ตอนที่ 105 ค่อยๆเล่นกับเขา
ตอนนี้มู่น่อนน่อนไม่เพียงแค่ตกใจ แต่แทบจะเป็นตะลึงงันมากกว่า
เธอเดินไปตรงหน้าของเด็กหนุ่ม แล้วถามเขาด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นายกับตระกูลเฉินเกี่ยวข้องกันยังไง”
“เกี่ยวข้องกันแบบญาติไง” เด็กหนุ่มทำสีหน้าไม่แยแส จากนั้นก็พูดเสริมอย่างระมัดระวังว่า “แต่ว่าฉันกับตระกูลเฉินไม่ได้สนิทกัน แล้วฉันก็ไม่มีเงินด้วย”
เด็กคนนี้เข้ามาอยู่ในบ้านโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตก่อน แต่ตอนนี้กลับเริ่มมาระแวดระวัง หรือว่าจะกลัวว่าเธอจะจับตัวเขาไปเรียกค่าไถ่กับทางตระกูลเฉินกัน
“นายชื่อเฉินเจียฉินจริงๆเหรอ” มู่น่อนน่อนหลอกถามเขาแบบเนียนๆ “แล้วตระกูลเฉินของพวกนายมีคนชื่อเฉินเจียฉินอยู่กี่คนกัน”
“อะไรรของเธอ” แววตาของเด็กหนุ่มเริ่มระแวดระวังมากขึ้น เป็นเพราะว่าอายุยังน้อย ท่าทางอ่อนต่อโลกนั้นเลยไม่ได้แสดงถึงความกดดันได้เท่าใดนัก
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มเข้ามาอยู่ในห้องเธอได้อย่างไร แล้วเข้ามาอยู่อย่างสง่าผ่าเผย แต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาไม่ใช่เด็กที่หลอกล่อได้ง่ายๆแน่
เวลาที่เขาพูดจา ยังคงแฝงด้วยสำเนียงเฉพาะเวลาชาวต่างชาติพูดภาษาจีน พูดได้ไม่ลื่นไหลเท่าใดนัก เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้น่าจะเติบโตมาจากต่างประเทศ
สัญญาณทั้งหมดบ่งบอกว่า เขาอาจจะหนีออกจากบ้านมา!
มู่น่อนน่อนเผยรอยยิ้มออกมา “เด็กน้อย นายหนีออกจากบ้านมาเหรอ อยู่ในที่แบบนี้คงไม่ค่อยคุ้นชินสินะ ฉันไปเรียกให้คนที่ตระกูลเฉินมารับนายเอาไหม”
เขาเบิกตาโต แล้วก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาทันที “ไม่ได้นะ ! กว่าฉันจะออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ !”
เธอเดาได้ไม่ผิดเลยจริงๆ
“นายรู้จักกฎหมายอาญาไหม ในนั้นมีข้อกฎหมายอาชญากรรมที่เรียกว่าการบุกรุกบ้านคนอื่นด้วยนะ” มู่น่อนน่อนรับมือกับ”เฉินเจียฉิน”คนโตที่อยู่ที่บ้านไม่ไหว แต่สำหรับเฉินเจียฉินคนเล็กคนนี้ เธอสามารถจัดการได้อย่างอยู่หมัดอยู่แล้ว
สีหน้าของเฉินเจียฉินน้อยเปลี่ยนไปทันที สายตามีแวววิตกกังวลวาบผ่าน แล้วพูดเสียงดังว่า “ที่บ้านตระกูลเฉินของพวกเรามีคนชื่อเฉินเจียฉินอยู่แค่คนเดียว !”
ส่วนใหญ่แล้วเขาใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตลอด แล้วจะกลับมาพักผ่อนที่ประเทศจีนเป็นครั้งคราว แต่เขาไม่คุ้นเคยกับผู้คนและพื้นที่ในประเทศมากนัก คำขู่ของมู่น่อนน่อน เลยทำให้เขาเริ่มกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
พอมู่น่อนน่อนได้ฟังคำพูดของเขาแล้ว สีหน้าก็เริ่มมึนงง และเริ่มสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าหากตระกูลเฉินมีเพียงคนเดียวที่แซ่เฉิน แล้ว”เฉินเจียฉิน”คนโตที่อยู่ที่บ้านคนนั้น เป็นใครกันแน่ ?
เธอจ้องมองเฉินเจียฉินน้อยที่อยู่ตรงหน้าอยู่ครู่ใหญ่ เฉินเจียฉินถูกเธอมองจนขนลุกไปทั่วร่าง “เธอเป็นอะไรไป ?”
