ตอนที่ 120 ผมรักและเอ็นดูคุณเสียด้วยซ้ำไป
โบราณกล่าวไว้ว่า เขื่อนยาวนับพันลี้ มักจะถูกกองทัพมดเจาะจนพังทลาย(ไม่ระวังเรื่องเล็กก่อตัวเป็นหายนะ)
ยิ่งไปกว่านั้น คือธุรกิจที่ถูกเปิดเผยด้านมืดอย่างบริษัทมู่ซื่อ
มู่น่อนน่อนมีลางสังหรณ์ บริษัทมู่ซื่อไม่ใช่ก้าวข้ามผ่านความยากลำบาก แต่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ
ถึงได้การลงทุนและการร่วมงานที่มากกว่า แต่สุดท้ายพอสินค้าวางขายในตลาด ไม่มีผู้บริโภคยอมซื้อ ทั้งหมดล้วนไร้ประโยชน์
อยู่ในสมัยที่ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตพัฒนาอย่างว่องไว ดูถูกอิทธิพลการแพร่กระจายข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตไม่ได้
พอบริษัทมู่ซื่ออยากมีท่าทีที่ใหญ่โตหน่อย ก็จะมีคนขุดคุ้ยด้านมืดในอดีตของบริษัทมู่ซื่อออกมา จากนั้นผู้คนก็จะต่อต้านพร้อมกัน
ตลาดใหญ่ขนาดนี้ คู่แข่งเยอะขนาดนั้น ขอบเขตที่ผู้บริโภคสามารถเลือกมีวงกว้างขนาดนั้น บริษัทมู่ซื่อไม่นับว่าอะไรเลย
หลังจากรู้วัตถุประสงค์ของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว
เฉินถิงเซียวภายนอกคือช่วยบริษัทมู่ซื่อ แต่แท้จริงแล้ววัตถุประสงค์ของเขากลับจะเอาบริษัทมู่ซื่อให้ตาย
………………
รถยนต์ได้จอดลงที่หน้าวิลล่า มู่น่อนน่อนก็เปิดประตูรถและโดดลงไปอย่างไว
ตอนนี้คือช่วงฤดูที่เหน็บหนาวที่สุด อากาศนับวันยิ่งเหน็บหนาว
สายลมหนาวพัดพามา มู่น่อนน่อนตัวสั่นเล็กน้อย สีหน้าซีดเซียวขึ้นเยอะ
เธอเดินเข้าห้องโถงไม่เห็นร่างเงาของเฉินถิงเซียว
บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆก้าวมาพูดข้างหน้าอย่างดูสถานการณ์เป็น:“คุณหญิงน้อยครับ คุณผู้ชายอยู่ห้องอ่านหนังสือครับ”
มู่น่อนน่อนได้ยินคำพูดนี้แล้ว ได้ไปที่ห้องอ่านหนังสือของเฉินถิงเซียวโดยตรง
เขาดูแล้วก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน เสื้อคลุมบนตัวยังไม่ทันได้ถอดลงมา กำลังยื่นมือหาหนังสือทีละช่องๆอยู่ที่ชั้นวางหนังสือ
ได้ยินเสียงเปิดประตู เขาหันหน้ามาเห็นว่าเป็นมู่น่อนน่อน เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เหมือนกำลังยิ้มแต่ก็ไม่เหมือน“คุณกลับมาแล้วเหรอ”
เขาพูดจบ ก็ได้หันหน้าไปหาหนังสือที่ชั้นวางต่อ มู่น่อนน่อนเดินมาที่ตรงหน้าของเขา กุมแขนของเขาไว้ ดึงเขาหันมามองหน้าตัวเอง
เธอจ้องตาของเฉินถิงเซียวไว้ และพูดทีละถ้อยคำ:“คุณอยากทำอะไรกันแน่?บริษัทมู่ซื่อไปขัดใจคุณตรงไหนเข้า?”
เฉินถิงเซียวดึงแขนกลับ ยื่นมือกุมมือของเธอไว้:“ทำไมมือเย็นจังเลย?”
เขาจับมือทั้งสองข้างของมู่น่อนน่อนไว้ กุมไว้ในมือตัวเอง
ฝ่ามือของเขาใหญ่และอบอุ่น อบอุ่นจนทำให้มู่น่อนน่อนไม่มีความคิดที่จะดึงมือกลับ
ผู้ชายอย่างเฉินถิงเซียวถ้าลดตัวลดการวางมาดลง อยากพูดจาอ่อนโยนนุ่มนวลทำให้ผู้หญิงหวั่นไหว มันช่างง่ายเหลือเกิน
มู่น่อนน่อนเหม่อลอยเล็กน้อย ก็ได้สติกลับมาแล้ว เธอดึงมือของตัวเองกลับ ทวนคำถามของก่อนหน้านี้ซ้ำอีกครั้ง:“บริษัทมู่ซื่อไปขัดใจตรงไหนคุณเข้า?”
