ตอนที่ 33 แฟนหนูก็เป็นห่วงหนูแหละ
มู่น่อนน่อนกอดคอของเขาไว้ด้วยจิตใต้สำนึก และสมองของเขาขาดข้องสักพักจึงได้สังเกตถึงว่าสถานการณ์ตอนนี้มันเป็นอะไรกัน
เธอดิ้นรนอยู่ในกอดของเขา “เฉินเจียฉิน”ปล่อยฉัน”
เฉินถิงเซียวอ้อมเธออย่างหนาแน่ ไม่ใส่ใจคำพูดของเธอสักนิด กอดเธอไปถึงที่นั่งรถโยยตรง
พอถึงที่นั่ง มู่น่อนน่อนก็หมายจะเปิดประตูออกไป
เฉินถิงเซียวคิดถึงจุดมุ่งหมายของมู่น่อนน่อนล่วงหน้าแล้ว มือข้างหนึ่งของเขาดึงประตูรถ และอีกข้างหนึ่งวางอยู่บนกรอบประตูยิ้มหัวว่า “ถ้าคุณกล้าออกไป ผมก็จะจูบแล้วน้อ”
พอได้ยินคำพูดนั้นมู่น่อนน่อนเอ่ยปากพูดสองคำออกว่า “หน้าด้าน”
เฉินถิงเซียวปิดประตูรถลงแล้วเข้านั่งอยู่รถเดินทางออกไป
มู่น่อนน่อนเอียงหัวไปถึงอีกด้านหนึ่ง เธอเบื่อกับผู้ชายคนที่อยู่ในข้างๆขี้เกียจมองหน้าเขา
เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้มองหน้าเธอ สายตาของเธอมองแต่ทางข้างหน้าและพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลย”
มู่น่อนน่อนหยุดสักพักและคิดถึงแล้วว่าเมื่อกี้เขาเย้ยหยันถามว่าตั้งใจจะหาเรื่องหรือเปล่า
มู่น่อนน่อนหันหัวถลึงตาเขาและว่า “ฉันคิดว่า คนที่อยากหาเรื่องนั้นเป็นคุณต่างหาก”
เฉินถิงเซียวยลมู่น่อนน่อนและยิ้มยั่วว่า “สามีของคุณเป็นคนที่มีอนาคตดีที่สุดในเมืองหู้หยางผมกล้าหาเรื่องคุณได้ยังไง ”
ฟังแล้วประโยคนี้มีทั้งความยกย่องและความเย้ยหยัน
โดยสรุปแล้ว มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า ‘เฉินเจียฉิน’ แปลกมาก
เธอดู ‘เฉินเจียฉิน’ ตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกว่าเขาก็ไม่มีความต่างกันที่ไม่เหมือนคนธรรมดา
แต่ว่า ‘เฉินเจียฉิน’ ได้ดูการสัมภาษณ์ของเธอไปแล้ว ก็แสดงว่าเฉินถิงเซียวก็คงได้ดูแล้วเหมือนกัน
พอคิดถึงอย่างนี้แล้ว เธอก็รู้สึกว่าไม่สบายใจอยู่หน่อย
ท่าทีของตระกูลเฉินชัดเจนอยู่ตลอดมา พวกเขาแค่ปราบข่าวฮิตที่เกี่ยวข้องกับเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้มีวิธีการอะไรอื่นแล้ว นี่ก็หมายความว่าแค่ไม่เกี่ยวกับเฉินถิงเซียวพวกเขาก็จะไม่ไปยุ่งเรื่องระหว่างครอบครัวของมู่น่อนน่อน
การสัมภาษณ์ในวันนี้ คำถามของนักข่าวที่เกี่ยวข้องกับเฉินถิงเซียวนั้นมันมากเกินไปแล้ว และคำตอบของเธอที่ดึงดันนั้นมันจะทำให้เฉินถิงเซียวรู้สึกน่าสะอิดสะเอียนหรือเปล่า
คิดแล้วคิดอีก มู่น่อนน่อนตัดสินใจว่าถาม ‘เฉินเจียฉิน’ ก่อนจะดีกว่า “พี่ชายคุณได้ดูการสัมภาษณ์หรือยังคะ”
เฉินถิงเซียวรู้ความหมายแฝงของเธอจึงตอบว่า “ดูแล้ว”
มู่น่อนน่อนถามเบาๆต่อว่า “แล้วเขา……”
เฉินถิงเซียวตอบแบบสีหน้าธรรมดาๆว่า “เขาโกรธมาก”
พอได้ยินแบบนั้นมู่น่อนน่อนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นอีก
เธอมองไปข้างนอกพบว่านี่ไม่ใช่ทางกลับจึงถามว่า “เราจะไปไหน ฉันจะกลับบ้านพัก”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ตอบสนองอะไรและดูท่าทีแล้วท่าทีเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เขาขับรถจนถึงคลินิกแห่งหนึ่ง
เขาออกจากรถแล้วเปิดประตูรถให้มู่น่อนน่อน“ลงมาเองได้ไหม หรือว่า……ให้ผมกอด”
พอได้ยินคำพูดนี้มู่น่อนน่อนก็รีบก้มเอวลงรถ
“คุณจะซื้อยาหรือ” มู่น่อนน่อนเห็นเขาเดินเข้าคลินิกจึงถามด้วยความแปลกใจ
แต่ผู้ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าเธอนั้นนอกจากเดินต่อแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปก็ได้ยินเขาพูดกับหมอว่า “ขาของเธอบาดเจ็บแล้ว คุณหมอช่วยดูหน่อย”
มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงเลยว่า ‘เฉินเจียฉิน’ ขับรถมาคลินิกคือเพื่อพาเธอมาหาหมอ
คุณหมอได้ยินคำพูดของเขาแล้วจึงพูดกับมู่น่อนน่อนด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เข้ามาด้านใน ให้หมอดูว่าบาดเจ็บตรงไหน”
“ขาของฉันไม่เป็นอะไรหรอก ไม่เป็นไรค่ะ” มู่น่อนน่อนพูดไปและมอง “เฉินเจียฉิน”ไป
คุณหมอฟังแล้วไปมองเฉินถิงเซียวและยิ้มกับมู่น่อนน่อนว่า “แฟนเธอก็เป็นห่วง เธอให้หมอตรวจหน่อยเถอะ”
มู่น่อนน่อนโต้แย้งทันทีว่า “เราสองคนไม่เป็นแฟนกัน”
เฉินถิงเซียวแค่ชี้ไปทางไกลๆแล้วพูดว่า “ให้หมอหญิงช่วยตรวจดีกว่า”
หมอหญิงเดินเข้ามา พอได้เห็นเฉินถิงเซียวก็หน้าแดงไปหมด แล้วก็ตรวจเข่าของมู่น่อนน่อนอย่างอ่อนนุ่ม
ขาของเธอทั้งขาวและตรง หมอหญิงชมอย่างจริงใจว่า “ขาของเธอสวยจริงๆนะ”
พอนึกคิดว่ามู่ เฉินเจียฉินยังยืนอยู่ตรงข้างๆ มู่น่อนน่อนก็รู้สึกไม่สบายใจ สำหรับเธอแล้วบาดเจ็บอย่างนี้แค่นิดเดียวเองไม่จำเป็นต้องมาคลินิก ก็ไม่รู้ว่า ทำไม “เฉินเจียฉิน” ถึงคิดว่านี่เป็นเรื่องใหญ่
และเวลาเธอหันหัวไป สอบตากับ“เฉินเจียฉิน”พอดี
เขามองขาเธอเหมือนไม่ใช่ตั้งใจแล้วพูดว่า “เธอก็ทนล้มนะ”
เวลาที่เขาเห็นเธอล้มพื้นดิน เขาคิดว่าบาดเจ็บเป็นหนัก
และสิ่งที่ยากเชื่ออีกอย่างก็คือ ฟังคำพูดของเขาแล้วเหมือนว่าแค่แสดงความรู้สึกเฉยๆไม่มีการประชดอยู่ในนั้น
……
แม้ว่าขาของมู่น่อนน่อนไม่เป็นอะไรมาก แต่หมอก็ให้เธอเอาน้ำยากลับไปทา
ออกจากคลินิกแล้วเฉินถิงเซียวตรงไปเปิดประตูรถ พอถึงจุดหยุดรถจึงสังเกตว่ามู่น่อนน่อนไม่ได้ตามมาเธอยังยืนอยู่หน้าคลินิก
เขาหันตัวยิ้มพูดกับมู่น่อนน่อนว่า “เจ็บขา เดินไม่ได้หรือ หรือว่าจะให้ผมไปอุ้ม”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นคนนิสัยไม่ดีอยู่แล้ว แต่เธอไม่เคยเจอคนหน้าด้านเหมือน “เฉินเจียฉิน”แต่ก่อน
เธอทำหน้าไม่ดีใจว่า “วันนี้ขอบคุณมาก และคุณไปทำธุระเถอะฉันเรียกรถกลับเองได้”
เฉินถิงเซียวเอียงรถและดูสีหน้าอดทนของเธอพูดเสียงเบาๆว่า “ผมไม่มีอะไร แค่ไปกินข้าวกับเพื่อน ไปด้วยกันเถอะ”
มู่น่อนน่อนหันตัวจากไป
เธอรู้ว่าพูดอะไรมากไปกว่านี้กับผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ทำไมเขาตามเธอมาตลอด
หรือว่า เขาเป็นคนชอบผู้หญิงขี้เหร่อย่างเธอหรือ
เธอยังไม่ได้ไปถึงไหนก็ได้ยินเสียงของ “เฉินเจียฉิน”ที่มาจากข้างหลัง
เขาเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“อยู่ข้างนอกครับ ครับ พอดีเจอกับพี่สะใภ้เราสองคนไปกินข้าวเสร็จก็กลับครับ พี่คงไม่ถืออะไรหรอก ผมกับพี่สะใภ้…… ”
พอหยุดเดินมู่น่อนน่อนก็เห็นยิ้มมองเธอ และรอยยิ้มของเขายังแฝงด้วยความขู่เข็ญ
เธอรู้ดีแก่ใจว่า ถ้าเธอก้าวไปอีกก้าวเขาก็จะพูดคำว่า “พี่สะใภ้ยั่วยวนผม” ออก
เธอเดินมาถึงข้างหน้า “เฉินเจียฉิน”ด้วยความไม่เต็มใจ
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความพอใจ “พี่สะใภ้ขึ้นรถก่อนเถอะ ผมยังมีเรื่องจะคุยกับพี่”
พอเห็นมู่น่อนน่อนขึ้นรถแล้วเขาก็เอามือถือออกมาถึงตรงหน้า มือถือยังถูกปิดอยู่เลย เมื่อกี้เขาไม่ได้คุยกับใคร