มู่น่อนน่อนกำลังเตรียมจะพูดอะไร แต่ทันใดนั้นก็มีเสียง “โครกๆ” ดังขึ้น ขัดจังหวะความคิดของมู่น่อนน่อน
เฉินเจียฉินน้อยมองเธออย่างเลิ่กลั่กทีหนึ่ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นพูดเสียงดังอย่างดุร้ายว่า “มองหาอะไร ไม่เคยได้ยินเสียงท้องร้องมาก่อนเหรอ !”
คนที่ชื่อ”เฉินเจียฉิน”นี่ ช่างนิสัยเสียเหมือนกันจริงๆ
……
ภายในร้านอาหาร มู่น่อนน่อนนั่งมองดูเฉินเจียฉินน้อยกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อสามชามตาปริบๆ
บ้านที่เธอเช่าอยู่ในเขตสลัมของเมืองหู้หยาง ดังนั้นบริเวณใกล้เคียงก็เลยไม่มีร้านอาหารดีๆเสียเท่าไหร่ และยังมีเวลาวันเยอะมากอีกด้วย
เดิมทีเฉินเจียฉินก็มีท่าทีรังเกียจอยู่บ้าง แต่อาจเป็นเพราะหิวมากเขาเลยยอมเดินตามเธอเข้ามา
พอนั่งลงแล้วลองชิมดูคำหนึ่ง ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ดังคำที่ว่าจะล้วงความลับต้องป้อนของเข้าปากเหยื่อ หลังจากที่เฉินเจียฉินทานก๋วยเตี๋ยวไปสามชามแล้ว ไม่ว่ามู่น่อนน่อนจะถามอะไรเขา เขาก็ยอมพูดออกมาแทบจะทั้งหมด
“ก่อนหน้านี้ฉันอยู่ที่ออสเตรเลีย ฉันอยากเล่นอีสปอร์ตแบบมืออาชีพ แต่คุณแม่ไม่ให้ฉันไป แถมยังไม่ยอมให้เงินใช้จ่ายฉันอีก ฉันก็เลยหนีออกจากบ้านเพื่อทำให้แม่ตกใจ……เธอจะไปบอกคนในตระกูลเฉินว่าฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องมาจับตัวฉันกลับไปแน่……”
“เล่นเกมเหรอ ? ช่วงวัยของนายสมควรจะตั้งใจเรียนมากกว่าไม่ใช่เหรอ”
เฉินเจียฉินน้อยพูดแก้คำพูดของเธอ “เล่นเกมอะไรกัน นั่นก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่งต่างหาก วงการอีสปอร์ต !นี่เป็นความฝันของฉัน !”
มู่น่อนน่อนราดน้ำเย็นใส่เขา “แต่นายยังอายุแค่สิบสี่นะ”
ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจพวกคนเล่นเกมหรือวงการอีสปอร์ต แต่เธอก็รู้ว่าหากเฉินเจียฉินน้อยจะไปทำสิ่งนี้จริงๆ อย่างน้อยก็ต้องอายุครบกำหนดเสียก่อน
เฉินเจียฉินน้อยทำเสียงในลำคอทีหนึ่ง แล้วกอดอกเชิดคาง ท่าทางดูหยิ่งผยองมาก
มู่น่อนน่อนรู้สึกอยากจะขำ เธอรู้สึกว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างน่าแกล้งดี
มู่น่อนน่อนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะสองที แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “เฉินถิงเซียวเป็นอะไรกับนาย”
“พี่ชายลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง อยู่ที่นี่เขามีชื่อเสียงมากเลยไม่ใช่เหรอ” พอเขาพูดจบ แล้วก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าแสดงความหวังดีว่า “ ถึงแม้เขาจะมีเงินมากแถมยังหน้าตาพอใช้ได้ แต่เขาแต่งงานแล้ว เธออย่าคิดจะไปหลอกล่อเขาเลย”
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นคำสำคัญในประโยคคำพูดของเขา “หน้าตาพอใช้ได้”
ลือกันว่าเฉินถิงเซียวนั้นเสียโฉมแถมยังไร้มนุษยธรรมอีก แล้วจะหน้าตาพอใช้ได้ได้อย่างไร
พอเห็นว่ามู่น่อนน่อนทำสีหน้าแปลกใจ สีหน้าของเฉินเจียฉินน้อยก็เปลี่ยนไปทันที “ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้เธอช่วยลืมมันไปที !”
