทรศัพท์จากหวังซินตง “เฉิงหลิงซูลงนามในข้อตกลงแล้ว เงินเองก็ถูกโอนไปแล้วเหมือนกัน”
“โอเค!”
เขาหยุดอยู่ครู่นึงก่อนจะกล่าว “จับตาดูเธอให้ฉัน ฉันอยากให้เธอเสียเงินทั้งหมด”
หวังซินตงไม่สามารถตอบสนองกับเรื่องนี้ได้ เจียงซิ่ววางแผนที่จะทำให้เธอเสียเงินอย่างตั้งใจ โดยการทำให้เฉิงหลิงซูวางเงิน 100 ล้านเข้าไปในตลาดการเงิน(Financial market ไม่ใช้หุ้นนะแต่เป็นการเงินจริงๆ อยากรู้ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเอา) ถ้าเฉิงหลิงซูรู้ว่าเธอกำลังทำข้อตกลงกับปีศาจเช่นนี้ เธอคงจะไอออกมาเป็นเลือดด้วยความโกรธ
รถมาถึงสนามบินจักรพรรดิในเวลา 30 นาที เธอเห็นเขาเข้าไปข้างในงั้นแล้วเธอจึงติดตามเขาไป เขาเข้าไปในห้องรับรองวีไอพีและไม่ได้นั่งแต่อย่างใด เข้าตรงไปยังลานจอดเครื่องบิน เธอเห็นเครื่องบินส่วนตัวที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว “ดูเหมือนว่านายกำลังจะออกไปข้างนอกจริงๆ”
“เธอคิดว่าฉันต้องซ่อนตัวจากเธอ?”
กล่าวได้ดังนั้น เขาก็ขึ้นไปบนเครื่องบิน หลินมี่ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะติดตามเขาเข้าไปข้างใน เธอรู้สึกตกใจกับทุกสิ่งที่เห็น สิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เธอรู้ในสถาระภาพของหลินเยี่ยหลิง ในช่วงเวลาที่เจียงหยี่อยู่ในคุก ครอบครัวของพวกเขาตั้งแผงขายผลไม้ขาย และมันก็ผ่านมาแค่หนึ่งปีครึ่งหลังจากที่คดีของเจียงหยี่ถูกแก้ไข และตอนนี้ พวกเขามีวิลนักขับมืออาชีพที่ขับรถเบนท์ลีย์ และเครื่องบินส่วนตัว? สิ่งนี้ไม่สมเหตุสมผล
ผู้หญิงเรื่องนี้ก็ชอบหาเรื่องใส่ตัวจริงๆ 555