ตอนที่ 97 ไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่นอน
พอกินข้าวเสร็จ“เฉินเจียฉิน”ก็ไล่กู้จือหยั่นไป
กู้จือหยั่นเกาะขอบประตูไม่ยอมไป“ฟ้ามืดขนาดนี้ อากาศก็เย็น ให้ฉันค้างสักคืนไม่ได้เหรอ”
มู่น่อนน่อนโยงภาพกู้จือหยั่นที่กำลังอ้อนเกาะขอบประตูเหมือนหมาน้อยกับประธานกู้ผู้มีชื่อเสียงแห่งวงการบันเทิงไม่ออก
หรืออาจจะถูกสิ่งแปลกปลอมเข้าสิงก็ได้
กู้จือหยั่นสัมผัสได้ถึงแววตาของมู่น่อนน่อน แล้วกระแอมออกมาเบาๆพร้อมคลายมือ“ที่จริงก็ไม่ได้หนาวอะไรขนาดนั้น ฉันไปก่อนนะ”
พอกู้จือหยั่นไปแล้ว ในห้องโถงจึงเหลือเพียงมู่น่อนน่อนกับ“เฉินเจียฉิน”เพียงสองคน
มู่น่อนน่อนมองออกไปด้านนอกประตู ในใจเกิดความสงสัย ทำไมเฉินถิงเซียวยังไม่กลับ
เขามักจะออกไปที่ไหนเหรอ
“ฉันขึ้นไปก่อนนะ”มู่น่อนน่อนมองดู“เฉินเจียฉิน”ทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวกลับไป
“เฉินเจียฉิน”จู่ๆดักเรียกเธอไว้“มู่น่อนน่อน”
“ว่าไงล่ะ”มู่น่อนน่อนชะงักฝีเท้ามองไปที่เขา
เดิมทีเธอก็ขาวมากอยู่แล้ว พอแสงไฟส่อง ยิ่งดูขาวละออขึ้นไปอีก ดวงตาแมวคู่นั้นจับจ้องไปที่เขา จนเขารู้สึกอ่อนยวบไปทั้งตัว
อืม ดูยั่วนะ
“เรื่องบริษัทมู่ซื่อ……”เฉินถิงเซียวพูดไปครึ่งหนึ่งจึงชะงัก เห็นแววตามู่น่อนน่อนดูเครียด เลยยิ้มให้“จะให้ช่วยอะไรหรือเปล่า”
ตอนที่เขาพูดประโยคแรก มู่น่อนน่อนใจหายหมด คิดว่าเขาไปรู้อะไรมาเสียอีก
พอฟังประโยคหลัง ใจเธอก็หล่นว๊าบ สีหน้าดูอึดอัด ฝืนยิ้ม“เดี๋ยวพวกคุณพ่อคงจัดการ
เองได้ อย่างไรเสียโรงงานเกิดเรื่องแบบนี้ ก็ถือเป็นข่าวฉาวของบริษัท ก็ต้องแก้ไขเอง”
“เฉินเจียฉิน”เอียงคอ ยิ้มเหมือนขานรับ“อ้อ”
มู่น่อนน่อนพยักหน้า เดินตัวปลิวขึ้นบันไดไป
เมื่อกลับถึงห้อง เธอจึงสบายใจขึ้น
อย่างไรเสียเธอก็เป็นคนสกุลมู่ เธอวางแผนเอาไว้แล้ว เรื่องของคนสกุลมู่ คนยิ่งรู้น้อยยิ่งดี
เสิ่นเหลียงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เธอไม่ต้องปิดบังอะไร
แต่ว่า“เฉินเจียฉิน”ไม่เหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะเคยช่วยเหลือเธอยังไง แต่เขาก็เป็นคนตระกูลเฉิน
พวกผู้ใหญ่ก็ซับซ้อนแบบนี้แหละ ไม่ค่อยไว้ใจใคร
……
ตอนเช้าวันที่สอง มู่น่อนน่อนตื่นขึ้น ในตอนที่เดินผ่านห้องหนังสือของเฉินถิงเซียว เธอ
หยุดฝีเท้าลง
เฉินถิงเซียวลึกลับเกินไป สองวันนี้เธอไม่ได้ถามถึงสถานการณ์ของเฉินถิงเซียว และก็ไม่มีใครบอกเธอ เขาไม่เคยมีตัวตนในบ้านหลังนี้
หากแต่“เฉินเจียฉิน”กลับเหมือนเจ้าของบ้านมากกว่า
แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะงุนงงสงสัย แต่ก็ยังต้องไปทำงานที่บริษัทมู่ซื่ออยู่ดี เลยไม่คิดมาก
พอไปถึงบริษัทมู่ซื่อ ตอนที่มู่น่อนน่อนเดินผ่านฝ่ายบุคคล เห็นคนกลุ่มหนึ่งนอนฟุบอยู่
ตามโต๊ะ แถมยังเห็นเพื่อนตาโหลสองคนชงกาแฟในห้องน้ำชาด้วย
ดูท่าฝ่ายบุคคลคงจะอดนอนทั้งคืน
แม้ว่าพวกเขาจะอดตาหลับขับตานอน แต่เรื่องของบริษัทมู่ซื่อก็แดงขึ้นมาแล้ว แถมคลิปฉาวโฉ่ของมู่หวั่นขี ยังลบไม่ออกอีกด้วย
มู่น่อนน่อนเดินไปนั่งที่นั่งตัวเอง ก็มีคนมาแจ้งให้เข้าประชุม
วันนี้มู่น่อนน่อนมาส่องดูเหตุการณ์โดยเฉพาะ ก็เลยตามไปที่ห้องประชุม
แล้วเธอก็จัดงานของลูกค้าอีกนิดหน่อย
ในตอนเลิกประชุม มู่น่อนน่อนเตรียมจะไปพร้อมคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเลขาของมู่ลี่เหยียนเข้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่
เลขาค่อยๆเกริ่นนำ“คุณมู่คะ ท่านประธานเรียกพบค่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”มู่น่อนน่อนถามพร้อมเดินออกไปอย่างสบายอารมณ์
เลขาจำได้ว่าคราวที่แล้วมู่ลี่เหยียนให้มาหามู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนเดินออกไปหน้าตาเฉยอย่างไม่ไว้หน้า เลยยื่นมือมาคว้าแขนเธอไว้ พูดอย่างอ่อนใจ“ไปสักครั้งเถอะค่ะ เมื่อคืนท่านประธานก็ไม่ได้นอนทั้งคืน……”
“ก็ปล่อยมือสิ……”มู่น่อนน่อนเองก็อยากไปดูสารรูปของมู่ลี่เหยียนเหมือนกัน
เธอต้องยอมรับ ว่าตัวเองก็ร้ายกาจใช่ย่อย
พอถึงประตูห้องทำงานมู่ลี่เหยียน เลขาเคาะประตูพูดขึ้น“ท่านประธานคะ คุณมู่มาแล้ว
ค่ะ”
เธอพูดพลางเปิดประตูให้มู่น่อนน่อน ด้วยท่าทีที่เคารพ
“ขอบใจนะ”มู่น่อนน่อนยิ้มให้เลขา ก้าวเท้าเข้าไป แล้วปิดประตู
มู่ลี่เหยียนเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงาน ยิ้มอย่างอ่อนโยน“น่อนน่อนมาแล้วเหรอ กินข้าวเช้ามาหรือยัง”
บนโต๊ะทำงานมีกล่องอาหารเช้าวางอยู่ LOGOด้านบนดูคุ้นตาเหลือเกิน เป็นร้านอาหารแถวๆนี้
“กินมาแล้วค่ะ คุณพ่อหาหนูมีธุระอะไรหรือคะ”มู่น่อนน่อนนั่งลงตรงหน้า สีหน้าจริงจัง
มู่ลี่เหยียนสีหน้าอ่อนเพลียไม่น้อย ดูออกว่าอดนอนมาทั้งคืน เขาส่ายหน้า สีหน้าเหนื่อยอ่อน“บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอก็รู้ ฝ่ายบุคคลยุ่งกันอยู่ทั้งคืนแต่ทำอะไรไม่ได้เลย เมื่อวานยังมีคนไปพังหน้าร้านของบริษัทด้วย……”
มู่ลี่เหยียนปรับทุกข์ให้มู่น่อนน่อนฟัง ดูน่าสงสารมาก
แต่มู่น่อนน่อนรู้ดี มู่ลี่เหยียนเรียกเธอมาแต่เช้าแบบนี้ คงไม่ใช่แค่ปรับทุกข์หรอก จะต้องมีเรื่องอื่น
เป็นไปตามที่คิด มู่ลี่เหยียนพูดไปพูดไป ก็โยนเรื่องไปที่เธอ“บริษัทมู่ซื่อเป็นบริษัทบ้านเรา แม้ว่าเธอจะแต่งออกไป แต่ก็ยังคงเป็นคนตระกูลมู่ ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีใครช่วยเราได้แล้ว นอกจาก……”
เขาพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็เข้าใจแล้ว ก็คืออยากให้มู่น่อนน่อนไปขอร้องตระกูลเฉิน
มู่น่อนน่อนเป็นคนก่อเรื่องนี้ แล้วเธอจะคิดช่วยมู่ลี่เหยียนเรื่องอะไร
เธอราวกับฟังไม่เข้าใจ พูดด้วยสีหน้าขึงขัง“จริงสิคะ เรื่องนี้ร้ายแรงมาก เมื่อวานหนูเปิดเน็ตเห็นคนด่าบริษัทเราเต็มเลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราต้องแก้ไขสิคะถึงจะถูก เพื่อให้ผู้บริโภคอภัยและยอมรับ……”
พูดง่าย ตอนนี้ปัญหาที่สำคัญที่สุดของบริษัทมู่ซื่อ ก็คือบริษัทอื่นถอนความร่วมมือไปหมดแล้ว บางคนถึงขั้นไปฟ้องร้อง สำหรับบริษัทมู่ซื่อแล้วมันร้ายแรงเหมือนลูกเห็บตกทับ
ถมหิมะ
แต่ว่า ถ้าตระกูลเฉินสามารถออกมาช่วยได้ในเวลานี้แล้ว บริษัทอื่นก็จะไม่ถอนตัว
อย่างไรเสีย ทุกคนเกรงใจตระกูลเฉิน
มู่ลี่เหยียนเห็นมู่น่อนน่อนไม่ค่อยอยากให้ความร่วมมือ จึงชักสีหน้า พูดเสียงเข้ม แล้วไม่อ้อมค้อม“พวกนี้เป็นเรื่องรองลงมา ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือให้บริษัทอยู่ต่อได้ แกบอกให้เฉินถิงเซียวส่งคนมาแถลงข่าว ให้บริษัทมู่ซื่อเราผ่านจุดนี้ไปให้ได้ก่อน”
มู่น่อนน่อนดวงตาเป็นประกาย“แค่นี้ก็ได้แล้วหรือคะ”
มู่ลี่เหยียนคิดว่าตัวเองโน้มน้าวใจมู่น่อนน่อนได้แล้ว จึงพยักหน้าแล้วพูด“ใช่ ง่ายๆแค่นี้”
ทันใด มู่น่อนน่อนก็หน้างอ แสดงสีหน้าหวาดกลัว“ก่อนหน้าเขาให้บัตรดำหนูมา แต่โดนโจรลักพาตัวขโมยไปแล้ว หนูยังไม่กล้าบอกเขาเลยค่ะ ถ้าเขารู้เรื่องนี้ จะต้องไม่ปล่อยหนูแน่ๆ…