คนที่บ้านเคยบอกเขาไว้ ว่าเขาห้ามไปพูดเรื่องของพี่ชายลูกพี่ลูกน้องกับคนภายนอกเด็ดขาด
เมื่อครู่เขาเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ดูท่าทางหลอกง่าย น่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง
แต่มู่น่อนน่อนกลับไม่มีอารมณ์ไปสนใจเฉินเจียฉินน้อยจะแสดงท่าทีแบบไหนออกมาแล้ว
เรื่องข้อสงสัยทั้งหมดหลังจากที่เธอแต่งงานเข้าไปในตระกูลเฉินนั้น ทั้งหมดสามารถอธิบายได้อย่างมีเหตุผลแล้ว
“เฉินเจียฉิน” ไม่เคยปรากฏตัวพร้อมกับเฉินถิงเซียวมาก่อน
“เฉินเจียฉิน” อาศัยอยู่ในห้องนอนใหญ่
สือเย่อยู่กับ”เฉินเจียฉิน”บ่อยมาก
ครั้งนั้นในร้านอาหาร ตอนที่สือเย่เห็นเธอล้มลงในอกของ”เฉินเจียฉิน”กลับแค่แสดงท่าทีตกใจ แล้วถอยออกไปทันที
แบล็คการ์ด กับรถหรูคันนั้น……
“เฉินเจียฉิน”เอาแต่ทำเรื่องไร้ยางอายกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า……
สามารถเข้าออกบ้านพักของเฉินถิงเซียวได้อย่างอิสระ หากไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของเฉินถิงเซียว “เฉินเจียฉิน” ถ้าอย่างนั้นก็คงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเฉินถิงเซียวตัวจริงเท่านั้น!
ความคิดนี้ทำให้มู่น่อนน่อนตกใจจนสติหลุดลอยไปพักใหญ่
เธอนั่งต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที
เฉินเจียฉินเห็นว่าเธอกำลังจะจากไป ก็รีบลุกขึ้นตามออกไป “เธอจะไปไหนน่ะ เธอ……”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ เงาของมู่น่อนน่อนก็หายลับไปแล้ว
เขาลูบท้องที่อิ่มแปล้ของตัวเองอย่างพึงพอใจ เกาผมหยิกเล็กน้อยของตัวเองและพึมพำ “อย่างน้อยก็ให้ฉันยืมตังสักหน่อยแล้วค่อยไปสิ……”
……
มู่น่อนน่อนเรียกรถกลับไปที่บ้านพักทันที
เธอเข้าประตูไปอย่างร้อนรน พอเจอผู้คุ้มกันก็รีบถามทันที “เฉินเจียฉินอยู่ไหม !”
ผู้คุ้มกันอ้ำอึ้งไปทันที “……ไม่อยู่ครับ”
มู่น่อนน่อนไปที่ห้องสมุดและห้องนอน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของ”เฉินเจียฉิน”เลย
เฉินถิงเซียว “ทั้งขี้เหร่และไร้มนุษยธรรม” นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในเมืองหู้หยางต่างก็รู้กันดี ทุกคนต่างก็คิดกันแบบนั้น ขนาดมู่หวั่นขีเองก็ยังผลักมู่น่อนน่อนออกมาเพื่อหลบหนีจากการแต่งงานเข้าตระกูลเฉินเลย
ส่วนมู่น่อนน่อนเองก็เชื่อเหมือนกันว่าเฉินถิงเซียวคือผู้ชายที่ “ทั้งขี้เหร่และไร้มนุษยธรรม” และไม่ได้สงสัยเลยว่าข่าวลือนั้นเป็นจริงหรือเท็จ
ดังนั้นครั้งแรกที่เธอเห็น”เฉินเจียฉิน” ก็ไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นเฉินถิงเซียวตัวจริง!
เธออุปาทานเอาเองว่าเฉินถิงเซียวนั้นไม่ใช่คนที่มีสุขภาพดี ถึงแม้ว่าช่วงสองสามเดือนนี้จะรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยคิดถึงด้านนี้มาก่อนเลย
จนตอนที่เธอมาเจอกับ”เฉินเจียฉินน้อย”เข้า ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เหมือนคนพูดโกหก
ตอนนี้เธอค่อยๆสงบลงแล้ว เลยไม่รีบร้อนที่จะเผชิญหน้ากับ”เฉินเจียฉิน”อีกแล้ว
เธอจะต้องยืนยันให้ได้ก่อนว่า”เฉินเจียฉิน”ใช่เฉินถิงเซียวตัวจริงหรือไม่ ถ้าหากใช่……
ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยๆเล่นเป็นเพื่อนเขาไปแล้วกัน