ตอนที่ 113 นอนก็นอนแล้ว คุณหลบก็ไม่มีประโยชน์หรอก
เฉินเจียฉินพูดจบ ก็ได้ลูบท้องตัวเอง:“พี่สะใภ้จะไปทำกับข้าวเมื่อไหร่ครับ?”
“ไม่ว่าเวลาไหนก็ไม่ทำกับข้าว” มู่น่อนน่อนพูดจบก็หันหลังกลับไปที่ห้องนอน
เธอถูกเฉินถิงเซียวทำเอาตกใจจนอิ่มแล้ว ยังทานข้าวอะไรอีก?เมื่อคืนเธอกับเฉินเจียฉินอยู่ที่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่อดหลับอดนอนมาทั้งคืน ตอนนี้เธอไม่หิวเลยสักนิด แค่ง่วงนอนมากๆ
เฉินถิงเซียวไม่ให้เธอไป แถมยังยกเตียงของห้องเธอออกไปทิ้ง ห้องนอนอื่นๆก็แทบจะไม่มีคนพัก ตอนนี้เธอได้แต่นอนที่ห้องนอนใหญ่
เธอไม่เชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะทำอะไรเธอได้!
ตอนที่เธอกลับมาห้องนอนใหญ่ เฉินถิงเซียวไม่อยู่แล้ว
มู่น่อนน่อนถอดเสื้อคลุมเสร็จ ก็คลานไปที่เตียงโดยตรงเลย
…………..
เธอนอนครั้งนี้ค่อนข้างนาน ตอนที่ตื่นมาอีกทีก็พลบค่ำแล้ว
ท้องว่างและหิวจัด
เธอลงมาชั้นล่าง พบว่าที่ห้องโถงไม่มีคน
มู่น่อนน่อนก็ไปหาของกินที่ห้องครัวเอง เธอยำสปาเก็ตตี้ให้ตัวเอง ยกมาถึงห้องอาหารกำลังเตรียมตัวทาน ก็ได้ยินเสียงร้องเห่าหอนของเฉินเจียฉิน:“มู่น่อนน่อน ผมไม่ไปโรงเรียน!”
“…….”
มู่น่อนน่อนทานไปสองคำ หยิบทิชชู่เช็ดปากไปครู่นึง ก็ลุกไปที่ห้องโถง
ในห้องโถง เฉินเจียฉินกอดขาของเฉินถิงเซียวไว้นั่งร้องไห้ที่พื้น แต่ว่าบนใบหน้าเขาไม่มีน้ำตาเลย
หลังจากเห็นมู่น่อนน่อนออกมา เขาก็วิ่งมากอดมู่น่อนน่อนไว้และร้องไห้:“ผมไม่ไปโรงเรียน…….”
เฉินถิงเซียวเดินมาด้วยสีหน้าเย็นชา ยื่นมือก็หิ้วเฉินเจียฉินโยนไปข้างๆ และพูดอย่างเย็นชา:“นายหาเธอก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อคุณป้าฝากฝังนายไว้กับฉัน ฉันก็ย่อมต้องอบรมสั่งสอนนายดีๆอยู่แล้ว”
“อบรมสั่งสอน”คำนี้เขากัดฟันพูดได้เสียงหนักมาก เฉินเจียฉินฟังจนตื่นเต้น
“นายยังเด็กขนาดนี้เดิมทีก็ควรจะไปเรียนอยู่แล้ว จะร้องไห้ทำไม?”มู่น่อนน่อนรู้สึกคำพูดของเฉินถิงเซียวไม่มีปัญหา เพราะยังไงซะเธอก็เคยเปิดหูเปิดตาอยู่ว่าเฉินเจียฉิน เด็กคนนี้เป็นเด็กเปรตแค่ไหน
แต่ว่า การแสดงออกของเฉินเจียฉินที่อยู่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียว ทำให้เธอค่อนข้างประหลาดใจ
เหมือนหนูที่เห็นแมวชัดๆ กลัวจนไม่มีความห้าวหาญเลยสักนิด
เฉินเจียฉินส่ายหัว มองมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าเศร้าโศกเสียใจ:“พี่ไม่เข้าใจหรอกครับ”
การอบรมสั่งสอนของเฉินถิงเซียว ก็คือไม่ให้เขาเล่นเกมส์ ไม่ให้ค่าขนมเขา……
สรุปก็คือทุกอย่างที่เขาอยากทำ เฉินถิงเซียวก็จะไม่ให้เขาทำทั้งนั้น เขาอยากทำอะไรก็หนีไม่พ้นสายตาของเฉินถิงเซียว ยิ่งกว่านรกเสียอีก
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเขาแอบกลับประเทศ จะตกอยู่ในสภาพที่ถูกเฉินถิงเซียวอบรมสั่งสอน เขาจะไม่กลับมาแน่นอน!
