The King of the Battlefield – ตอนที่ 257

ตอนที่ 257

บทที่ 257: ตัวตนเหนือธรรมชาติ (4.2)

ความรู้คือพลัง แต่นั่นไม่อาจทำให้เอาชนะเทพปีศาจได้หากมีไม่มากพอ

ยังไงก็ตาม มูยองมั่นใจในคุณภาพข้อมูลของตัวเอง และด้วยสิ่งนี้มูยองก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างชัดเจน

สายตาของเหล่าเทพปีศาจที่จับจ้องมูยองอยู่เริ่มเปลี่ยน มูยองกำลังสร้างความขัดแย้งในใจให้แก่พวกมัน

“ถ้าจะบอกว่าผมเป็นผู้ติดตามของโซโลมอน และอยู่ที่นี่เพื่อจับตามองเทพปีศาจ พวกคุณก็คิดผิดแล้ว เพราะพวกเราเฝ้ามองโซโลมอนอยู่ต่างหาก และหน้าที่ของเราคือเฝ้าดูและควบคุมการเปลี่ยนแปลงแย่ๆที่ไม่คาดคิด ผมต้องซ่อนตัวอยู่ในร่างของมนุษย์คนนี้เพราะมันสามารถรองรับได้ทั้งพลังของเทพปีศาจและเทวทูต”

แทนที่จะเป็นเทพที่ถูกสร้างขึ้น แต่กลับเป็นผู้เฝ้ามองเหล่าทวยเทพอีกที คำพูดของมูยองไม่ต่างกับการรุกฆาต พวกมันย่อมไม่สามารถหยั่งรู้ความจริงได้ และในคำพูดของเขาก็ยังเต็มไปด้วยปริศนามากมาย

“เจ้าพูดคำว่า เรา งั้นรึ?”

มูรุมูรุถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ตามคำกล่าวอ้างของมูยอง ถ้าเขาเป็นอัครเทวทูตกาเบรียลจริงๆจะต้องมีเทวทูตตนอื่นๆอยู่ด้วย

เทวทูตแห่งกาลเวลาที่บาอัลจับตัวไว้… ‘อาร์สพอลลิน่า’ ก็มีพลังของอัครเทวทูตเช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใดแม้จะมีอำนาจพลังเพียงใดอาร์สพอลลิน่าก็ถูกสังหารในตอนท้าย

หากเหล่าอัครเทวทูตลงมาที่โลกปีศาจจริงๆย่อมถือเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินสำหรับเหล่าเทพปีศาจ และหากเป็นจริงแน่นอนว่าบาอัลย่อมไม่เปิดเผยสถานการณ์ดังกล่าวให้ใครทราบ

พวกเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าแม้แต่ดวงตาของเกรโมรี่ก็ยังสั่นเทา เธอเองดูเหมือนจะสับสนไปด้วย เพราะมูยองมีข้อมูลมากเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะมีได้

การนำความจริงผสมกับการโกหกเป็นวิธีโกหกที่ฉลาดที่สุด และการที่มูยองเก่งเรื่องนี้ก็เป็นเพราะทักษะของดันดาเลี่ยนที่เขาดูดซับมา

“เป็นอย่างที่คุณคาดเดา และที่ผมสามารถเปิดเผยตัวเองได้ เพราะมีพลังที่จะไม่มีวันตกสู่ความเสื่อมเสีย”

“การกลายเป็นราชาปีศาจของเกรโมรี่ก็เพื่อจะเฝ้าดูโซโลมอนงั้นหรือ?”

มูรุมูรุพูดด้วยสายตาเปล่งประกาย

ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทาเป็นตำแหน่งที่ต้องนำทัพนับแสน ถ้าเขาเป็นอัครเทวทูตจริงๆ และมีเป้าหมายคือ ‘การเฝ้าระวัง’ ถ้างั้นการปรากฏตัวของเขาก็เอิกเกริกเกินไป

ยังไงก็ตาม สถานการณ์หันกลับไปหามูยองแล้ว ลมกำลังพัดไปยังทิศทางที่มูยองอยู่

“เพราะโซโลมอนกับเกรโมรี่ทำพันธะสัญญากันไว้การมาของผมจึงเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนั้นโซโลมอนยังต้องการกำจัดบาอัล และเรายังต้องการให้สงครามนี้จบลงโดยเร็ว”

เพื่อให้สงครามนี้จบลงอย่างรวดเร็ว?

โครม!

โต๊ะที่มูรุมูรุจับไว้เน่าเปื่อยและสลายกลายเป็นฝุ่น

เขาเริ่มประสาทเสีย ทุกคนกำลังมีปัญหากับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ มันเหมือนกับว่าพวกเขากำลังถูกพายุเฮอริเคนพัดปลิวไป

มูรุมูรุพูดอย่างลำบาก

“ที่นี่…ไม่ใช่โลกตามความหมายที่แท้จริง เทวทูตแห่งกาลเวลามาที่นี่ได้เพราะสถานการณ์พิเศษเท่านั้น แล้วเทวทูตตนอื่นจะเข้าสู่โลกของโซโลมอนได้อย่างไร?”

“ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว”

มูยองไม่พูดเยอะ

การเปลี่ยนแปลงนั่นอาจเป็นการปรากฏตัวของเดียโบล หรือไม่ก็การเดินทางย้อนอดีตของมูยอง ยังไงก็ตามคำตอบสั้นๆนี้ทำให้มีการอนุมานมากมาย

นี่ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจจากความคิดของพวกเขาเอง แต่มูยองก็กำลังรับเอาข้อมูลเพิ่มเติมจากมูรุมูรุ เพื่อหาข้อสรุปเช่นเดียวกัน

‘โลกของโซโลมอน…’

โซโลมอนโจมตีโลก เขากวาดล้างมนุษยชาติ

ณ จุดสิ้นสุด ประตูจะกลายเป็นหลุมดำขนาดยักษ์ และดูดกลืนมนุษยชาติที่ยังเหลืออยู่

ดันดาเลี่ยนได้เจอกับบาอัลในตอนจบ ยังไงก็ตามมีเพียง 71 คนเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคนที่เหลือ?

‘อารามสีคราม คนส่วนใหญ่ลืมตาขึ้นที่นั่น’

เมอร์ลินเป็นคนดูแลอารามสีคราม ในแง่เดียวกันเป็นไปได้ที่เมอร์ลินพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับโซโลมอน

ถ้างั้นโลกปีศาจแห่งนี้ก็อาจเป็นของโซโลมอนใช่ไหม?

“โอ้เถ้าสีเทา พูดตรงๆก็คือเทวทูตอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายปฏิปักษ์ และโซโลมอนก็ต้องการกำจัดบาอัล”

“ทางเราไม่ต้องการให้มีการสังหารหมู่เกิดขึ้น และการที่บาอัลจับตัวเทวทูตแห่งกาลเวลาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเรา ตราบเท่าที่โซโลมอนไม่ทำอะไรเกินเลย เราก็ต้องการให้สงครามนี้จบลงโดยเร็ว”

จากการทำความเข้าใจต่อพลังที่มูยองครอบครองอยู่ พลังเทวะของกาเบรียลคือของจริง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเทวทูตแห่งกาลเวลาอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่พวกเขาจะเกิดความสับสน

มูยองหันไปสนใจเกรโมรี่

“ผมจะกลับเข้าเรื่องหลักอีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต “

แม้เกรโมรี่จะยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ แต่ในสายตาของมูยองเธอไม่อาจปิดบังอาการกระวนกระวายใจได้ นอกจากนี้เกรโมรี่ยังสับสนเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของมูยอง และเพราะแบบนี้มูยองจึงรับประกันได้เลยว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่มีเทพปีศาจตนไหนที่นี่สามารถขับไล่และจำกัดการกระทำของมูยองได้

และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือ…

‘ตัวตนเหนือธรรมชาติทั้งหลาย’

ตะวันออก, ตะวันตก, ใต้และเหนือ พวกเขาเป็นตัวตนซึ่งมีอยู่เพียงหนึ่งในแต่ละทิศทั้งสี่ ตัวตนที่แม้แต่เทพปีศาจก็ยังไม่กล้าที่จะรุกราน

มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด หากมูยองสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้

ปัญหาคือเวลา

โชคดีที่เขาสามารถซื้อเวลาด้วยโอกาสนี้

ในบรรดาเทพปีศาจที่นี่มีคนทำตัวเป็นนกสองหัวอยู่แน่นอน บางทีอาจเป็นไปได้ทั้งสี่ตนยกเว้นเกรโมรี่

พวกมันจะต้องนำข่าวลือนี้ไปบอกฝ่ายพันธมิตร และแจ้งให้พวกนั้นรู้เกี่ยวกับตัวตนของเทวทูต ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆกระทั่งบาอัลก็ไม่สามารถระดมพลได้ในทันที

ในเวลาเดียวกัน เบซองมินก็ต้องลงมืออย่างรวดเร็ว และมูยองไม่สงสัยเลยว่าเบซองมินจะต้องสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็วที่สุด

ถ้าทำให้ตัวตนเหนือธรรมชาติมาเข้าฝั่งตัวเองได้ มูยองก็จะผงาดเป็นคนสุดท้าย และสามารถจัดการฝ่ายพันธมิตรได้โดยง่าย

‘การเปลี่ยนแปลงในอนาคต’

เขาจะแก้ไขสิ่งผิดพลาดทั้งหมดที่เขาเคยทำด้วยมือของเขาเอง

ตาของมูยองส่องประกายเจิดจ้า

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท