The King of the Battlefield – ตอนที่ 243

ตอนที่ 243

บทที่ 243: ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา (1)

การที่เจอดาราแห่งดาวิด ทำให้มูยองถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในฐานะราชาปีศาจลำดับที่ 27 ของเกรโมรี่ แต่เขาไม่ชอบชื่อเรียกเช่นปีศาจเถ้าสีเทาเลยจริงๆ

มูยองอยู่ในระดับที่แตกต่างจากราชาปีศาจตนอื่นๆ และก็โดดเด่นเกินกว่าจะประเมินว่าเป็นแค่ราชาปีศาจด้วย ยังไงก็ตาม หากเขาต้องการใช้พลังของเกรโมรี่ และได้รับความช่วยเหลือของฝ่ายปฏิปักษ์ มันหลีกเลียงไม่ได้ที่ต้องใช้ชื่อเช่นนี้ไปก่อน และเขาสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ในภายหลัง

“ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชักนำสกายลอร์ดมาได้อย่างไร แต่ถ้าคิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนด้วยเรื่องนี้ เจ้าก็เข้าใจผิดแล้ว!”

เลราเจยืนยืดอกมั่นใจด้วยร่างกายใหญ่โต ยังไงก็ตามมันไม่ต่างจากคนแคระเมื่ออยู่ต่อหน้าสกายลอร์ด

ทว่าเลราเจกลับไม่ได้ขาดความมั่นใจ สกายลอร์ดเป็นเพียงมอนสเตอร์ ดังนั้นในฐานะนักล่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัว

เลราเจยกคันธนูขึ้นก่อนจะดึงสาย

ฟูมมมมมม!

แตกต่างจากตอนทำลายรอยแยก ลูกศรเปลี่ยนเป็นบางอย่างคล้ายหอก พุ่งทะยานแหวกข้ามไปอากาศ

เป้าหมายคือมูยอง!

มันต้องการกำจัดตัวต้นเหตุที่พาสกายลอร์ดมาที่นี่ก่อน

‘ไม่มีทางหรอก’

มูยองชักดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวออก

อุ้งมือของเขาเต็มไปความรู้สึกกังวลใจ เพราะการเผชิญหน้ากับเทพปีศาจไม่ใช่สิ่งปกติที่มนุษย์สามารถเผชิญได้

แม้มูยองจะฝ่าฝันมาถึงจุดนี้ได้ด้วยตัวเขาเอง แต่เขายังไม่ถึงปลายทางที่ตั้งใจไว้ ดังนั้นเขาต้องเอาชนะเลราเจให้ได้ก่อน

ยังไงก็ตามเทพปีศาจเพียงตนเดียวที่มูยองเคยเห็นและต่อสู้ด้วยคือดันดาเลี่ยน และดันดาเลี่ยนเป็นเพียงเทพปีศาจแห่งการโกหก มันอยู่ห่างไกลจากเทพปีศาจสายต่อสู้มากโข

ในทางกลับกัน… เลราเจเป็นถึงเทพปีศาจสงคราม

โดยเฉพาะดวงตาแห่งสงครามของเลราเจ มันสามารถคำนวณความเป็นไปได้ทั้งหมดในการต่อสู้ และคิดหาทางที่มีอัตราการประสบความสำเร็จสูงสุด นั่นเป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดสำหรับมูยอง

‘ยังไงฉันก็ต้องเอาชนะให้ได้’

มูยองลบคำที่พ่ายแพ้ออกจากจิตใจของเขา

การดำรงอยู่ของมูยองคือไขว่คว้า ‘ชัยชนะ’

เขาอาจคล้ายกับเลราเจในความหมายนั้น เขาไม่สามารถแพ้ได้แม้แต่ครั้งเดียว มูยองเกิดมาวิ่งเข้าสู่ชัยชนะ และจะยังคงวิ่งต่อไป

ฟูม!

