ตอนที่ 79 อยากเรียนรู้เพิ่มเติมจากพี่สาว
มู่น่อนน่อนเหลือบมองเขา และกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันไม่ลง พวกเขามากันเยอะแยะก็เพราะมารังแกคุณ คุณไม่ต้องกลัว ฉันจะจัดการแทนคุณเอง”
ก่อนที่จะเกิดเรื่องที่นี่ กู้จือหยั่นที่แอบตามมาและได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อนเข้า ก็ “พรูด” หลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
แต่เดิมมีแต่เฉินถิงเซียวที่ไปรังแกคนอื่นเขา ใครหน้าไหนจะกล้ามารังแกเขากัน
มู่น่อนน่อนกล่าวจบ ก็เงยหน้าหันไปมองคนพวกนั้น “ที่ฉันพูดพวกนายคงได้ยินกันหมดแล้ว ยังไม่รีบเรียกคุณปู่อีกหรือ”
ชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ที่ไม่เคยถูกผู้หญิงคนหนึ่งท้าทายแบบนี้มาก่อน ก็ถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเข้าไปตะลุมบอนทันที
ประจวบเหมาะกับที่สือเย่พาพนักงานรักษาความปลอดภัยมา เพียงครู่เดียวก็จัดการคนพวกนั้นได้อยู่หมัด
สือเย่เดินมายังเบื้องหน้าเฉินถิงเซียว และเอ่ยถามอย่างนอบน้อม “คุณชายครับ จะจัดการอย่างไรดีครับ”
เฉินถิงเซียวชำเลืองมองมู่น่อนน่อนที่ตะโกนว่า “ทำดีมาก” โดยที่ในมือยังถือขวดเหล้า สายตาก็ฉายแววโอนอ่อน “ให้พวกเขามาก้มหน้าสำนึกผิดกับเธอ”
สือเย่ไม่คิดว่าตัวเองจะฟังผิดไป “ห๊ะ”
หลังจากนั้น ก็ปรากฏภาพนี้ขึ้นในบาร์
กลุ่มผู้ชายคุกเข่าที่พื้น ก้มหน้าสำนึกผิดกับมู่น่อนน่อน และปากก็พูดว่า “ปู่ครับ ผมผิดไปแล้ว”
…..
ระหว่างขากลับ สือเย่ขับรถอยู่ข้างหน้า เฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนที่นอนหลับไปแล้วขึ้นมานั่งที่เบาะหลัง
สือเย่คอยมองสถานการณ์ทางด้านหลังจากกระจกส่องหลังอยู่ตลอดเวลา
เขาเห็นคุณชายของเขาได้อย่างชัดเจน เขากอดคุณหญิงไว้ในอ้อมกอดราวกับอุ้มเด็กทารก ถึงแม้จะมองสีหน้าของเขาได้ไม่ชัด แต่บรรยากาศอ่อนโยนที่แผ่กระจายไปทั่วรถนั้นทำให้รับรู้ได้ว่าคุณชายนั้นกำลังอารมณ์ดี
เขาไม่เข้าใจ เกิดเรื่องอะไรที่ทำให้คุณชายของเขาอารมณ์ดีได้ในบาร์กัน
ใช้เวลาไม่นาน รถก็ขับมาถึงประตูคฤหาสน์
เฉินถิงเซียวอุ้มมู่น่อนน่อนลงจากรถ ตอนที่อุ้มขึ้นตึก เขาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของตัวเองชั่วครู่ แต่ก็เลือกที่จะอุ้มมู่น่อนน่อนกลับไปยังห้องที่เธอพัก
ก่อนหน้านี้ก็อาละวาดที่บาร์เสียยกใหญ่ ตอนนี้ก็หลับ สงบขึ้นมามากเลยทีเดียว
ยามที่ถือขวดเหล้าและโวยวายเหมือนนักเลงนั้น ก็ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากใครเช่นกัน
มู่น่อนน่อนนอนหลับสนิท ตาจมูกปิดสนิท ริมฝีปากสีสดเผยอออกเล็กน้อย ดึงดูดให้น่าเก็บเกี่ยวนัก
เฉินถิงเซียวโน้มตัวลง จ้องมองเธออยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่อาจจะอดทนไว้ได้ ก็ประกบปากจูบเธอในทันที
หลังจากที่จูบเสร็จ น้ำเสียงของเขาก็เริ่มแหบแห้ง “เหม็นจะตายแล้ว”
ปรับอุณหภูมิความร้อนให้กับเธอ ห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย แล้วจึงเดินออกไป
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
ยามที่มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมา ก็รู้สึกว่าโลกนั้นกำลังหมุน
เธอหลับตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ผ่านไปเพียงครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้นใหม่ และรู้สึกดีกว่าเมื่อครู่ขึ้นมามาก
เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองห้องที่คุ้นเคยด้วยความว่างเปล่า หลังจากนั้นก็พลิกตัวลงจากเตียงและเข้าห้องน้ำไป
เมื่อวานเธอกลับมาได้อย่างไร
เธอจำได้ว่า “เฉินเจียฉิน” ไปบาร์เพื่อหาเธอ หลังจากนั้นทั้งสองก็ดื่มด้วยกัน เรื่องต่อจากนั้น… เธอจำมันไม่ได้เลย
เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้ว เธอก็เปิดประตูลงไปข้างล่าง เดินไปไม่กี่ก้าวก็ลอบมองไปรอบๆ ทำท่าราวกับโจร
เมื่อก่อนเธอเพียงเคยดื่มเหล้ากับเสิ่นเหลียง เสิ่นเหลียงเคยบอกว่าเธอที่ดื่มเหล้ากับยามปกตินั้นแตกต่างกันอย่างมาก
ดังนั้นเธอจึงไม่มั่นใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเมื่อคืนวานได้ทำอะไรเกินเรื่องต่อ “เฉินเจียฉิน” หรือไม่
จนกระทั่งมาถึงห้องโถง มู่น่อนน่อนก็ยังไม่พบกับ “เฉินเจียฉิน” ถึงได้สบายใจขึ้นมา
“พี่สะใภ้ อรุณสวัสดิ์”
ทันใดนั้นเสียงผู้ชายก็ดังขึ้น จนทำให้มู่น่อนน่อนสะดุ้ง ใจเต้นรัวขึ้นมาทันที
เธอหันไปตามเสียง ก็พบกับ “เฉินเจียฉิน” ที่เดินถือแก้วน้ำหนึ่งแก้วออกมาจากห้องครัวพอดิบพอดี
มู่น่อนน่อนยิ้มอย่างเกร็งๆ “ฮ่าฮ่า อรุณสวัสดิ์”
เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปใกล้ เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่เลวของมู่น่อนน่อน ในน้ำเสียงของเขานั้นแฝงความไม่พอใจเล็กน้อย “เมื่อคืนคุณหลับได้สบายเลยสิ”
มู่น่อนน่อนตอบไปตามความจริง “ก็ยังดี…”
“เหอะ” เฉินถิงเซียวแสยะยิ้ม และเดินผ่านตัวเธอไป
เธอนอนหลับสบาย ส่วนเขาก็นอนฝันถึงกลิ่นหอมที่มีเสน่ห์นั้นทั้งคืน
มู่น่อนน่อนเดินตามไปและเอ่ยอย่างละล้าละลัง “เมื่อวาน ที่คุณดื่มเป็นเพื่อนฉัน… ขอบคุณนะคะ”
เธอพูด ในขณะนั้นก็ลอบสังเกตสีหน้าของ “เฉินเจียฉิน” ไปด้วย
เธอจำไม่ได้จริงๆ ว่าเมื่อคืนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เฉินถิงเซียวเอียงหน้ามองเธอ เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ผิดแปลกอะไรของเธอ ก็เข้าใจขึ้นมา เธอจำเรื่องที่เกิดเมื่อคืนไม่ได้แล้ว
ดวงตาของเขาทอประกาย และกล่าวอย่างคลุมเครือ “ต่อจากนี้หากไม่มีเรื่องอะไรอย่าไปทานเหล้าสุ่มสี่สุ่มห้า อย่างน้อยให้ดีก็ให้ผมไปรับ หากเป็นคนอื่น…”
ท่าทางลังเลจนหยุดพูดของเขา ทำให้มู่น่อนน่อนเริ่มใจไม่ดี
เมื่อคืนเธอทำเรื่องอะไรลงไปกันแน่
แต่ “เฉินเจียฉิน” ก็ยังทำท่าเหมือนไม่อยากพูดอะไรมากมาย เธอก็เดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องนี้เป็นแน่ แต่ก็ไม่กล้าถาม หากมันเป็นเรื่องน่าอายล่ะ
เฉินถิงเซียวมองท่าทางหวาดกลัวของมู่น่อนน่อนอย่างพึงพอใจ ถือแก้วน้ำจะเดินขึ้นไปข้างบน
ผู้หญิงคนนี้เวลาปกติดูอ่อนแอและเงียบขรึม ไม่คิดว่าหลังจากที่ดื่มเหล้าจนเมาแล้ว จะอาละวาดได้ขนาดนั้น
หากเขาไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอ ใครจะเป็นคนช่วยเธอเก็บกวาดหลังจากที่เธออาละวาดไปแล้วกัน
เมื่อคืนมู่น่อนน่อนคงเสียใจมากแค่นั้น เสิ่นเหลียงไม่ได้อยู่ในเมืองหู้หยาง ถ่ายทำอย่างเหน็ดเหนื่อย มู่น่อนน่อนจึงไม่อยากเอาเรื่องแย่ๆ ไปรบกวนเธออีก
นอกจากดื่มเหล้าเพื่อคลายเครียดแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีวิธีอื่นที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาอีกสักนิดได้เลย
พอสงบลงได้แล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย
น่ากลัวว่าเซียวชู่เหอในตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่ต้องขอโทษมู่น่อนน่อน คนที่เจ็บปวดเสียใจก็มีเพียงมู่น่อนน่อนคนเดียว
มู่น่อนน่อนคนนี้ เป็นคนรักแรงเกลียดแรง
ตัวเธอแต่เดิมที่เชื่อฟังเซียวชู่เหอ มันก็แค่การคาดหวังที่จะได้รับความรักความใส่ใจจากเซียวชู่เหอเท่านั้น
เธอเข้าใจแล้ว ความหวังสูงเสียดฟ้าที่น่าสงสารของเธอนั้นไม่มีทางที่จะได้รับแล้ว
แต่เงื่อนของเธอและมู่หวั่นขีได้ขมวดเป็นปมใหญ่แล้ว มู่หวั่นขีย่อมไม่มีทางยอมแพ้ไปง่ายๆ แน่
โดยบังเอิญ เรื่องดำเนินมาจนถึงวันนี้ เธอเองก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน
พวกเขาใช้ประโยชน์จากเธออย่างทั่วถึง และทั้งยังเพ่งเล็งเธอ ใช้ประโยชน์เธอโดยไม่ละอายแก่ใจ มีเรื่องดีๆ แบบนั้นที่ไหนกัน
…..
เมื่อมู่น่อนน่อนมาถึงบริษัทมู่ซื่อ ก็ตรงไปยังออฟฟิศของมู่ลี่เหยียนทันที
ทันทีที่มู่ลี่เหยียนเห็นมู่น่อนน่อน หัวคิ้วก็ขมวดลงเล็กน้อย ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก “เธอมาทำอะไร”
“ฉันทำงานด้านสำรวจตลาดได้ไม่ดี อยากจะขอย้ายไปแผนกโครงการ อยากจะเรียนรู้เพิ่มเติมจากพี่สาว” มู่น่อนน่อนพูดด้วยสีหน้าจริงใจ จนมู่ลี่เหยียนไม่สามารถแยกออกได้ว่าคำพูดนี้ได้มาจากใจจริงของเธอหรือไม่
นักสำรวจตลาดนั้นเป็นเพียงพนักงานชนชั้นล่าง แต่แผนกโครงการนั้นกลับเป็นฝ่ายที่สำคัญที่สุดของบริษัท
ที่มู่ลี่เหยียนให้มู่น่อนน่อนไปยังแผนกการตลาดตั้งแต่แรก ก็เพราะไม่อยากให้เธอยุ่งเกี่ยวกับโครงการ เมื่อเป็นแบบนี้ ถึงแม้ในมือของเธอจะมีหุ้นของบริษัทมู่ซื่ออยู่ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก
“งานสำรวจตลาดเธอยังทำได้ไม่ดีเลย แล้วคิดจะไปเรียนรู้จากหวั่นขี เธอรู้สึกว่าตัวเธอจะทำได้ดีหรือ” มู่ลี่เหยียนครุ่นคิด แต่ก็ยังไม่เชื่อในคำพูดของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนยิ้มบางๆ ด้วยใบหน้าจริงจัง “สิ่งที่สำคัญ คือฉันรู้สึกว่าพี่สาวนั้นเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ฉันได้อยู่ข้างๆ เธอ จะต้องได้เรียนรู้มามากมายแน่ๆ ความจริงตั้งแต่เด็กฉันนั้นนับถือความสามารถของพี่สาวมาก ในตอนเด็กพ่อก็เห็น ที่ฉันเชื่อฟังพี่สาวขนาดนั้น ก็น่าจะรู้ว่าฉันนั้นชอบเธอขนาดไหน ช่วงนี้… เป็นฉันที่ไม่ดี…”
ประโยคหลัง น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนแผ่วลง ทั้งยังบีบน้ำตาให้หยดลงมาสองหยด