The King of the Battlefield – ตอนที่ 266-267

ตอนที่ 266-267

[KotB] ตอนที่ 266-267 ตัวตนเหนือธรรมชาติ (8)

‘คริมสันบาร็อค!’

มูยองเคยสู้กับบาร็อคธรรมดามาแล้ว มันเป็นมอนสเตอร์ที่เอนโรธปล่อยออกมาเพื่อรุกรานอาณาเขตของเขา พลังของบาร็อคนั้นเหนือล้ำจินตนาการมากๆ กระทั่งเบซองมินยังต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก การต่อสู้ยืดเยื้อจนความช่วยของเบซูจีที่ตอนนั้นเชื่อมต่อกับมูยองมาถึงพวกเขาถึงจะจัดการกับมันได้

บาร็อคเป็นมอนสเตอร์ที่กระทั่งราชาปีศาจหลายคนยังไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย แต่นี่คือ คริมสันบาร็อค?รูปแบบที่สร้างขึ้นจากการผสมผสานความเกลียดชังทุกประเภท และความอาฆาตแค้นราวกับดอกไม้สีเลือดที่เบ่งบาน มองแว่บเดียวก็รู้ว่ามันไม่ใชบาร็อคธรรมดา

ก๊าซซซซซ!

ผืนดินสั่นไหวเพียงเพราะว่าคริมสันบาร็อคคำรามเสียง

แกว๊กก!

โฮกกกก!

แกว๊กก! ก๊าซซซ!

มอนสเตอร์ทุกตัวเสียสติราวกับบ้าคลั่ง พวกมันหดหัวเข้าไปในกรงขังเนื่องจากหวาดกลัวต่อคริมสันบาร็อค ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือแม้แต่เผ่าพันธุ์มังกรที่มีระดับสูงทั้งหลายก็ตกอยู่ในอาการเหล่านั้นด้วย

เพียงแค่เห็นรูปลักษณ์ของคริมสันบาร็อค มังกรเผ่าพันธุ์โบราณซึ่งภาคภูมิในความแข็งแกร่งก็กรีดร้องดังลั่นและสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

คริมสันบาร็อคจ้องมองไปที่มูยอง

ขณะที่มันจ้องเขาความอาฆาตแค้นและเกลียดชังที่มีต่อโลกใบนี้ก็พุ่งตรงไปหามูยองเช่นกัน

“ฉันคือเจ้านายของแก”

ฉัวะ!

แค่ช่วงเวลากระพริบตา แขนข้างหนึ่งของมูยองก็ถูกตัดขาด

คริมสันบาร็อคโจมตีใส่มูยอง

กรรรร!!

มันร้องคำรามขณะที่ชกอกของตัวเอง

มันไม่สนว่าใครเป็นใคร ด้วยความเกลียดชังมันสามารถโจมตีใส่ทุกสิ่งได้

บนใบหน้าของมูยองปรากฏรอยยิ้ม

”พรเทวะ’

แขนที่ถูกตัดขาดฟื้นฟูใหม่ทันที

มูยองไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนักและปล่อยให้มันโจมตีอย่างมีเป้าหมาย เขารู้ดีว่าความเกลียดชังของมันกรปีศาจเป็นยังไง

“แกต้องการสาปแช่งโลกใบนี้ให้ล่มสลาย แต่กลับทำได้แค่นี้เองเหรอ?”

เอาเลย

ระบายความเคียดแค้นทั้งหมดที่มี

คริมสันบาร็อคมองเข้าไปในตาของมูยอง โดยที่มูยองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงสายตานั้น

เขาเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่คริมสันจะปล่อยใส่ตัวเขา ในเวลาเดียวกันเขายังกระทั่งตำหนิบาร็อค

จงทำให้ดีที่สุด จงเลือกเป้าหมายสำหรับความเคียดแค้นของแก

ก๊าซซซซซ!!

มันเหมือนเสียงกรีดร้อง เสียงโหยหวน

ยังไงก็ตามบางครั้งก็รู้สึกเหมือนกับการเคลื่อนไหวของเด็กทารก เพราะความโกรธของมันเริ่มต้นจากความจริงที่ว่าไม่มีใครสนใจตัวมันเลย และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลกก็คือความไม่เคยถูกแยแส

ตูมม!

ร่างของมูยองลอยไปในอากาศ

ตึงงงง!

คริมสันเมอร์ร็อคฟาดมูยองลง

พื้นดินถูกเจาะทะลุในทันทีโดยมีร่างของมูยองฝังติดอยู่ในนั้น

ด้วยการโจมตีเดียว มูยองก็ถูกฝังอยู่ใต้พื้นดินลึกหลายพันฟุต

ยังไงก็ตาม…มูยองยังไม่ตาย

ฟึบ! ฟึบ!

มูยองพุ่งออกมาจากรูดังกล่าว ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ทั้งหมดยังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์

การฟื้นฟูของทักษะพรเทวะของมูยองใกล้สมบูรณ์แบบแล้ว เว้นแต่จะถูกโจมตีด้วยความรุนแรงเกินขอบเขตของทักษะ ร่างกายของมูยองสามารถฟื้นฟูใหม่ได้เสมอ

“นี่แกเต็มที่แล้วอย่างงั้นเหรอ ดูเหมือนความพยายามของแกยังไม่มากพอ”

จงโกรธมากขึ้นอีก

จงสาปแช่งมากขึ้นอีก

ฟู่ววววววว!

ชิ้งงงงงงง!

คริมสันบาร็อคพ่นเลือดออกจากปากสร้างเป็นดาบโลหิต จากนั้นก็ฟันร่างของมูยองจนขาดไปสองท่อน

‘ช่างน่าประทับใจ’

เอาเฉพาะพลังของคริมสันบาร็อคที่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่มูยอง ผู้ซึ่งเป็นตัวตนกึ่งเทพที่มีผิวหนังของผู้อมตะได้แล้วก็นับว่าน่าประทับใจทีเดียว

แถมยังทักษะที่สามารถเปลี่ยนเลือดของตัวเองเป็นดาบอีก ถ้ามันทุ่มเทในการโจมตีมูยองคงต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงชีวิตแน่นอน

ยังไงก็ตามมันยังคงลังเลในการโจมตีเขา

เป็นเพราะไม่เคยมีใครยอมรับความแค้นของมันอย่างเปิดเผยเช่นมูยอง

เหตุผลที่มันโกรธแค้นและไม่พอใจนั้นเกิดจากความไม่แยแสและดูถูกเหยียดหยามจากโลกใบนี้ทั้งสิ้น

ไม่เคยมีใครให้ความสนใจมันมาก่อน และถึงจะมีมันก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกเหยียดหยามและดูถูกจากคนๆนั้น เป็นเพราะทุกคนล้วนเข้าหาด้วยความคาดหวังต่อผลประโยชน์ และเมื่อความเป็นประโยชน์หมดไป มันก็จะถูกทิ้งขว้างอย่างไร้ความหมาย

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่เหมือนคนอื่น ความสนใจของมูยองมีแต่เรื่องของคริมสันบาร็อคเท่านั้น ไม่มีทั้งเจตนาที่ดีหรือชั่วร้าย เขาแค่ยอมรับพฤติกรรมเสียๆของบาร็อค

ใช่แล้วจริงๆมันก็เหมือนเด็กที่กำลังเสียนิสัยอยู่เท่านั้น

มองฉันบ้าง…ให้ความสนใจฉันหน่อยสิ…ทั้งหมดเป็นแค่การเสียนิสัย

และมูยองก็ทำตามความปรารถนานั้นๆของมันได้อย่างถูกต้อง

ร่างของเขาถูกทำลายและฟื้นฟูขึ้นมาใหม่นับครั้งไม่ถ้วน

แม้จะเป็นมูยองก็เสี่ยงที่รับความเสียหายระดับนี้เข้าไป ยังไงก็ตามมูยองไม่ยอมแพ้ เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อรับฟัง‘เรื่องราวความเจ็บปวดของมัน’จนจบ