พลังเวทน่าครั่นคร้ามบินไปทางมูยอง ด้วยความตั้งใจที่จะฉีกทำลายทุกสิ่ง มันทะลวงข้ามอากาศเพื่อทำลายมูยองโดยเฉพาะ! และเลราเจมั่นใจว่ามูยองไม่มีทางรอด

‘อินเฟอร์โนธนูของเลราเจเป็นอาวุธสังหารที่ยิงหนึ่งทีต้องมีศพเกิดขึ้น และถึงจะบล็อกมันได้ก็ต้องเสียพลังความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก‘

จะพูดว่าธนูดังกล่าวถือเป็นพลังอำนาจของเลราเจก็ไม่ผิดนัก คุณย่อมมีวิธีสู้กลับหากสามารถหยุดมันได้ และมูยองผู้เปรียบเสมือนตัวตนเหนือธรรมชาติย่อมไม่สามารถวัดได้ด้วย ‘ความน่าจะเป็นปกติ’

แม้ว่าจะยังไม่มีวิธีตอบโต้ตรงๆ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงมูยองจะไม่มีอะไรเลย

‘วิชาดาบมูยอง’

วิชาดาบที่รวบรวมประสบการณ์ความรู้ซึ่งมูยองได้สะสมมาจนถึงปัจจุบัน

จนกระทั่งบัดนี้ มูยองสร้างการโจมตีมาแล้วทั้งสิ้น 50 กระบวนท่า โดยที่กระบวนท่าที่ 51 นั้นยังคงมีแค่เพียงแนวทางเท่านั้น และทุกอย่างจะถูกนำมาปฎิบัติจริงที่นี่

’50 กระบวนท่าที่ฉันสร้างจนถึงตอนนี้เป็นเพียงพื้นฐาน พื้นฐานในการสร้างกระบวนท่าที่ 51 !!’

มันจะยกระดับวิชาดาบที่แท้จริงของเขา เนื่องจาก กระบวนท่าที่ 51 อยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากที่เหลือทั้งหมด

‘ทำลายขีดจำกัด’

หาก 50 กระบวนท่าแรกเป็นพื้นฐาน ถ้างั้นของจริงคงเริ่มจากกระบวนท่าที่ 51

ความร้อนเริ่มแผ่ออกจากความโกรธเกรี้ยว พลังเทวะศักดิ์สิทธิ์และพลังเวทดั้งเดิมของเขาต่างปะทะกันอย่างดุเดือดก่อนจะค่อยๆผสมผสานกัน

มูยองใช้ทักษะ ‘การเร่ง’ ในสถานะนั้นทันที มันคือทักษะที่ทำให้โลกเริ่มช้าลง และมูยองก็กลายเป็นเร็วมากขึ้น ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเร็วขึ้น 64 เท่า แต่นั่นยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด!

โลกช้าลง ทุกอย่างไหลช้ามากจนถึงจุดหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกถึงการไหลเวียนของอากาศ และสายลมที่กระทบผิวหนัง แม้มูยองจะได้รับผิวหนังของผู้อมตะ และเป็นถึงครึ่งเทพ แต่เขายังไม่คุ้นเคยกับโลกที่เร็วกว่าถึง 128 เท่า จนร่างกายเริ่มกรีดร้อง

ถูกตัองระดับความเร็วที่มูยองเผชิญอยู่ตอนนี้คือ 128 เท่า!

มูยองเค้นพลังจากทั้งสมาธิ อัตตา และจิตวิญญาณของเขาให้มากที่สุดก่อนจะระเบิดพลังออกไป เป็นพลังทำลายที่อาจแม้กระทั่งสังหารตนเอง

‘สำเร็จ’

เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของมูยอง

คิงสเลเยอร์คือผู้ที่อยู่ในโลกที่ถูกเร่งขึ้น 128 เท่า และในที่สุดมูยองก็ไปถึงขอบเขตนั้น

‘กระบวนท่าที่ 51 …’

มันถูกสร้างก่อนที่ความโกรธเกรี้ยวจะระเบิด และก่อนที่ลูกศรของเลราเจจะเจาะหัวใจของมูยอง!

‘กระบวนท่าสังหารมาร’

มูยองพูดชื่อวิชาดาบของเขาออกมา

สวูม!

ความโกลาหลครั้งใหญ่แผ่ออกจากดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว และตัดลูกศรของเลราเจที่กำลังจะมาอย่างช้าๆ

จากนั้นก็ขยายออกไปอย่างเงียบๆ และตัดแขนขวาของเลราเจซึ่งกำลังถือธนูอยู่

ตุบ!

