ตอนที่ 83 ขอความช่วยเหลือจากเขา
ซือเฉิงหยู้เงียบไปครู่นึง น้ำเสียงเปิดเผยและตรงไปตรงมา: “ก่อนหน้านี้เคยเจอกันโดยบังเอิญครั้งนึง”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวยิ่งอยู่ยิ่งเยือกเย็นลง: “เธอคือมู่น่อนน่อน”
“ฉันรู้ เธอเป็นภรรยาของนาย มู่น่อนน่อน” จู่ๆเสียงของซือเฉิงหยู้กลายเป็นเลื่อนลอยขึ้นมา
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว อยากพูดแต่ก็หยุดชะงักไว้ สุดท้ายไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง ได้วางสายทิ้งโดยตรง
……………….
เช้าวันรุ่งขึ้น
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นมาทำอาหารเช้า เห็น“เฉินเจียฉิน”ลงมา เธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีกอย่างห้ามใจไม่ได้อีก
เธอยกอาหารเช้าออกมาด้วย และแอบเหลือบมอง“เฉินเจียฉิน”ด้วย
เฉินถิงเซียวก้มหน้าดูมือถือ ยกแก้วขึ้นมาดื่มน้ำคำนึง จู่ๆได้เปิดปากพูดว่า: “แอบมองผมทำไม?”
มู่น่อนน่อนยักคิ้ว มองเขาด้วยสีหน้าท้าทาย: “ดูคุณสีหน้าแย่นิดหน่อย จะตุ๋นเนื้อวัวให้คุณบำรุงหน่อยมั้ยคะ?”
เฉินถิงเซียวได้ยินคำนี้แล้ว ท่าทางในมือได้หยุดนิ่ง เงยหน้าขึ้นมายิ้มอย่างไม่กระจ่าง: “บ้านหลังนี้ผู้หญิงอยู่แค่คนเดียว คุณตุ๋นให้ผมบำรุงไตนี่หวังอะไร?”
มู่น่อนน่อนจ้องเขาทีนึง แล้วหันหลังเข้าไปในห้องครัว
ถ้าพูดถึงเล่นลิ้นนี่ น้อยมากที่เธอจะเป็นคู่ต่อสู้ของ“เฉินเจียฉิน”
สุดท้ายทั้งสองได้เลิกรากันอย่างไม่สบอารมณ์อีก
สือเย่ส่งมู่น่อนน่อนไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่อเหมือนเช่นเคย
ในรถ มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถาม: “สือเย่ คุณผู้ชายของนายไม่เจอคนแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
สือเย่นึกถึงเฉินถิงเซียวที่วิ่งทุกสารทิศทุกวัน พูดว่าฝืนใจตัวเอง: “ใช่ครับ”
“เขาเคยไปพบหมอหรือเปล่า?” มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ตระหนักได้ว่าคำพูดของตัวเองทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่าย เธอได้อธิบายอีก: “ความหมายของฉันคือ เขาจะไม่เจอผู้คนตลอดชีวิตไม่ได้นี่ ยังไงซะก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ”
เฉินถิงเซียวที่ต้องการใช้ชีวิตปกติ กลับโทรมาหาสือเย่ในเวลานี้
“ขอโทษครับ ผมรับโทรศัพท์แป๊บนึงครับ” สือเย่พูดจบ ก็ได้รับสายขึ้นมา
เสียงของเฉินถิงเซียวค่อนข้างเคร่งขรึม: “จับตาดูมู่น่อนน่อนดีๆ”
คำสั่งของเฉินถิงเซียวสั่งการได้ค่อนข้างแปลกประหลาด แต่สือเย่ไม่ได้ถามเซ้าซี้ เขาตอบคำเดียวว่า: “ครับผม”
……………….
มู่น่อนน่อนถึงหน้าบริษัท ก็เจอกับมู่หวั่นขี
มู่หวั่นขีมองรถคันที่มาส่งมู่น่อนน่อนมา แววตามีความริษยาแว๊บผ่าน
ถ้าตอนนั้นเป็นเธอที่แต่งเข้าตระกูลเฉิน ตอนนี้ คนที่นั่งรถคันนั้นมาทุกวันก็คือเธอแล้ว
มู่น่อนน่อนเสยผม แล้วเดินไปที่ตรงหน้าของมู่หวั่นขีที่ต้องใส่ส้นสูงถึงจะสูงเท่าเธอ เธอพูดด้วยรอยยิ้ม: “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการมู่”
มู่หวั่นขีกลับเชอะเสียงเย็นชา ไม่สนใจเธอเลย
มาถึงที่ออฟฟิศ มู่น่อนน่อนเหมือนเมื่อวานได้ถ่ายเอกสารที่เหลือจากเมื่อวานต่อ
การปฏิบัติของมู่หวั่นขีนี้ เห็นได้ชัดว่าจะสร้างความลำบากใจให้มู่น่อนน่อน คนที่อยู่แผนกบริหารโครงการล้วนมองเห็นอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีคนกล้าพูดอะไร
แต่ว่า นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคให้พวกเขาหารือเรื่องนี้อย่างเป็นการส่วนตัว เอาเรื่องนี้แพร่ไปที่หูของมู่ลี่เหยียน
เวลาใกล้เที่ยง มู่ลี่เหยียนก็ได้เรียกมู่หวั่นขีเข้าไปที่ออฟฟิศ
“ถึงลูกไม่ชอบมู่น่อนน่อน ก็อย่าแสดงออกชัดเจนขนาดนี้สิลูก! นี้ถ้าคนอื่นเห็นเข้า
จะเอาไปเป็นขี้ปากได้นะ!”
ชัดเจนว่ามู่หวั่นขีไม่แคร์เลยสักนิด: “หนูเป็นลูกสาวของท่านประธาน แถมยังเป็นผู้จัดการของแผนกบริหารโครงการ ใครจะกล้าพูดอะไรคะ?”
“ลูกอยากกดขี่มู่น่อนน่อน ก็กดขี่ให้มันเหมือนหน่อย” มู่ลี่เหยียนค่อนข้างเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ เมื่อก่อนรู้สึกว่ามู่หวั่นขีฉลาดดี ตอนนี้ดูแล้วทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้!
“โอเคๆ บ่ายนี้หนูจะพาเธอออกไปคุยโครงการค่ะ” มู่หวั่นขีขี้เกียจฟังบทความยาวเหยียดของมู่ลี่เหยียน เธอหันหลังเล้วเดินออกไปข้างนอกเลย
สองวันนี้มู่น่อนน่อนแทบจะพักอยู่ในห้องถ่ายเอกสาร
มีคนมาถ่ายเอกสาร เธอก็ทักทายกับผู้คนอื่นด้วยรอยยิ้ม ทั้งสวยแถมยังนิสัยดี อีกทั้งยังเป็นญาติกับท่านประธานอีก พอเป็นแบบนี้ ความประทับใจที่เพื่อนร่วมงานมีต่อเธอก็ยิ่งมากแล้ว
มีเพื่อนร่วมงานที่เจตนาดีเตือนเธอ: “ที่จริงเธอไม่ต้องถ่ายเอกสารทุกครั้งก็ได้นะ เอกสารพวกนี้ต่างก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย”
มู่น่อนน่อนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา สีหน้าไม่กล้าที่จะเชื่อ: “ห๊ะ พวก พวกนี้ต่างก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร?”
ในขณะนี้ เลขาของมู่หวั่นขีมาหาเธอ: “มู่น่อนน่อน ผู้จัดการหาคุณค่ะ”
“งั้นฉันไปหาผู้จัดการก่อนนะ” มู่น่อนน่อนหยุดงานในมือลงด้วยรอยยิ้ม แล้วไปที่ออฟฟิศของมู่หวั่นขี
เธอเข้าไปปุ๊บ มู่หวั่นขีก็โยนเอกสารให้เธอปึกนึง: “นี่เป็นเอกสารที่วันนี้จะไปคุยโครงการร่วมงาน แกเอาไปดูหน่อย เดี๋ยวตอนบ่ายไปกับฉัน”
มู่น่อนน่อนเอามาดูทีนึง แน่ใจว่าตัวเองไม่เข้าใจเลยสักนิด คำศัพท์ของในนั้นก็ค่อนข้างเยอะด้วย
อาชีพที่ไม่เหมือนกันยากที่จะเข้าใจสถานการณ์ของซึ่งกันและกัน ดูไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ
ตัวเธอเองย้ายมาแผนกบริหารโครงการก็ไม่ได้มีเจตนาดี มู่หวั่นขีพาเธอออกไปคุยโครงการก็ต้องไม่เจตนาดีแน่นอน
เธอจะต้องไปตรวจสอบบริษัทนี้ดูก่อน
ตรวจไปสักพัก ก็ตรวจสอบเนื้อหาอะไรไม่ออก
ของแบบนี้ เสิ่นเหลียงก็ไม่เข้าใจแน่นอน เสิ่นชูหานอาจจะเข้าใจ แต่เธอไม่มีทางถามเขา
คิดไปคิดมา เหมือนได้แต่ถาม“เฉินเจียฉิน”แล้ว
ไม่รู้เพราะอะไร ถึงแม้วันๆ“เฉินเจียฉิน”ดูเหมือนจะไม่มีอะไรทำ แต่ยังไงซะเขาก็เองคนของตระกูลเฉิน บริหารธุรกิจของตระกูลเฉิน เขาน่าจะเข้าใจพวกนี้อยู่
อาศัยช่วงเที่ยง มู่น่อนน่อนได้โทรหา“เฉินเจียฉิน”
เธอยังกังวลเล็กน้อยว่าจะไม่มีคนรับสาย แต่เหนือความหมายมาก ดังไปไม่กี่ทีก็มีคนรับสายแล้ว
มู่น่อนน่อนนึกถึงตอนเช้าตัวเองเพิ่งทำให้เขาโกรธเอง น้ำเสียงจึงค่อนข้างอึดอัด: “เฉินเจียฉิน ตอนนี้คุณยุ่งมั้ยคะ?”
