ตอนที่ 115 เขาไม่ใช่คนดี
“เอาล่ะ รีบไปโรงเรียนเถอะ วันนี้เข้าเรียนวันแรก ไปรายงานตัวสายเกินไปก็ไม่ดี”มู่น่อนน่อนพูดจบ นึกอะไรได้ก็กำชับเขาอีก:“อย่าก่อเรื่องล่ะ”
“ผมก่อเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”เฉินเจียฉินสีหน้าไม่พอใจ
เรื่องที่เขาก่อขึ้นมายังน้อยอีกเหรอ?
แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้พูดมากกับเขา แค่เกลี้ยกล่อมให้เขารีบไป
เฉินเจียฉินเอาเงินยัดเข้าไปในกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็สีหน้าจริงจัง แล้วเปิดปากพูดอย่างลังเล:“ผมมีคำพูดนึงจะบอกกับพี่”
“คำพูดอะไร?”มู่น่อนน่อนยากที่จะได้เห็นเฉินเจียฉินเผยสีหน้าจริงจังขนาดนี้ เธอค่อนข้างประหลาดใจ
“ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ พี่พยายามเท่าที่จะทำได้หย่ากับพี่ชายผมเถอะ เขาไม่ใช่คนดี”เฉินเจียฉินพูดจบ แล้วพูดเสริมอีก:“ผมพูดจากใจจริงนะ ไม่ใช่เพื่อให้พี่มาเป็นแฟนผมถึงพูดแบบนี้”
ถ้าเฉินเจียฉินไม่พูดคำพูดข้างหลัง มู่น่อนน่อนเกือบจะเชื่อแล้ว
เธอจ้องเฉินเจียฉินทีนึง:“เป็นเด็กอย่าพูดเหลวไหล ถ้านายไม่ไปอีกพี่จะโทรหาพี่ชายนาย”
“เอาล่ะ ผมไปก่อนแล้วครับ”เขาเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาพูดกับเธออย่างจริงจัง:“ผมพูดจริงจังนะครับ”
มู่น่อนน่อนทำท่าโทรศัพท์ เขายักไหล่ ไม่นานก็วิ่งหายไปอย่างไร้เงา
เฉินเจียฉินยังนิสัยเด็กอยู่ มีเรื่องมากมายที่เขาไม่เข้าใจ แต่มีอยู่อย่างนึงที่เขาพูดไม่ผิด เฉินถิงเซียวไม่ใช่คนดีอะไรจริงๆ
……………
ตอนที่มู่น่อนน่อนกลับไปได้เจอมู่หวั่นขีอีก
มู่หวั่นขีเห็นมู่น่อนน่อนก็มีสีหน้าไม่ดีเลย
แต่ว่า ตอนที่เธอเห็นเสื้อผ้าบนตัวของมู่น่อนน่อน แววตามีความประหลาดใจแว๊บผ่าน
ช่วงเวลาที่ผ่านนี้ มู่น่อนน่อนทำงานที่บริษัทมู่ซื่อ แต่แต่งตัวได้เรียบง่ายมาก ไม่เหมือนคุณหญิงคุณนายของตระกูลไฮโซเลยสักนิด
แต่ชุดที่เธอใส่วันนี้ ถึงแม้ดูเรียบง่ายไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่กลับเป็นแบรนด์ดัง การตัดเย็บและแบบล้วนเป็นชั้นเลิศ
ใครเป็นคนซื้อให้เธอ?
เฉินเจียฉิน?
มู่หวั่นขีมือกอดอก เชิดหน้าใช้หางตามองเธอ:“ได้ยินพ่อฉันบอกว่า แกเกลี้ยกล่อมให้เฉินถิงเซียวช่วยบริษัทมู่ซื่อไม่สำเร็จ?”
“ใช่ ฉันจะเกลี้ยกล่อมคนอย่างเขาสำเร็จได้ยังไง หรือไม่เธอไปเกลี้ยกล่อมมั้ยล่ะ?”สุดสัปดาห์มานี้ มู่น่อนน่อนเพราะเรื่องของเฉินถิงเซียว อารมณ์ไม่ค่อยดีมาตลอด ไม่มีอารมณ์แสดงละครกับมู่หวั่นขี
“ฉันไปก็ฉันไปสิ แกนึกว่าฉันไม่กล้าไปงั้นเหรอ?”มู่หวั่นขีทำเสียงฮึเย็นชาทีนึง แล้วจากไปอย่างได้ใจ
มู่น่อนน่อนรู้สึกที่เสิ่นเหลียงพูดไม่ผิดเลยสักนิด มู่หวั่นขีเป็นผู้ป่วยโรคเจ้าหญิงระยะสุดท้ายชัดๆ ไม่มีทางรักษาแล้ว
ตอนแรกมู่หวั่นขีอยากไปยั่วสวาท“เฉินเจียฉิน”ก่อน หลังจากล้มเหลว ตอนนี้ก็อยากไปยั่วสวาท“เฉินถิงเซียว”อีก ถึงแม้มู่น่อนน่อนรู้ว่าสองคนนี้คือคนเดียวกัน แต่สำหรับมู่หวั่นขีแล้วกลับเป็นคนละคนกัน
เธอนี่นึกว่าผู้ชายทั้งโลกล้วนหมุนรอบตัวเธอหมดจริงๆเหรอ?