“นี่คุณกำลังถามเอาความผิดเหรอ?”เฉินถิงเซียวจ้องมือที่ว่างเปล่าของตัวเองสองวิ สีหน้าได้ค่อยๆเปลี่ยนมาเย็นชา
“คุณรู้ว่าที่ฉันถามมันหมายความว่ายังไง”
เฉินถิงเซียวหันไปนั่งลงที่เก้าอี้ เปิดปากพูดอย่างไม่สนใจไยดี:“ให้ปาปารัสซี่ไปถ่ายด้านมืดของบริษัทมู่ซื่อ ผมนึกว่าคุณไม่มีความผูกพันกับบริษัทมู่ซื่อเสียอีก”
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างตะลึงงัน ไม่นึกเลยว่าแม้แต่เรื่องนี้เขาก็รู้ด้วย?
ดูเหมือนเฉินถิงเซียวจะพึงพอใจกับสีหน้าของเธอมาก แววตาที่ดำเข้มเหมือนหมึกจ้องมองเธอไว้ ในนั้นคือระลอกคลื่นที่อยู่ลึกลงไปในใจลอยตัวอยู่ ทำให้คนยากที่จะดูอารมณ์ข้างในออก
สักพัก เธอได้ยินเสียงที่มืดมนน่ากลัวเล็กน้อยของเขา:“เรื่องของคุณ ขอแค่ผมอยากรู้ ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ผมไม่รู้”
ความหมายของเขาคือ เธออยู่ตรงหน้าเขาคือโปร่งใส่หมด
เธอทำอะไรเขาก็สามารถรู้ได้อย่างง่ายดาย
เขาขู่เธออีกแล้ว
“มีความหมายเหรอ?จ้องทุกความเคลื่อนไหวของฉันทำให้คุณมีความรู้สึกของความสำเร็จมากเหรอ?”เสียงของมู่น่อนน่อนแหลมคม
เธอรู้สึกเฉินถิงเซียวอาจจะเป็นผีบ้าจริงๆก็ได้!สังเกตทุกความเคลื่อนไหวของเธออยู่ทุกเมื่อ ทำให้เธอรู้สึกตัวเองเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี
“ผมเป็นห่วงคุณนะ”สำหรับอารมณ์วู่วามของมู่น่อนน่อน เฉินถิงเซียวเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นยังไงอย่างงั้น เขาได้พูดต่อ:“ไม่งั้น ตอนที่คุณถูกมู่ลี่เหยียนและมู่หวั่นขีหลอกไปช่วยแม่คุณถูกลักพาตัว ผมจะสามารถไปช่วยคุณทันได้ยังไง?”
ถึงแม้มีการเตรียมใจไว้แล้ว แต่มู่น่อนน่อนก็ยังเบิกตากว้างด้วยความช็อค
เขารู้ทุกอย่างจริงๆซะด้วย!
เธออยู่ตรงหน้าเขาไม่มีความลับเลยทั้งสิ้น
บางทีเขาอาจจะไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเธอ แต่ความต้องการควบคุมของเขารุนแรงเกินไป
“อย่าเผยแววตาแบบนี้ออกมา ผมไม่ชอบ”
จู่ๆเฉินถิงเซียวลุกขึ้น ยื่นมือบังตาของเธอไว้ เขาก้มหัวจูบที่ริมฝีปากเธอเบาๆ เสียงที่ทุ้มต่ำแฝงด้วยความรู้สึกกลมกล่อมเหมือนเหล้าที่บ่มด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน:“ขอแค่คุณเชื่อฟังดีๆ ก็พอแล้ว”
ริมฝีปากของเขาอุ่นเหมือนมือของเขา แต่มู่น่อนน่อนกลับตัวสั่นอย่างแรง
เฉินถิงเซียวกอดเธอไว้ในอ้อมกอด ฝ่ามือทะลุผ่านผมยาวดั่งน้ำตกของเธอ เสียงแหบแห้งสนิทสนมมาก:“ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่จัดการคุณเหมือนจัดการพวกเขาหรอก คุณเป็นคนที่จะใช้ชีวิตกับผมทั้งชีวิตเชียวนะ ผมรักและเอ็นดูคุณเสียด้วยซ้ำไป……”
ร่างกายของมู่น่อนน่อนแข็งทื่อไว้ไม่กล้าขยับ เฉินถิงเซียวที่เป็นแบบนี้ทำให้ทุกเซลล์บนร่างกายเธอต่างก็ร้องโหยหวนว่าจะหนีไป
ผ่านไปสักพัก มู่น่อนน่อนถึงหาเสียงของตัวเองเจอ:“บริษัทมู่ซื่อ…….”