‘ฉันรู้จักคนแบบนี้’

มูยอง

ชื่อที่ไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรก

ชื่อเดิมของเขาคือ ยูยอง

ถ้าเขาไม่ได้พบกับมูยองตัวจริง เขาคงจะสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่ระหว่างฝึกฝนเป็นนักฆ่าแล้ว

มูยองรู้ดีว่าหากอยากให้คริมสันบาร็อคสบายใจก็ต้องรับความโกรธแค้นของมันให้ได้

หลังจากที่รับการโจมตีของมันไปไม่รู้เป็นจำนวนเท่าไหร่แน่ชัด

ก๊าซ! กรรรร….

คริมสันบาร็อคทรุดตัวลงกับพื้น และส่งเสียงคร่ำครวญ

เสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

มูยองเดินเข้าไปหามันใกล้ๆ

มูยองถูกผลักดันไปจนถึงขีดจำกัด พลังเวทย์ของเขาหมดลงแล้ว และตอนนี้รู้สึกราวกับร่างของตนแทบปริแตก ยังไงก็ตามเขายังอยากบอกอะไรกับมัน

“แกไม่ได้อยู่ตามลำพัง”

<คริมสันบารร็อคได้รับอิทธิพลจากผู้ใช้มูยอง>

<เอฟเฟกต์ ‘สหายจิตวิญญาณ’ถูกขยายจาก B+ เป็น S+ >

<ความสามารถของคริมสันบาร็อคเพิ่มขึ้นอย่างมาก>

<คริมสันบาร็อคได้รับความสามารถใหม่ ‘ผูกวิญญาณ’>

<การผูกวิญญาณ ให้ผลเช่นเดียวกับการประทับความทรงจำของลูกไก่ โดยมันจะพิจารณาสิ่งมีชีวิตแรกที่มันเห็นเป็นแม่ของมัน ความสามารถของคริมสันบาร็อคจะเพิ่มขึ้นอย่างมากหากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการผูกวิญญาณอยู่ใกล้ๆ>

<ข้อมูลโดยรวมของคริมสันบาร็อคกำลังแสดงผล>

<เลเวลรวม : 785>

พละกำลัง 910(700+210) ความว่องไว 845(650+195)

ความอึด 910(700+210) ความฉลาด 715(550+165)

ภูมิปัญญา 715(550+165) ความต้านทานเวทย์ 780(600+180)

พลังเวทย์ 780(600+180)

+พันธมิตรวิญญาณ (ความสามารถทั้งหมด+15%)

+การรู้จำเบื้องต้น (ความสามารถทั้งหมด+15%)

เสียงสาปแช่ง (S), ดาบโลหิต (S++), คลื่นโลหิต (S+), โค่นทำลาย (S+),

บ้าคลั่ง (S+++, เปิดใช้งานในสถานการณ์พิเศษเท่านั้น)

ทักษะที่สามารถใช้ได้ + ต้านทานคุณสมบัติทั้งหมด (+80%)

พวกมันล้วนเป็นสเตตัสที่ยอดเยี่ยม

แม้จะไม่มีสเตตัสเพิ่มเติมอีก แต่พลังแค่นี้ก็ใกล้เคียงกับเบซองมินแล้ว

ใครจะคากคิดว่าสเตตัสพื้นฐานจะมีแบบที่เพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ด้วย?

ทักษะหรือกระทั่งสเตตัสพื้นฐานไม่มีอะไรที่ไร้ประโยชน์เลย

ที่เลเวลระดับนี้แม้แต่เอนโรธยังต้องกลัว เขากล้าพูดได้เลยว่านี่เป็นมอนสเตอร์ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา

มูยองยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ตอนนี้แกเป็นอิสระแล้ว”

เป็นครั้งแรกในระยะเวลายาวนานที่มูยองเหนื่อยล้าถึงเพียงนี้ เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงร่างกายของตัวเองแล้ว นั้นเป็นเพราะร่างของเขาถูกทำลายและฟื้นฟูใหม่จำนวนนับครั้งไม่ถ้วน

Krrah?

คริมสันบาร็อคตกใจ บางทีมันอาจะรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

สติของเขาเริ่มพร่าเลือน มูยองพูดคำสุดท้ายก่อนจะหลับตาลง

คำพูดที่ทำให้ทุกอย่างในตัวของคริมสันบาร็อคเปลี่ยนไป

“ฉันเชื่อใจแก”

ฟุบ!

ราชาแห่งความตายดูถูกและหัวเราะเยาะมูยองอยู่ในใจ

‘ถึงเจ้าจะสร้างบางอย่างที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมออกมา แต่ก็…’

มันไม่คิดว่าตัวเช่นนี้จะถูกสร้างออกมาได้ มูยองสร้างคริมสันบาร็อคขึ้นมาจาการผสมผสานทุกความอาฆาตแค้น มอนสเตอร์เอกลักษณ์ซึ่งอาจจะปรากฏขึ้นมาหรือไม่ก็ได้ เช่นเดียวกับไคเมร่า

ยังไงก็ตามปัญหาเกิดขึ้นจากจุดนั้น

กรรรร!!

คริมสันบาร็อคไม่เชื่อฟังเจ้านายของมันเลย

ผลงานที่ไม่เชื่อฟังตนเอง

ในการแข่งขันศิลปะแห่งความตายมันย่อมเป็นความลำบากใจของเจ้านายที่ได้สร้างสัตว์ประหลาดเช่นนี้ออกมา ยังไม่พอเจ้านั้นยังปล่อยมันให้ชกตีตัวเองอีก

‘เสียสติไปแล้ว’

เขารับการโจมตีโดยไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ ไม่สำคัญว่าเลเวลของเขาจะเป็นเท่าไหร่ แต่รับการโจมตีเช่นนั้นไม่ต่างจากฆ่าตัวตาย

‘ข้าคือผู้ชนะในศึกครั้งนี้’

ราชาแห่งความตายเลิกมองไปยังทิศทางของมูยอง

แม้จะเป็นชัยชนะที่ไม่เหมาะสมกับมันเท่าไหร่ เพราะมันแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มันจะปฏิเสธได้

ในขณะที่เจ้าเสียสตินั่นเดินทางไปสู่ความตายอย่างสมัครใจ มันก็แค่เก็บเกี่ยวชัยชนะไปอย่างไม่ต้องรีบร้อน

ไม่นานหลังจากนั้น มันก็สร้างผลงานของตัวเองเสร็จ

เปลวเพลิงก่อตัวขึ้นเป็นสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง

วูมมมมมมม! วูมมมมมมม!

เทพแห่งเปลวเพลิงที่มันต้องการสร้างรูปร่างเป็นแบบนี้งั้นหรือ?

ไฟก่อตัวขึ้นราวกับภูเขาไฟที่ยังคุกกรุ่น มันคือการวมตัวของแก่นแท้และจิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิง และยังเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของมอนสเตอร์ธาตุไฟ

ยังไงก็ตามมันไม่ใช่เปลวเพลิงธรรมดา สิ่งที่ถูกสร้างออกมากระทั่งเปลวเพลิงในขุมนรกก็ยังเทียบไม่ได้

‘เปลวเพลิงที่สามารถผลาญทำลายได้ทุกสิ่ง’

ราชาแห่งความตายพึงพอใจอย่างมาก ระดับความสำเร็จอยู่ในสามอันดับแรกสำหรับสิ่งที่เขาเคยสร้างขึ้นมา ยังไงก็ตามเท่าหากมองในเรื่องของความบริสุทธิ์ไม่มีอะไรเทียบได้ นี่เป็นเปลวเพลิงที่รุนแรงที่สุดซึ่งสามารถเผาผลาญได้ทุกคุณลักษณะ

‘พวกมันบอกว่าเฮอเรสเทพปีศาลแห่งเปลวเพลิงถูกดับทำลายด้วยเปลวเพลิงของเดียโบลงั้นเหรอ?’

เขาคิดถึงเรื่องนั้น แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ปกครองดินแดนทางเหนือ แต่เขาก็ตระหนักดีถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกปีศาจ โดยเฉพาะสิ่งที่ดึงดูดเขาได้อย่างแน่นอนเช่นการปรากฏตัวของเดียโบล

เป็นไปได้ไหมที่จะทำลายเพลิงของเทพด้วยเปลวเพลิง?

อย่างไรก็ตามเขาคิดว่ามันเป็นไปได้ในขณะที่กำลังจ้องมองสิ่งที่ตนเพิ่งสร้างขึ้น

‘เปลวเพลิงที่ได้รับการเสริมพลังจนถึงขีดสุด เปลวเพลิงอันบริสุทธิ์ที่พร้อมจะบดขยี้ทุกเปลวเพลิงที่มีระดับต่ำกว่า’

ระดับความสำเร็จนี้ไม่มีศัตรูไหนที่จะต้องกลัวอีก

ไม่ว่าสัตว์ประหลาดที่เจ้านั้นสร้างขึ้นมาจะน่ากลัวเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าเดรัจฉานแห่งเปลวเพลิงตัวนี้

ราชาแห่งความตายรู้อยู่แล้วว่ามันจะไม่พ่ายแพ้

สำหรับมันที่ฝึกฝนทักษะศิลปะแห่งความตายมาหลายร้อยปี ย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับใครบางคนที่มีระดับการฝึกฝนต่ำกว่าตน

“…ข้าเชื่อเช่นนั้น”

ราชาแห่งความตายหันไปมองศัตรูของมัน

‘มันจบแล้วสินะ’

ในขณะนั้นมูยองล้มลงอยู่ที่พื้นแล้ว

ช่างเป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างแท้จริง เจ้าก้อนคำสาปนั้นไม่มีทางเชื่อฟังผู้ที่สร้างมันขึ้นมา มันเป็นแค่มอนสเตอร์ที่เต็มไปด้วยคำสาปแช่งและความอาฆาตแค้นเท่านั้น

แม้แต่ราชาแห่งความตายก็เคยเป็นเช่นนี้หลายครั้ง และผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิมตลอด การสาปแช่งตัวเองและสาปแช่งโลกจะนำไปสู่การทำลายตัวเองในที่สุด แต่นั่นคือหลังจากทำลายทุกสิ่งในบริเวณใกล้เคียงเรียบร้อยแล้ว

มันไม่มีทางควบคุมได้ ราชาแห่งความตายมั่นใจ

‘เจ้านั่นจะถูกสังหาร’

‘ถ้าล้มลงนั่นคือจุดจบ’

ในขณะที่เหนื่อยล้าเช่นนั้นเขาย่อมไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ แค่ถูกบาร็อคธรรมดาเหยียบตอนนี้ เขาก็จะตายอย่างช้าๆโดยไม่สามารถทำอะไรได้ นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม….

ควับ!

คริมสันบาร็อคหันหลังให้มูยอง

ตึง ตึง!

จากนั้นมันก็เดินตรงไปยัง ‘เดรัจฉานเพลิง’ ของราชาแห่งความตาย

“อะไรกัน?”

น่าเหลือเชื่อ เจ้านั้นสามารถควบคุมมอนสเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากความอาฆาตแค้นได้งั้นเหรอ?

แม้แต่คนบ้าก็ยังต้องฉุกคิด แน่นอนว่าราชาแห่งความตายได้ปรับการประเมินมูยองใหม่ในระดับที่สูงขึ้น

ยังไงก็ตามเป็นเวลาประมาณ 10 ชั่วโมงแล้วที่บาร็อคถูกสร้างขึ้นอย่างไร้การควบคุม การที่มูยองเพิ่งจะควบคุมมันได้เอาตอนนี้ระดับความสำเร็จต้องอยู่ในระดับต่ำแน่นอน

“จัดการเผามันซะเดรัจฉานเพลิง อย่าให้เหลือแม้แต่เถ้าถ่าน”

ฟูมมมมมมมมมมม!

เดรัจฉานเพลิงขยายเปลวไฟของมันจนสามารถปกคลุมรอบๆร่างของศัตรู

ฟิ่วววววววววววว!

คริมสันบาร็อคพุ่งสวนโจมตีเข้าไปทันทีนั้น!

ปังงงงงงงงง!

เดรัจฉานเพลิงรับการโจมตีของคริมสันบาร็อคเอาไว้ได้

พื้นดินปรากฏเป็นหลุมขนาดใหญ่

คริมสันบาร็อคหาได้เกรงกลัวเปลวไฟของเพลิงเดรัจฉานไม่ ตรงกันข้ามมันกลับเข้าจับส่วนคอของศัตรูด้วยสองมือก่อนจะอ้าปากกัดลงไปเต็มแรง

ฟูมมมมมมมมม! ฟูมมมมมมมมม!

เปลวเพลิงลุกโชนมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เพลิงเดรัจฉานได้กลืนกินร่างของคริมสันบาร็อคไปแล้ว

ยังไงก็ตามไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆของคริมสันบาร็อค ทว่าแขนของเพลิงเดรัจฉานกลับถูกกัดจนขาด

เมื่อการต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้น ร่างของคริมสันบาร็อคก็เริ่มเกิดการระเบิดเนื่องจากไม่สามารถทนต่อความร้อนที่สูงจนน่ากลัวได้

ก๊าซซซซซ!

คริมสันบาร็อคปล่อยเสียงกรีดร้องรุนแรงจนทำให้เปลวเพลิงที่ลุกโหมกระหน่ำถูกพัดหายไปด้วยความเดือดดาลจากเสียงกรีดร้องนั้น!

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

หลังจากส่งเพลิงเดรัจฉาลงไปกองกับพื้น คริมสันบาร็อคก็กวัดแกว่งหมัดไปทั่วราวกับเสียสติ

หมัดที่กระแทกลงสู่พื้นแต่ละครั้งทำให้ผืนดินสั่นสะเทือน จนสิ่งของต่างๆที่ถูกเสริมสร้างด้วยพลังเวทมนตร์ในพื้นที่แห่งนี้เริ่มพังทลาย

ราชาแห่งความตายถึงกับยืนงงโดยไม่สามารถทำความเข้าใจได้ สิ่งที่บาร็อคแสดงอยู่ตอนนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามูยองร้ายกาจเพียงใด หากวัดจากพลังของมันจะบอกว่าคริมสันบาร็อคเป็นเทพปีศาจที่แข็งแกร่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“… ได้ยังไงกัน”

เลือดไหลออกมาจากมือของคริมสันบาร็อคก่อตัวขึ้นเป็นดาบโลหิตสองเล่ม มันใช้ดาบทั้งสองกระหน่ำฟันไปที่เดรัจฉานเพลิงอย่างบ้าคลั่ง

ราชาแห่งความตายไม่เคยเห็นฉากที่น่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน ทั้งๆที่มันเป็นแค่มอนสเตอร์ที่เกิดจาการรวมตัวของการสาปแช่ง แต่มันกลับทำตามความต้องการของมูยองได้จนถึงที่สุด

คริมสันบาร็อคหยุดลงหลังจากที่ร่างของเดรัจฉานเพลิงถูกบดขยี้ฉีกเป็นชิ้นๆและหัวของมันถูกตัดออก

ก๊าซซซซซซh!

เสียงกรีดร้องแห่งชัยชนะ

ทุกอย่างจบลงในพริบตา

คิงธ์ออฟเดอะเดธ ราชาแห่งความตายเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเลื่อนลอย

“มันเป็นไปได้ยังไง….กัน”

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท