บทที่ 281 สงครามเทพปีศาจ (6 Part 2)
เปลวเพลิงของเดียโบลถูกดูดเข้าไปในพื้นที่ที่อาม่อนสร้างขึ้น แต่ไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือไม่?
‘ไม่ได้ผลแน่’
มูยองคิดในใจ ขณะที่หลุมดำดังกล่าวเริ่มสั่นสะเทือน
ถ้าอาม่อนถ้าสามารถใช้เวทย์วังวนจัดการกับเดียโบลได้จริง เขาก็อาจจะเหนือกว่าบาอัล ยังไงก็ตามเวทย์มนตร์นี้ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของอาม่อน ถ้างั้นที่อามอนกัดฟันสู้โดยไม่หลีกเลี่ยง เป็นเพราะความหยิ่งผยองงั้นหรือ?
ดวงตาของอาม่อนเปลี่ยนไปอีกครั้ง มีประกายสีขาวคล้ายดวงดาวเปล่งอยู่ในดวงตาสีดำมืดไร้จุดสิ้นสุด เขากำลังวิเคราะห์ “เปลวเพลิง” ของเดียโบล
“ ข้าจะต้องมองมันให้ออก ข้าจะเผยแม้แต่ความลับในเปลวเพลิงของพระเจ้า”
“วาจา” ของนักเวทย์เปรียบดั่งพลัง ดังนั้นนักเวทย์ที่แท้จริงจะไม่ค่อยพูดอะไรมาก เพราะความนั่นอาจทำให้ความตั้งใจของเหล่านักเวทย์เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้อาม่อนบังคับเวทย์ของเขาให้แทงทะลุเปลวไฟของเดียโบลได้อย่างง่ายดาย ด้วยการใส่พลังลงไปในคำพูด
ใช้เวลาไม่นานเปลวไฟของเดียโบลก็เกิดการระเบิดออก หลังจากไปสะท้อนกับกระจกเวทย์ขนาดใหญ่ที่อาม่อนสร้างขึ้น และตอนนี้เดียโบลต้องเผชิญกับเปลวไฟของตัวเอง
‘น่าทึ่งมาก’
มูยองรู้สึกประทับใจ สิ่งเดียวที่มูยองทำคือการปลดล็อคความต้องการเท่านั้น แต่อาม่อนได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยตนเองแล้ว เขาไม่คาดคิดว่าอาม่อนจะตอบโต้การโจมตีของเดียโบลได้
‘ยังไม่พอ’
ขณะที่อาม่อนเพิ่งลืมตา แต่เดียโบลกลับได้ตื่นอย่างสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย
ในด้านของมูยองเขากำลังรวบรวมพลังแหล่งเปลวเพลิง ซึ่งพูดตามตรงทักษะแห่งเปลวเพลิงนี้ก็มาจากเดียโบลนั่นเอง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่มูยองจะสามารถควบคุมเปลวไฟของเดียโบลได้นิดหน่อย และเขาก็ต้องการเพียงเพื่อเปิดเส้นทางสำหรับจัดการกับเปลวไฟของเดียโบลเท่านั้น
และในช่วงเวลาที่ร่างกายของมูยองลุกเป็นไฟ เปลวเพลิงของเดียโบลก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน การโจมตีถูกแบ่งออกไปครึ่งหนึ่งมาที่มูยองเพื่อให้อาม่อนสามารถโต้กลับได้
เดียโบลส่งเสียงคำรามทุ้ม มันกระพือปีกลอยขึ้นก่อนจะฟาดกรงเล็บออกไปยังอากาศเบื้องหน้า หลังจากนั้นสายลมรุนแรงก็ฉีกกระชากพื้นที่ด้านหน้าออกด้วยความเร็วที่มูยองแทบจะไม่สามารถตามทัน และด้วยเสียงที่ชวนให้ผู้ฟังเกิดความไม่สบายใจ ร่างของอาม่อนก็ถูกแบ่งออกครึ่งหนึ่ง
“ร่างโคลน”
มันเป็นร่างโคลนที่อาม่อนเตรียมไว้ในเสี้ยววินาทีนั้น ส่วนร่างจริงได้มุ่งหน้าไปที่เดียโบลแล้ว
‘ศัตรูของศัตรูก็คือพันธมิตรใช่หรือไม่?’
ปัจจุบันอาม่อนกำลังพุ่งความโกรธแค้นไปที่เดียโบลและโซโลมอน เมื่อพวกมันเป็นอันตรายต่อพวกเขามากกว่า ทั้งสองจึงสามารถบรรลุข้อตกลงได้โดยไม่ต้องพูด
อาวุธของมูยองกรีดร้องอย่างกระหายเลือด มูยองปาหอกกาเบรียลออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่เดียโบล แต่เป็น…
‘โซโลมอน’มันซ่อนตัวอยู่หลังเดียโบล
มูยองเปิดการโจมตีเพื่อทำลายทักษะการอำพรางของเขาตอนที่ทุกคนเผลอ และพอหอกของกาเบรียลกระทบร่างของโซโลมอนก็เกิดเสียงแตกดังสนั่น
อย่างไรก็ตาม มันแทงทะลุโซโลมอนเท่านั้น หอกไม่มีผลต่อร่างกายของโซโลมอน
ยังไม่จบแค่นั้นมูยองตัดสินใจเผยทักษะของตัวเอง ขณะที่หอกของกาเบรียลตกลงพื้น มูยองก็ยกดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวขึ้น และใช้วิชาดาบอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา
กระบวนท่าที่ 51 ดาบสังหารปีศาจ
ถ้าโซโลมอนอยู่อีกมิติหนึ่ง มูยองก็ต้องใช้ท่าที่สามารถผ่ามิติได้เท่านั้น พอมูยองโจมตีออกไปช่องว่างบนอากาศก็เผยให้เห็นมิติสีดำบิดเบี้ยวทันที มันจะสำเร็จหรือไม่?
อย่างไรก็ตามมัน ‘ล้มเหลว’ ร่างกายของโซโลมอนโปร่งใสขึ้นเพียงชั่วขณะ และในไม่ช้าก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
“ ถ้าผมไม่สามารถแตะต้องคุณได้ คุณเองก็คงทำอะไรผมไม่ได้เช่นกัน”
โซโลมอนกับมูยองจ้องมองกันอย่างใกล้ชิด
“ ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้ครอบครองทูตสวรรค์และบทสวดแห่งปาฏิหาริย์ของข้าได้ แต่ยังไงก็ช่างเถอะจงตายไปอย่างเงียบๆเหมือนคิงสเลเยอร์ซะ”
ท้องฟ้าเกิดเสียงครืดคราดราวกับจะฉีกขาด นภาบนอากาศสีแดงฉาน อุกกาบาตจำนวนมากตกลงมาบดขยี้สิ่งที่อยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตามการแสดงออกของมูยองยังแข็งทื่อ
‘คิงสเลเยอร์ตายแล้วงั้นเหรอ?”
คิงสเลเยอร์เป็นอัศวินผู้สูงศักดิ์และสง่างามที่สอนวิธีก้าวไปข้างหน้าให้แก่มูยอง
มูยองไม่เคยสนใจความตายของคนอื่นแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป มูยองรู้สึกสะเทือนใจกับการตายของคิงสเลเยอร์มาก บางทีนี้อาจจะเป็นความเศร้าที่แม้แต่มูยองก็ไม่สามารถรู้ได้
โซโลมอนพูดต่อ
“ เจ้าเศร้างั้นเหรอ? หรือว่าเจ็บปวด? คิงสเลเยอร์หวังในตัวของเจ้ามาก แต่น่าเสียดายที่เจ้ามาเจอข้าซะก่อน “
คิงสเลเยอร์สู้กับโซโลมอนและแพ้ คำถามมีอยู่ว่าแล้วทำไมมูยองถึงไม่สามารถสัมผัสโซโลมอนได้ หรือเป็นเพราะเขาเป็นเจ้าแห่งความมืดงั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะเขาไม่ได้กำเนิดขึ้นจากโลกนี้?
“ ถึงเจ้าจะพยายามเช่นไรก็เอาชนะเดียโบลไม่ได้หรอก”
“ ทำไมคุณถึงอยากทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง”
มูยองอดไม่ได้ที่จะถามว่าความเกลียดชังและความโกรธแค้นของโซโลมอนมาจากที่ไหน โซโลมอนยิ้มอย่างประหลาดใจกับคำถามของมูยอง
“ เจ้าและมนุษย์ทุกคนเป็นความล้มเหลวที่น่าสนใจมากที่สุดจากเผ่าพันธุ์ที่ข้าสร้างขึ้น ไร้ประโยชน์ที่สุด กระหายเลือดที่สุด และหยิ่งผยองที่สุด เผ่าพันธุ์ไร้ค่าที่ชอบกำจัดเผ่าพันธุ์อื่นๆและยังเข่นฆ่ากันเอง”
มนุษย์คือความล้มเหลว?
คำพูดของโซโลมอนดูแปลกๆ หรือโซโลมอนเป็นเทพผู้สร้างทุกอย่าง?
“ โลกใบนี้ก็เป็นเหมือนถังขยะสำหรับข้า และเมื่อถังมันเต็มย่อมเป็นธรรมดาที่ข้าจะทำความสะอาดไม่ใช่หรือ?”
โซโลมอนมั่นใจและดูเหมือนจะพูดความจริง เขายิ้มขณะที่มูยองยังคงเงียบ
“ เจ้าพอใจกับคำตอบหรือยัง? คิดซะว่ามันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายของข้าเอาอย่างนี้ไหมเจ้าหัวขโมย คืนอาร์คโนว่ากับอาร์คพอลลิน่ามาให้ข้าซะ แล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่เห็นจนถึงจุดจบของเกม”
ด้วยเสียงโครมคราม อุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของมูยองทันทีที่โซโลมอนพูดจบ