มั่นหน้ามั่นตาจนนึกว่าผู้ชายทุกคนจะถูกเสน่ห์ของเธอปราบจนราบคาบ?
หมดหนทางรักษาแล้ว
มู่น่อนน่อนหัวเราะเยาะทีนึง อยากยั่วสวาทเฉินถิงเซียว? เกรงว่ามู่หวั่นขีแม้แต่อยากเจอหน้าเขาก็ยังไม่ได้เจอหรอก
…………..
บริษัทเสิ้งติ่ง
เฉินถิงเซียวมาถึงบริษัท เพิ่งก้าวเท้าเข้าไปที่ออฟฟิศของตัวเอง กู้จือหยั่นก็เดินตามเข้ามาทันที
“ได้ยินมาว่าคืนวันเสาร์ นายให้สือเย่ส่งเสื้อผ้าไปที่โรงแรมจีนติ่งเหรอ?”กู้จือหยั่นยิ้มอย่างร้ายๆ สีหน้าเหมือนมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
เขาไม่พูดถึงเรื่องวันเสาร์ยังดี พอเอ่ยขึ้นมาปุ๊บ สีหน้าของเฉินถิงเซียวก็ห้อยลงมาเลย
“นายว่างมากใช่มั้ย?”เฉินถิงเซียวเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร
กู้จือหยั่นมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี:“ก็โอเคอยู่ๆ……..”
ช่วงนี้หลังจากที่เฉินถิงเซียวเริ่มจัดการงานของบริษัท เขาที่เป็นประธานในนามก็ชิวลงไม่น้อยเลย
เฉินถิงเซียวกะจะไม่สนใจเขาอีก เขาเปิดคอมพิวเตอร์ ด้านล่างก็มีข่าวเด้งออกมาข่าวนึง
หัวข้อสะดุดตามาก:【คนใหญ่คนโตในวงการบันเทิงพาสองสาวเข้าพักที่คลับเฮ้าส์หรูกลางดึก…….】
เฉินถิงเซียวขยับเมาส์ กดเข้าไปดูเนื้อหาของข่าวนี้
หลังจากเขาอ่านดูอย่างรวดเร็วเสร็จ ยกมุมปากขึ้นแล้วพูด:“ไม่นานนายก็จะไม่โอเคแล้ว”
“ของอะไร?”กู้จือหยั่นใกล้เข้าไปด้วยสีหน้าแปลกประหลาด พอใกล้เข้าไปก็เห็นหัวข้อใหญ่มหึมานี้ รูปถ่ายประกอบของด้านล่าง ก็คือรูปถ่ายที่เขาพาผู้หญิงสองคนเข้าโรงแรมจีนติ่ง
ทั้งๆที่เป็นยามดึก แต่ปาปารัสซี่ที่แอบถ่ายดันยังถ่ายรูปได้ชัดเจนมาก ผู้หญิงสองคนนั้นคนนึงซ้ายคนนึงขวา เดินตามอยู่ข้างกายเขา ดูจากมุมที่ถ่ายภาพแล้ว ท่าทางสามารถบอกได้ว่าสนิทชิดเชื้อกันมาก
“เขียนมั่วว่ะควย นี่ก็คือคืนวันเสาร์ ฉันพาพนักงานสองคนของจีนติ่งออกไปช่วยฉันเอาของ ตอนนั้นมีพนักงานคนนึงถือไม่นิ่ง ฉันเลยช่วยเธอประคองหน่อยเอง!”
กู้จือหยั่นโมโหจนจะระเบิดอยู่แล้ว
“อ๋อ”เฉินถิงเซียวก็ไม่เตือนเขาว่าข่าวนี้อาจจะถูกเสิ่นเหลียงเห็น
หลังจากกู้จือหยั่นด่าเสร็จ จู่ๆนึกถึงเรื่องนี้ ด่าคำหยาบออกมาคำนึง ก็ได้หยิบมือถือออกมาโทรหาเสิ่นเหลียง
ทางฝั่งของเสิ่นเหลียงรับสายไวมาก ในใจของกู้จือหยั่นยังค่อนข้างตื่นเต้น เสิ่นเหลียงไม่เคยรับสายของเขาไวขนาดนี้มาก่อน
เพียงแต่ พอรับสายปุ๊บ เสิ่นเหลียงก็ด่าฉอดๆๆ:“คนห่วยแตกที่ไร้ยางอาย โทรมาหาฉันทำไม? จะเมาโอ้อวดว่าร่างกายของคุณดีจนสามารถสวิงกิ้งได้งั้นเหรอ? ขออวยพรให้คุณเหนื่อยล้าจนตายเร็วๆ!ไสหัวไปไกลๆหน่อย!อย่าโทรมาให้ฉันสะอิดสะเอียนอีก!”พอพูดจบ เธอก็“ตู๊ดๆๆ”วางสายเลย
“เสิ่นเสี่ยวเหลียง คุณด่าต่อสิ?คุณวางสายผมถือว่าเป็นความสามารถอะไร?”กู้จือหยั่นค่อนข้างร้อนใจ ปกติเสิ่นเหลียงไม่รับโทรศัพท์เขา ถึงรับโทรศัพท์ก็ไม่มีกิริยาที่ดี ครั้งนี้ฟังแล้วเหมือนจะโมโหไม่เบาเลย
แต่ว่า พอเขาโทรไปอีกครั้ง เสิ่นเสี่ยวเหลียงก็ไม่ได้รับสายแล้ว
“ขออภัยค่ะ สายที่คุณเรียกในขณะนี้ไม่ว่าง”
“ขออภัยค่ะ สายที่คุณโทรในขณะนี้ได้ปิดเครื่อง”
“ขออภัยค่ะ ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียก”
กู้จือหยั่น: “…….”
บล็อกเขาอีกแล้ว?
เขาทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ถึงทำให้เสิ่นเหลียงเลิกบล็อกเขา ตอนนี้เพราะข่าวมั่วๆข่าวนึง เขาก็ถูกบล็อคอีกแล้ว?
“เย็ดแม่ง!”
กู้จือหยั่นไม่กวนโมโหเฉินถิงเซียวอีก เขาออกไปก็สั่งการเลขา:“ให้แผนกประชาสัมพันธ์รวมตัวประชุม”
ถ้าให้เขารู้ว่าใครเป็นคนทำข่าวนี้ เขาจะเอาคนๆนั้นตายให้ได้
…………..
จู่ๆมู่น่อนน่อนได้รับสายของเสิ่นเหลียง
ช่วงนี้เสิ่นเหลียงโปรโมทหนังอยู่ที่ข้างนอก ทุกวันล้วนเหนื่อยมาก ทั้งสองก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน
จู่ๆเสิ่นเหลียงโทรหาเธอ เธอยังนึกว่าเสิ่นเหลียงจะกลับมาแล้วเสียอีก
ปรากฏ เธอรับสายปุ๊บ ก็ได้ยินเสียงบ้าคลั่งของเสิ่นเหลียง:“กู้จือหยั่นนี่มันเศษสวะชัดๆ ไอ้ผู้ชายเหี้ย ไอ้เดียรัจฉาน ไอ้ม้าพ่อพันธุ์!”
มู่น่อนน่อนจับหูที่ถูกสะเทือนจนชาของตัวเอง สีหน้ามึนงง:“กู้จือหยั่นทำอะไรเหรอ?”
“เธอไม่เห็นข่าวเหรอ?เขาพาผู้หญิงสองคนไปเที่ยวที่คลับเฮาส์ ไม่กลับมาทั้งคืน สันดานอย่างเขา พาผู้หญิงสองคนไปยังจะทำอะไรได้อีก?”
มู่น่อนน่อนฟังไปด้วย และเลื่อนเมาส์เปิดเข้าไปในหน้าเว็บและดูข่าวบันเทิงที่นิยมไปด้วย ก็เห็นรูปที่กู้จือหยั่นพาผู้หญิงสองคนเข้าคลับเฮาส์แขวนเฉียงอยู่ด้านบน การค้นหาที่ฮอตฮิตยังสูงขึ้นอย่างไม่หยุด
มู่น่อนน่อนก็ดูออก รูปถ่ายนี้ถ่ายที่หน้าร้านของจีนติ่ง ในรูปท่าทางของเขาสนิทชิดเชื้อกับผู้หญิงสองคน