เฉินเจียฉินรู้ว่าเปลี่ยนแปลงความจริงที่ต่อไปต้องถูกเฉินเจียฉิน“อบรมสั่งสอน” จึงได้ขึ้นชั้นบนไปโดยตรงเลย
พอเขาไปปุ๊บ มู่น่อนน่อนก็หันหลังกลับไปที่ห้องครัว และทานสปาเก็ตตี้ที่ตัวเองทำต่อ
เฉินถิงเซียวเดินตามหลังเธอเข้าไป:“ต่อไปไม่ว่าเฉินเจียฉินจะแกล้งทำตัวน่าสงสารต่อหน้าคุณยังไง คุณก็อย่าช่วยเขา”
มู่น่อนน่อนหัวเราะเยาะ:“อ๋อ ไม่หรอกค่ะ เพราะยังไงซะก็คือการเสแสร้ง”
เพราะยังไงซะ ก่อนหน้านั้นเธอก็สงสารเฉินถิงเซียวอยู่
เฉินถิงเซียวย่อมฟังน้ำเสียงที่ประชดประชันของเธอออก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างมาก มู่น่อนน่อนเอะอะๆก็พูดด้วยน้ำเสียงประชด
เขารู้สึกถึงแม้ตัวเองได้หลอกลวงมู่น่อนน่อน แต่เรื่องที่เขาทำในตอนนี้ล้วนชดเชยให้กับการหลอกลวงของก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้รู้สึกตัวเองมีจุดไหนที่ให้อภัยไม่ได้เลย
มู่น่อนน่อนถือส้อมเขี่ยสปาเก็ตตี้ไว้ และทานอย่างช้าๆ ไม่สนใจเฉินถิงเซียวอีก
เฉินถิงเซียวมองเธออย่างลึกซึ้งทีนึง จากนั้นก็ได้หันหลังจากไป
…………….
ยามดึก
มู่น่อนน่อนอาบน้ำเสร็จออกมา ในห้องก็ยังว่างเปล่า ไม่มีร่างเงาของเฉินถิงเซียว
เธอสวมใส่ชุดนอนที่มิดชิดมาก และนอนลงไปที่เตียง ในหัวกำลังคิดอยู่ว่าเดี๋ยวเฉินถิงเซียวมา ถ้าเขาอยากทำอะไรเธอ เธอจะจัดการกับเขายังไง……
ปรากฏ รอจนเธอหลับไป ก็ไม่เห็นเฉินถิงเซียวกลับมา
ตอนที่ตื่นมาอักที ก็เช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
มู่น่อนน่อนลืมตาขึ้น อยากพลิกตัว กลับพบว่าร่างกายของตัวเองถูกคนกอดเอาไว้แน่น ขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
กลิ่นไอคุ้นเคยของข้างกายบอกกับเธอว่านี่คือเฉินถิงเซียว
เธอกัดฟันเอาแขนของเฉินถิงเซียวออกจากบนตัวเธอ ไม่นานก็กลิ้งไปที่อีกฝั่งของเตียง อยู่ห่างจากเฉินถิงเซียวไกลๆ
นาทีนี้เฉินถิงเซียวตื่นแล้ว เขานอนตะแคงเผชิญหน้ากับมู่น่อนน่อน ผมค่อนข้างยุ่งเหยิง คอเสื้อได้ลื่นลงมาครึ่งนิ้ว หน้าตาที่เพิ่งตื่นไม่นึกเลยว่าจะดูแล้วอ่อนโยนมาก
ถ้าไม่ใช่เคยเห็นธาตุแท้ของเฉินถิงเซียวตั้งนั้นแล้ว มู่น่อนน่อนรู้สึกตัวเองจะต้องถูกหน้าตาแบบนี้ของเขาหลอกเอาแน่นอน
เธอมองเฉินถิงเซียวด้วยการตักเตือน เธอไม่รู้เลยว่าเขากลับมาที่ห้องนอนตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งไม่รู้ว่าเขาขึ้นเตียงมาได้ยังไง กอดเธอไว้ในอ้อมอกได้ยังไง
เฉินถิงเซียวพลิกตัวลงจากเตียง หันมาเหลือบมองเธอทีนึง เสียงแหบแห้งเล็กน้อย คำพูดที่พูดออกมาชวนคิดลึก:“นอนก็นอนแล้ว คุณหลบก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
มู่น่อนน่อนทนไม่ไหว ได้คว้าเอาหมอนใบนึงโยนไปที่เขา
เฉินถิงเซียวรับหมอนไว้ได้อย่างชิวๆ เขาก็ไม่ได้โกรธ จากนั้นได้ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำเลย
…………..
มื้อเช้าทานบะหมี่ นี่เป็นข้อเรียกร้องของเฉินเจียฉิน
เดิมทีมู่น่อนน่อนไม่คิดจะทำอาหาร แต่เฉินเจียฉินข้อร้องเธออย่างน่าสงสาร:“เห็นแก่ที่พวกเราล้วนถูกเฉินถิงเซียวรังแก พี่ก็ทำอาหารเช้าสักมื้อเถอะนะครับ…..”
“……”ถึงแม้เธออยากตอบโต้มาก แต่ไม่ยอมรับก็ไม่ได้ว่าที่เฉินเจียฉินพูดถูกมาก
เธอได้ทำบะหมี่สามชาม
เฉินเจียฉินยกออกไปถ้วยนึงก่อน จากนั้น มู่น่อนน่อนก็ตักอีกถ้วย เธอหยิบขวดเกลือมา เติมเข้าไปในบะหมี่ครึ่งขวด จากนั้นก็ค่อยๆโคนให้เข้ากัน
มู่น่อนน่อนยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ ยกไปที่ห้องอาหาร แล้ววางที่ตรงหน้าของเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวคิดไม่ถึงว่ามู่น่อนน่อนจะทำเผื่อเขาด้วย แววตาค่อนข้างประหลาดใจ
มู่น่อนน่อนฝึกให้ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ คีบบะหมี่ป้อนมาที่ตรงหน้าเขา และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน:“คุณลองชิมดูซิคะ บะหมี่ที่ฉันทำอร่อยมั้ย?”
เฉินถิงเซียวเงยหน้า เห็นแสงของความคึกคะนองจากแววตาคู่งามของเธออย่างชัดเจน
บะหมี่ชามนี้ ต้องมีเงื่อนงำอะไรแน่ๆ
อยู่ภายใต้แววตาที่รู้ดีอย่างแจ่มแจ้งของเฉินถิงเซียว ทำเอามู่น่อนน่อนตกใจจนอยากเปลี่ยนบะหมี่ชามใหม่ให้เขา
แต่ว่า นาทีต่อมา เฉินถิงเซียวกลับกินบะหมี่ที่เธอป้อนมาให้ จากนั้นก็พูดอย่างสีหน้าไม่เปลี่ยน:“รสชาติไม่เลว”
ถึงจะเค็มจนขม ก็มีส่วนคล้ายกับรสชาติอาหารที่แม่ทำอยู่เช่นเคย
สีหน้าเปลี่ยนแปลงที่มู่น่อนน่อนคาดคิดเอาไว้ ไม่ได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฉินถิงเซียวเลย เขารับตะเกียบจากมือของมู่น่อนน่อน จากนั้นก็ก้มหน้าเริ่มทานบะหมี่อย่างเอื่อยเฉื่อย
มู่น่อนน่อนมองดูเขาทานบะหมี่ทั้งชามจนหมดเกลี้ยง สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
เฉินถิงเซียวที่“อดทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจ”แบบนี้ ต่างจากเฉินถิงเซียวที่เมื่อวานข่มขู่เธออย่างสิ้นเชิง
มู่น่อนน่อนมองเขาด้วยสีหน้าซับซ้อนแว๊บนึง จากนั้นก็หันหลังไปรินน้ำเปล่าให้เขาแก้วนึง
เฉินถิงเซียวรับน้ำมา จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา แววตามีความได้ใจที่ยากจะสังเกตเห็นแว๊บผ่าน
ไม่ว่าจะเล่นลูกไม้หรือว่าแกล้งทำตัวน่าสงสาร มู่น่อนน่อนล้วนไม่มีทางเป็นคู่แข่งของเขา
เธอเล่นลูกไม้ตื้นๆแก้แค้นเขา เขาก็ทำตามใจเธอ ให้เธอแก้แค้นสำเร็จก็แล้วกัน
แต่ว่าเธอเป็นคนใจอ่อนมาก
ดูจากท่าทีที่เธอมีต่อตระกูลมู่ก็สามารถดูออกแล้ว