“เฉินเจียฉิน”ประหยัดคำพูดเหมือนตัวอักษรมีค่าดั่งทองคำ: “มีธุระอะไร?”
มู่น่อนน่อนพูดอย่างกินปูนร้อนท้อง: “อยากเลี้ยงคุณทานข้าวเที่ยงค่ะ………”
“เฉินเจียฉิน”พูดอย่างไม่สนใจไยดี “พูดประเด็นหลัก”
ผู้ชายคนนี้นี่มีตาพันลี้เหรอเนี่ย?
มู่น่อนน่อนก็ไม่เขินอายแล้ว พูดอย่างทุ่มสุดตัว: “อยากขอความช่วยเหลือจากคุณนิดหน่อยอ่ะค่ะ!”
“เฉินเจียฉิน”ก็ไม่ได้พูดฉีกหน้าเธอเหมือนปกติ ได้ทำการตัดสินใจโดยตรง: “ผมมารับคุณที่บริษัทมู่ซื่อ”
“อ๋อ ค่ะ” มู่น่อนน่อนตอบกลับด้วยจิตใต้สำนึก
หลังจากวางสายถึงรู้สึกตรงไหนมันผิดสังเกต
เธอขอความช่วยเหลือจาก“เฉินเจียฉิน” เธอควรเป็นฝ่ายไปหาเขาไม่ใช่เหรอ?
ไม่นึกเลยว่าเขาจะขับรถมารับเธอ!
“เฉินเจียฉิน”มาไวมาก มู่น่อนน่อนไม่ได้รอเธอที่หน้าบริษัทมู่ซื่อ กลับกันได้ไปรอเขาที่ปากทางละแวกที่มีคนน้อยมาก
ตอนที่เฉินถิงเซียวหาเธอเจอ สีหน้าดูแย่มาก: “ขึ้นรถ!”
อยู่ในใจเธอ เขาเจอผู้คนไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?
มู่น่อนน่อนก็เดาออกว่าทำไมสีหน้าเขาดูไม่ดี เธอขอโทษเสียงเบา: “ขอโทษนะคะ ทางบริษัทมู่ซื่อคนมากมายต่างก็เคยเห็นคุณ ฉันกลัวถึงเวลาพวกเขากลัวถ่ายไปมั่ว และเดาความสัมพันธ์ของเราไปมั่วอีกค่ะ”
เฉินถิงเซียวไม่ได้พูดอะไร แค่หัวเราะเยาะทีนึง
ความรู้สึกที่หลบๆซ่อนๆแบบนี้มันไม่ดีเลย รู้อย่างงี้คืนนั้นตอนที่เธอเมา ก็ควรจะจัดการเธอให้เสร็จสรรพโดยตรงไปเลย!
มู่น่อนน่อนถูก“เฉินเจียฉิน”ที่สีหน้าราวกับจะถูกเขากลืนกินทำเอาตกใจจนตัวสั่น เธอได้ปิดปากอย่างรู้สถานการณ์ ไม่พูดมากอีกต่อไป
“เฉินเจียฉิน”ขับรถพาเธอมาร้านอาหารร้านนึงที่คนน้อยมาก
ทั้งสองนั่งลงมาสั่งอาหาร สายตาของ“เฉินเจียฉิน”ก็หล่นอยู่ที่เอกสารที่เธอถืออยู่ในมือ เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ: “เอาออกมา”
มู่น่อนน่อนมองเขาด้วยความตะลึงงัน เอาเอกสารออกมาอย่างช้าๆ: “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันจะมาขอความช่วยเหลือจากคุณเรื่องนี้?”
“เฉินเจียฉิน”มองเธอทีนึงเหมือนมองคนโง่