“บริษัทมู่ซื่อไม่เป็นไรหรอก ยังมีคุณปู่มู่อยู่ไม่ใช่เหรอ?”เฉินถิงเซียวคลายเธอออก ช่วยเธอปัดผมหน้าม้าที่ยุ่งเหยิงไปครู่นึง:“ไปทานข้าวกันเถอะ”
คุณปู่มู่?
มู่น่อนน่อนถูกเฉินถิงเซียวจูงมือลงมาชั้นล่าง เดินตามเขาอย่างผู้ถูกกระทำ ความคิดกลับล่องลอยไปไกลแสนไกล
ดูจากการเชื่อมโยงข้อมูลที่เสิ่นเหลียงเผยก่อนหน้านี้ สาเหตุเกี่ยวกับการหมั้นหมายของตระกูลมู่กับตระกูลเฉิน คุณปู่มู่เป็นบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญ
หลังจากคุณปู่มู่ไปพักผ่อนที่ต่างประเทศ ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย
มู่น่อนน่อนไม่ได้เจอคุณปู่มู่มาสิบกว่าปี ถ้าไม่ใช่มีคนเอ่ยขึ้นมา เธอแทบจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองยังมีคุณปู่อยู่
เฉินถิงเซียวเพิ่งเอ่ยถึงคุณปู่มู่ งั้นวัตถุประสงค์ของเขาก็คือ………
มู่น่อนน่อนคิดจุดนี้ได้ หยุดฝีเท้ากะทันหัน เธอมองเฉินถิงเซียวและพูด:“คุณอยากอาศัยเรื่องของบริษัทมู่ซื่อ บีบให้คุณปู่ฉันกลับประเทศ?”
เฉินถิงเซียวหันมามองเขา แววตามีความชื่นชมโผล่ขึ้นมา:“ฉลาดจริงๆ”
“คุณบีบให้คุณปู่ฉันกลับมาคืออยากทำอะไรคะ?คุณมีวัตถุประสงค์อะไร?”หรือว่าเพราะเบื้องหลังงานแต่งของทั้งสองตระกูล ยังมีเรื่องที่ให้คนอื่นไม่รู้?
แต่สำหรับเฉินถิงเซียว เรื่องนี้สำคัญมาก?
เฉินถิงเซียวตั้งแต่คดีลักพาตัวในตอนนั้น แล้วสาเหตุที่ปิดบังสถานภาพไม่โผล่หน้าต่อสาธารณชนเพราะอะไรอีก? เรื่องที่คิดไม่ออกเยอะจริงๆ ในหัวของมู่น่อนน่อนยิ่งวุ่นเข้าไปใหญ่
ในห้องทานข้าว
เฉินเจียฉินได้นั่งลงที่นั่นแล้ว แต่เพราะเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนต่างก็ยังไม่มา ดังนั้นเขาก็ยังไม่ได้เริ่มทานข้าวก่อน
เห็นทั้งคู่จูงมือกันเข้ามา เขาแบะปากและบ่นพึมพำ:“ดอกไม้งามปักอยู่บนขี้วัว”
เฉินถิงเซียวช่วยมู่น่อนน่อนลากเก้าอี้ออก และพูดโดยที่ไม่เงยหน้า:“เจียฉิน ครูของนายบอกว่าการเรียนของนายตามไม่ทัน ฉันสมัครคลาสเรียนพิเศษให้นายหน่อยดีกว่ามั้ง”
“ไม่ต้องแล้วครับ!”เฉินเจียฉินสีหน้าเปลี่ยน
พูดอย่างไม่มีความห้าวหาญเลยสักนิด:“พวกพี่นี่ช่างชายหล่อหญิงงาม เกิดมาเพื่อเป็นคู่กันชัดๆครับ”
คนถ่อยที่ร้ายกาจ!
ให้เขาไปเรียนพิเศษ สู้ให้เขาไปตายดีกว่า!
เฉินเจียฉินแอบจ้องเขาทีนึง จากนั้นก็ยิ้มแก้มปริหันหน้ามาคีบผักให้มู่น่อนน่อน:“พี่น่อนน่อน พี่กินอันนี้ครับ”
“ขอบใจจ้า”มู่น่อนน่อนถือจานรับผักที่เขาคีบให้ รู้สึกเธอกับเฉินเจียฉินต่างก็คนเป็นหัวอกเดียวกัน