โลกกลับคืนสู่สภาพปกติเมื่อแขนของเลราเจหล่นอยู่บนพื้น

เพียงชั่วขณะนั้น

ซู่ดดด

มูยองหายใจเข้าลึก

รู้สึกยังกับว่าพลังงานทั้งหมดไหลออกจากร่างกายของเขา

แต่เขาประสบความสำเร็จ

เขาไม่เพียงแต่หยุดยั้งการโจมตีของเลราเจ แต่ยังตัดแขนขวาของมันออก

กระบวนท่าที่ 51 สังหารมาร

มันเป็นเทคนิคใหม่ของมูยอง

“ ราชาปีศาจทำเช่นนี้ได้อย่างไร !!”

เลราเจมองที่แขนของตัวเองและขมวดคิ้ว

มันเป็นไปไม่ได้ที่ราชาปีศาจจะสร้างความเสียหายให้กับร่างของเทพปีศาจ แต่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้นแล้ว

มันคือราชาปีศาจตนที่ 27 ใช่ไหม?

“ ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา…!”

เลราเจเก็บแขนที่ถูกตัดออกมาต่อใหม่แล้วยกคันธนูขึ้นอีกครั้ง แต่มูยองไม่ได้วางแผนที่จะเผชิญหน้ากับเลราเจอีก

“ เลราเจนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก”

มูยองชิ่งบินออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นเลราเจก็เห็นบางสิ่งที่อยู่เหนือมัน

ก๊าซซซซซ!

“ เจ้าสารเลว!

สกายลอร์ดอ้าปากกว้าง

เลราเจเก็บธนูแล้วจับด้านข้างของสกายลอร์ดด้วยแขนทั้งสองข้าง ถึงขนาดแตกต่างกัน แต่เลราเจกลับมีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ สกายลอร์ดถึงกับถูกกหยุดการเคลื่อนไหว

เห็นฉากดังกล่าวมูยองถึงกับพูดไม่ออก และรีบบินไปหาเกรโมรี่ขณะที่พวกมันทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เกรโมรี่และกลุ่มของเธอมองมูยองด้วยท่าทางแปลกๆ จากนั้นก็เข้าไปจับมือสองของมูยอง

“ต้องขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ใช่เพราะเจ้าข้าคงเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้าย ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะรวบรวมชิ้นส่วน … “

“ เราไม่มีเวลามากพอมาคุยกัน ผู้ติดตามของผมจะมาถึงเร็วๆนี้ เราต้องจัดการสิ่งที่เหลือ ตอนที่สกายลอร์กำลังรับมือเลราเจอยู่”

มูยองดึงมือตัวเองกลับ และแสดงความคิดเห็นที่สมเหตุสมผล

เห็นดังนั้นปีศาจที่อยู่รอบๆทั้งหมดก็รู้สึกโมโห ทัศนคติของมูยองนั้นห่างไกลจากวิธีที่ราชาปีศาจผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาควรปฏิบัติ

เขาแสดงและพูดเหมือนเกรโมรี่เป็นผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา! แต่มูยองไม่สนใจ

‘ฉันเป็นผู้ที่ถือมีด’

มูยองเป็นคนที่รับคำขอของเกรโมรี่ และช่วยชีวิตเธอจากสถานการณ์อันตราย มูยองยังเป็นผู้ที่พลิกกลับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ตาม มูยองยังคงเป็นผู้ที่ถือมีดอยู่

นอกจากนี้เสน่ห์ของเกรโมรี่ก็ไม่ได้มีอิทธิพลต่อมูยองมากนัก เกรโมรี่เองก็แปลกใจเช่นกัน ทุกผู้คนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ล้วนได้รับอิทธิพลจากเกรโมรี่ หากพวกเขาอยู่ใกล้เธอ เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ เช่นเทพปีศาจแห่งสงคราม

“ พวกเธอจะยืนดูกันเฉยๆไปอีกนานไหม? คงไม่เลือกที่ตายกันแบบนี้นะ”

พรึ่บ!

มูยองกางปีกออก

พูดตามตรงมูยองใช้พลังงานเกือบทั้งหมดไปแล้ว จากกระบวนท่าที่ 51 สังหารมาร แต่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ สงครามครั้งนี้เป็นเหมือนการเปิดตัวของเขา น้ำหนักที่เขาแบกไว้จะเปลี่ยนไปตามความสามารถที่แสดงออก

‘มีเพียงความกังวลเล็กน้อย’

ผู้ติดตามของเขาเริ่มเคลื่อนไหวในขณะที่เลราเจเผชิญหน้ากับสกายลอร์ด ดูเหมือนว่าจะเกิดความวุ่นวายไม่มากเท่าที่เขาคิด พวกมันดูคุ้นเคยกับตัวแปรเช่นนี้

มูยองออกไปที่สนามรบ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก

บูม!

เปลวเพลิงกำลังลุกไหม้!

ปังงง!

แผ่นดินทั้งหมดสั่นสะเทือน ระเบิดขนาดใหญ่ถูกสร้างและทำลายทุกอย่าง ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีดำ และสายฟ้านับไม่ถ้วนที่มาพร้อมกับพายุก็ผ่าเปรี้ยงลงมา แน่นอนว่ามูยองคือจุดศูนย์กลางของสิ่งเหล่านั้น

เขาถูกเรียกว่าราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา แต่เขาเป็นใครกันแน่ จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นหยุดการโจมตีของเลราเจและตัดแขนของมัน ไม่เพียงแค่นั้น เขายังจัดการกองกำลังชั้นยอดของเลราเจ ราวกับกำลังเล่นกับพวกมันอยู่

เกรโมรี่รู้สึกสับสน

‘ครั้งแรกที่ข้าเห็น เขายังไม่เติบโตถึงเพียงนี้’

เกรโมรี่ไม่ได้คาดหวังมากนักตอนที่เขาปรากฏตัวพร้อมกับใบรับรองของราชาปีศาจตนที่ 27

มูยองอ่อนแอเกินกว่าที่ใครจะคาดหวัง มากสุดเขาก็แค่อยู่ในระดับที่สามารถต่อสู้กับราชาปีศาจทั่วไปได้ เธอไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับชิ้นส่วนของรอยแยกเลย แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี

…พลังเทวะที่รู้สึกได้จากเขาก็ไม่ธรรมดา

ดูเหมือนจะมีทั้งพลังเวทของเขาและพลังเทวะผสมรวมกันอยู่ จนกลายเป็นพลังแห่งความโกลาหล เกิดอะไรขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสำหรับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ครั้งนี้?

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของมูยอง

“มูยองเจ้าบัดซบ! คิดว่าเจ้าจะทำตัวเด่นอยู่ผู้เดียวได้เหรอ!”

“ พวกเรามาแล้ว ”

เหล่าวิญญาณและมอนสเตอร์หลากเผ่าพันธุ์แห่แหนเข้ามา พวกมันมีไม่ถึงสามแสนตน แต่ก็เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ในทันที ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเอนโรธ และราชาปีศาจกุหลาบอีกด้วย

‘นั่นมันอะไรกัน…’

เธอไม่เข้าใจว่าสมาชิกของอามอนและวาสซาโก้มาอยู่ภายใต้มูยองได้ไง เทพปีศาจทั้งสองไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับฝ่ายปฏิปักษ์แต่ตรงกันข้าม ทว่าตอนนี้พวกมันทั้งสองกำลังไล่สังหารปีศาจของเลราเจอยู่

เกรโมรี่หันศีรษะของเธอไปมองเขาอีกครั้ง

มูยองในขณะต่อสู้นั้นดูเศร้าโศกแปลกๆ ด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด และความโศกเศร้านั้นทำให้คนที่มองต้องรู้สึกตื่นกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ทำสามารถรับรู้ถึงความสนุกและตื่นเต้น

รู้สึกเหมือนเขาเกิดมาเพื่อต่อสู้ เกรโมรี่แทบไม่เคยเห็นใครต่อสู้แบบนี้เลย แล้วเลราเจจะรู้สึกอย่างไรในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับมูยองโดยตรง?

ถ้าเลราเจเป็นเทพปีศาจแห่งสงคราม …

เกรโมรี่รู้สึกเหมือนชื่อที่เธอมอบให้มูยองไม่เหมาะสมซะแล้ว เธอจะตั้งชื่อให้เขาจากรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย แต่อาจมีบางอย่างที่เหมาะกับเขามากกว่า เขาที่เป็นผู้นำทุกอย่างในสมรภูมิรบนี้!

เขา

มูยอง

‘ราชันย์แห่งสมรภูมิรบ’

เหมาะสมกว่าที่เขาจะถูกเรียกเช่นนั้น

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท