ตอนที่ 46 คิดไม่ถึงว่าเขาจะอิจฉา “ตัวเอง” นิดหน่อย
มู่น่อนน่อนไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เซียวชู่เหอจึงรีบส่งเสียงอธิบายออกมา: “น่อนน่อน ก่อนหน้านี้แม่ยุ่งมากเลย ขนาดว่าเวลาที่จะมากินข้าวกับลูกเพียงลำพังก็ยังไม่มีเลย ลูกอย่าตำหนิแม่เลยนะ”
ถ้าเป็นแต่ก่อน เซียวชู่เหอนัดมู่น่อนน่อนออกมากินข้าวด้วยกันตามลำพัง เธอก็คงดีใจจนจะลอยขึ้นไปแล้ว
เอาเรื่องยุ่งมาเป็นข้ออ้าง ก็ออกจะสะเทือนใจเกินไปหน่อย
เซียวชู่เหอเป็นคุณนายที่ร่ำรวยแบบเต็มเวลา ในบ้านก็มีคนรับใช้มากมาย เธอจะยุ่งเรื่องอะไรหรือ?
เธอจำได้อย่างชัดเจน เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เธอซื้อตั๋วภาพยนตร์แล้วอยากจะดูกับเซียวชู่เหอ แต่เดิมเซียวชู่เหอก็ตอบตกลงแล้วว่ามาดูด้วยกันได้
แต่ว่า จนกระทั่งภาพยนตร์จบแล้ว เธอก็ไม่ได้เจอเซียวชู่เหอ
กลับถึงบ้านก็เพิ่งจะรู้ เป็นเพราะมู่หวั่นขีดื่มจนเมาอยู่ข้างนอก เซียวชู่เหอจึงรีบไปรับมู่หวั่นขี แล้วทิ้งมู่น่อนน่อนไว้โดยปริยาย ไม่โทรมาบอก ทำให้เธอรออยู่ตลอดจนภาพยนตร์เลิก
มู่น่อนน่อนเอ่ยปาก ในน้ำเสียงมีรอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นมา: “ได้ค่ะ แม่ส่งที่อยู่มาให้หนูนะคะ”
เธอวางโทรศัพท์แล้ว เงยหน้าก็เห็นหน้าตาที่เข้มงวดของเสิ่นเหลียงกำลังมองมาที่เธอ
มู่น่อนน่อนประหลาดใจ: “ทำไมหรือ?”
เสิ่นเหลียงพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี: “แม่ของเธอนัดเธอกินข้าวอีกแล้วหรือ? เธอจะไปจริงๆหรือ?”
“ไปสิ” มู่น่อนน่อนดึงเสิ่นเหลียงมานั่งลงบนโซฟา ในตอนนี้ที่เสิ่นเหลียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เธอก็พูดอย่างไม่รีบร้อน: “ฉันก็มีแผนของฉัน ที่ให้เธอเอาอิฐมาให้ได้เอามาไหม?”
เสิ่นเหลียง: “อยู่ในรถ ฉันไปเอามาให้”
มู่น่อนน่อนเปิดประตูไม่ออก แต่ของของเธออยู่ด้านใน เรียกคนมาเปิดก็ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่ ตอนที่เสิ่นเหลียงจะมาเธอจึงจำเป็นต้องให้เธอช่วยเอาอิฐมาให้ เธอจะเอามาทุบประตู
การทำงานของเสิ่นเหลียงในสองปีมานี้มีแนวโน้มโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แรกเธอก็คิดจะช่วยมู่น่อนน่อนทุบประตู แต่ผู้จัดการของเธอตามตัวเธอแล้ว
ก่อนจะไป เธอก็พูดอย่างอาลัยอาวรณ์: “น่อนน่อน ตอนที่ทุบประตู อย่าลืมถ่ายวิดีโอออกอากาศมาให้ฉันดูด้วยนะ”
มู่น่อนน่อน: “……” แฟนคลับของเสิ่นเหลียงอายุน้อยขนาดนั้นเลยหรือ?
……
มู่น่อนน่อนถืออิฐเดินมาที่หน้าประตูห้องของตน ยกมือหันไปทางประตูแล้วก็ทุบลงมา เสียงค่อนข้างดัง
เฉินถิงเซียวได้ยินเสียงก็เลยเดินมาหา เห็นเธอกำลังทุบประตู ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆก็ยื่นมือแล้วก้มหัวลง ก้มๆอยู่ก็ยิ้มออกมา
ผู้หญิงคนนี้จริงๆเลย……ทำให้คนอื่นระมัดระวังตัวไม่หวาดไม่ไหว
เขาเดินเข้ามา แล้วหยุดข้อมือของเธอเอาไว้อย่างแม่นยำ เสียงทุ้มต่ำ: “พี่ชายไม่อยู่บ้าน คุณไปนอนในห้องของเขาก็ได้ ทุบประตูพังคิดเงินคุณได้ใช่ไหม?”
มู่น่อนน่อนก็รู้สึกว่าทำลายข้าวของไม่ดีเลยจริงๆ พูดอย่างลังเล: “แต่ว่าของของฉันอยู่ข้างในหมดเลย”
“ตอนที่พวกคุณแต่งงาน ก็มีคนส่งของใช้ผู้หญิงมากมายมาให้วางไว้ในห้องของเขา” จริงๆแล้วช่วงนี้เขาเพิ่งจะให้คนซื้อเข้ามาเพิ่มเติม
มู่น่อนน่อนกลับไม่ได้คิดถึงว่ายังมีโอกาสอย่างนี้ แต่เธอยังคงส่ายหัว พูดอย่างซื่อตรงและเปิดเผย : “แต่ฉันไม่กล้าไปนอนในห้องของเขา”
คำพูดที่ออกมานี้คงจะโดน “เฉินเจียฉิน” หัวเราะเยาะ แต่ไม่กล้าก็คือไม่กล้า
เฉินถิงเซียวก็ไม่คิดว่าเธอจะพูดอย่างนี้ มิน่าปกติก็โต้แย้งอยู่ตลอดผู้หญิงของเขาไม่ใช่เธอหรือ?
“ดังนั้น ฉันจะยังทุบประตูต่อไป ฉันเชื่อว่าเขาคงไม่ให้ฉันชดใช้ค่าประตู เขาไม่ใช่คนขี้เหนียวขนาดนั้น” ถึงอย่างไรก็ให้โทรศัพท์เธอแล้วไม่ใช่หรือ? เรื่องพวกนั้นในอินเตอร์เน็ตก็ไม่เห็นว่าเขาจะสอบสวน มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเขาดีกว่าที่เธอคิดเอาไว้
นัยน์ตาของเฉินถิงเซียวปรากฏความตะลึงงันออกมา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เธอก็พูดไปหมดแล้ว เขาเป็นคนใจกว้าง เขาจะยังพูดอะไรได้อีกล่ะ?
จำเป็นจะต้องช่วยเธอทุบประตู
เขายื่นมือไปหยิบอิฐในมือของมู่น่อนน่อนออกมา ทุบไปสองสามทีประตูก็เปิดออกแล้ว
มู่น่อนน่อน คิดว่า “เฉินเจียฉิน” ก็ไม่ได้น่ารำคาญขนาดนั้นแล้ว เธอส่งสายตาให้แล้วก็เอ่ยขึ้น: “ขอบคุณนะ”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไรแล้วก็ไม่มองเธอด้วย กลับตัวเดินออกไปเลย รูปร่างจากด้านหลังดูเหมือนว่าจะ……วุ่นวายใจนิดหน่อยใช่ไหม?
เฉินถิงเซียวเดินมาไม่ไกลเท่าไหร่ ก็เห็นองครักษ์ที่ได้ยินเสียงเดินขึ้นมาแล้ว
เฉินถิงเซียวชำเลืองมององครักษ์: “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
แทนคำพูดที่ให้เขาลงไปข้างล่าง
องครักษ์รีบหมุนตัวกลับลงไป แต่ในใจก็ค่อนข้างงงงวย
เสียงที่ดังขนาดนั้นเมื่อสักครู่ พวกเขาต่างก็คิดว่าคุณชายกับคุณผู้หญิงทะเลาะกันแล้ว เขายังเดิมพันไปแล้วหนึ่งร้อยหยวน แต่ท่าทางของคุณชายดูแล้วก็ไม่เหมือนท่าทางที่จะทะเลาะกับคุณผู้หญิง……
เฉินถิงเซียวเข้าไปในห้องแล้วสักครู่ ก็ได้รับข้อความที่กู้จือหยั่นส่งมา
เขาส่งเสียงมา มีความยาวกว่าสี่สิบวินาที เฉินถิงเซียวกดข้อความเสี่ยงนั้น แล้วก็วางโทรศัพท์ลง
“ฉันส่งข้อความหานายตอนนี้ ไม่ได้รบกวนนายใช่ไหม? เมื่อคืนผ่านไปได้ด้วยดีไหม? สิ่งของพวกนั้นที่ส่งไปก่อนหน้านี้ได้ใช้แล้วใช่ไหม? ฉันบอกว่าถ้านาย……”
เฉินถิงเซียวฟังถึงตรงนี้ ก็กดปุ่มหลักของโทรศัพท์ ล็อกหน้าจอ
เดินไปทางห้องเก็บเสื้อผ้า
ห้องเก็บเสื้อผ้าใหญ่โต ครึ่งหนึ่งเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายประเภทสูทเสื้อเชิ้ต อีกครึ่งหนึ่งเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิงประเภทกระโปรงเสื้อสเวตเตอร์
มู่น่อนน่อนดูเหมือนจะสร้างความยุ่งยากให้เขาอย่างมากจริงๆ ถ้าหากว่าเธอใส่ใจเขามากกว่านี้สักหน่อย ก็จะพบว่าเขาอยู่ที่ห้องนอนหลัก แล้วก็จะยิ่งพบว่า “เฉินเจียฉิน” กับ “เฉินถิงเซียว” ทั้งสองคนไม่เคยปรากฏตัวออกมาพร้อมกันเลย
ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ความประทับใจแรกสำคัญที่สุด ทำให้เธอรู้สึกว่า “เฉินถิงเซียว” ไม่ใช่คนปกติอย่างแน่นอน
เฉินถิงเซียวนึกถึงเรื่องในห้องอาหารก่อนหน้านี้ขึ้นมา หลังจากที่เธอได้ยินว่าโทรศัพท์นี้ “เฉินถิงเซียว” เป็นคนซื้อให้ ความสุขที่อยู่ในดวงตาของเธอก็ลอยออกมา
ในเวลานั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะอิจฉาตัวเองนิดหน่อย
……
มู่น่อนน่อนปิดประตู แล้วก็นอนลงบนเตียง
นอนบนเตียงที่คุ้นเคยก็รู้สึกสบายใจมากกว่า เธอพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้า
ยืนอยู่ที่หน้ากระจก เธอลังเลอยู่ขณะหนึ่ง ก็ตัดสินใจไม่แต่งหน้าขี้เหร่แล้ว แบบนั้นค่อนข้างวุ่นวาย และเธอก็ไม่ได้คิดว่าจะไปกินข้าวกับเซียวชู่เหอจริงๆ
ถึงอย่างไรเมื่อคืนก็โดน “เฉินเจียฉิน” จับได้แล้ว เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเท่าไหร่ เฉินถิงเซียวยังไม่เคยเจอเธอมาก่อน เธอจงใจแต่งขี้เหร่ต่อไปนอกจากจะทำให้เธอลำบากแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร
เพียงแต่……
เธอนึกถึง “เฉินเจียฉิน” ที่เมื่อเช้ายังจูบเธออีก จูบนั้นที่คิดขึ้นมาแล้วก็ทำให้เธอรู้สึกว่าหน้าแดงใจเต้นเร็ว
มู่น่อนน่อนที่สติกลับมาแล้วก็เพิ่งรู้สึกได้ว่าคิดไม่ถึงว่าตนกำลังย้อนกลับไปถึงรสจูบของ “เฉินเจียฉิน” สีหน้าของเธอก็ซีดไปเลย
“เฉินเจียฉิน” เป็นน้องชายของเฉินถิงเซียว เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!
จนกระทั่งตอนที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา สีหน้าก็ยังแย่อยู่มาก
บังเอิญเหลือเกิน เธอพบกับ “เฉินเจียฉิน” อีกแล้วที่ทางลงบันได
เฉินถิงเซียวเห็นสีหน้าของเธอแย่มาก ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยถามเธอ: “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เขาพูดไป แล้วก็ยื่นมือออกมาจะแตะหน้าผากเธอ
มู่น่อนน่อนเหมือนได้รับความตื่นตระหนกตกใจก็กระโดดออกไปห่างๆเขาทันที พูดอย่างลุกลี้ลุกลน: “ฉันไม่ ไม่เป็นไร……”
พูดเสร็จ ก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ที่เดิม สายตาตกไปอยู่ที่มือของตนที่อยู่ในกลางอากาศ ในขณะหนึ่ง สีหน้าที่กลัดกลุ้มก็เพิ่งจะเก็บมือกลับเข้ามา
เขาพิงที่ราวบันได มองมู่น่อนน่อนที่สะพายกระเป๋าหนีเตลิดไป สีหน้ายิ่งกลัดกลุ้มไปพักหนึ่ง แต่อย่างรวดเร็ว เขาก็รีบเดินตามออกไปอย่างไม่วางใจ