ตอนที่ 126 ใครสอนเธอ
เพื่อการเอาตัวรอด มู่น่อนน่อนจึงหันหลังจะเดินกลับไป
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เสียงอันแหบแห้งและนิ่งขรึมของเฉินถิงเซียวดังขึ้นมาจากด้านหลัง สีหน้าของมู่น่อนน่อนเกร็งทื่อไปทันที
หล่อนหันไปมองเฉินถิงเซียวด้วยสีหน้าตึงเกร็ง พูดอย่างหนักแน่น: “ฉันแค่จะไปห้องน้ำ”
เฉินถิงเซียวตัวสูง ขายาว จึงก้าวเท้าได้ยาว ตอนนี้เดินตามมาถึงหน้าหล่อนแล้ว เขาก้มหน้ามองหล่อน ตอนที่สายตาหยุดมองอยู่ที่รอยปูดบวมใหญ่บนหน้าผากของหล่อน เขาชำเลืองมองเข้าไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่เขากลับเลิกคิ้วขึ้น: “ไปเถอะ ฉันรอเธอเอง”
มู่น่อนน่อน: “…”
หล่อนจึงจำต้องฝืนไปห้องน้ำ
มู่น่อนน่อนกลับไปในห้องน้ำ รู้สึกรำคาญใจจนยกมือขึ้นมาทุบหน้าผากของตัวเอง แต่กลับไม่ทันระวังไปทุบรอยปูดบวมบนหน้าผาก
“ซื้ด….” เจ็บชะมัดเลย
สุดท้าย มู่น่อนน่อนลูบแผลนิดหน่อย จากนั้นก็เดินออกมา
ไม่รู้ว่าเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่นไปไหนแล้ว เหลือเพียงแค่เฉินถิงเซียวที่ยืนรอหล่อนอยู่ด้านนอก
เขาสวมชุดสูทเรียบร้อยเหมือนปกติ รูปร่างสูงและบึกบึน ขนาดท่าทางที่ยืนรอเธออยู่หน้าประตูห้องน้ำ ยังดูดีจนทำให้คนต้องหันมอง
“ยี่สิบนาที” จู่ๆเฉินถิงเซียวก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
ขณะที่มู่น่อนน่อนยังทำสีหน้าไม่เข้าใจ เขาก็พูดขึ้น: “เธอท้องผูก?”
มู่น่อนน่อนตกใจตะลึง จนน้ำลายติดคอ: “แค่กๆ…”
เฉินถิงเซียวยังคงคิดไม่ตก จากนั้นพูดด้วยท่าทางจริงจัง: “เดี๋ยวกลับไปให้สือเย่พาเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล”
“เหอะๆ” มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตอนนี้นอกจากจะหัวเราะแล้วยังจะพูดอะไรได้อีก?
……
ทั้งสองออกมาจากผับ
รถของกู้จือหยั่นจอดอยู่หน้าประตู เขานั่งอยู่ที่คนขับ ส่วนเสิ่นเหลียงนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับด้านหน้า
เมื่อเห็นเฉินถิงเซียวกับมู่น่อนน่อนเดินออกมา กู้จือหยั่นจึงโผล่หัวออกไปทางหน้าต่าง: “ถิงเซียว ฉันจะพาเสิ่นเหลียงไปโรงพยาบาล นายจะไปด้วยไหม?”
เฉินถิงเซียวชี้ไปที่รถของตัวเองที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
กู้จือหยั่นเข้าใจเจตนาของเขา จึงหันไปทำมือ “OK” และขับรถออกไป
“ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปโรงพยาบาล” มู่น่อนน่อนดึงแขนของเฉินถิงเซียว
หล่อนแค่โดนต่อยที่หน้าผากจนบวมแค่นั้น ไม่มีเลือดออก ไปโรงพยาบาลทำไมกัน?
ยังต้องไปลงทะเบียนต่อคิว เสียเวลาเปล่า ตอนนี้หล่อนแค่รู้สึกหิว อยากกินข้าว
ตอนนี้เป็นเวลามืดค่ำแล้ว แม้ว่าจะมีแสงไฟส่องสว่าง แต่ดวงตาคู่นั้นของเฉินถิงเซียวกลับนิ่งขรึมมากขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งทุ้มต่ำ: “ไม่เป็นอะไร?”
“อื้ม” มู่น่อนน่อนพยักหน้าลง
จากนั้น หล่อนทนไม่ไหวจนกรีดร้องออกมา: “โอ๊ย!”
เพราะเฉินถิงเซียวยื่นมือมาจับรอยปูดบนหน้าผาก และกดเข้าไปเต็มแรง
แม้ว่ารอยปูดบวมนั้น ผ่านไปสักสองสามวันก็จะค่อยๆหายไปเองได้ แต่ตอนนี้ถูกเขาใช้แรงกดเข้าไปขนาดนี้ และยังปวดมากอีกด้วย
เฉินถิงเซียวดึงมือกลับ ทำสีหน้านิ่งไร้ซึ่งอารมณ์: “ไม่เป็นไรแล้วร้องทำไม?”
“ฉัน…” ถ้าเขาไม่กดหน้าผากของหล่อน ก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว
…
ในโรงพยาบาล
เฉินถิงเซียวยังคงบังคับให้มู่น่อนน่อนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
เสิ่นเหลียงก็ไม่ต่างจากหล่อนเท่าไหร่ หล่อนเองก็ถูกกู้จือหยั่นลากไปตรวจร่างกายด้วยเหมือนกัน
หลังจากทั้งสองตรวจร่างกายเสร็จแล้วจึงนั่งอยู่ที่เก้าอี้บนทางเดินแถวเดียวกัน ฉันมองเธอ เธอมองฉัน
สุดท้าย เสิ่นเหลียงจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน: “ฉันรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวดูเป็นห่วงร้อนใจกับเธอมากเลยนะ”
“เหอะๆ” มู่น่อนน่อนยกมือขึ้นมาจับหัวที่ปูดของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ ถึงตอนนี้หล่อนยังคงรู้สึกเหมือนมีนิ้วกดที่แผลไว้อยู่
จากนั้น มู่น่อนน่อนจึงพูดขึ้นด้วยท่าทีที่แสนเย็นชา: “ฉันรู้สึกว่ากู้จือหยั่นต่างหากที่เป็นห่วงเธอ เขาพูดว่าอะไรนะ?”
มู่น่อนน่อนชะงักไป กระแอมเล็กน้อย ทำเสียงพูดเลียนแบบกู้จือหยั่น: “เธอเป็นเจ้าตัวยุ่งของฉัน”
“มู่น่อนน่อน!”
เสิ่นเหลียงที่เป็นคนโผงผางมาโดยตลอด นานๆครั้งจะเห็นสีหน้าไม่เป็นตัวเองเช่นนี้
ทันใดนั้น กู้จือหยั่นกับเฉินถิงเซียวเดินออกมาจากห้องทำงานของหมดพอดี
มู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงนั่งลงพร้อมกัน ไม่พูดอะไรขึ้นมาทันที
……
เพราะมู่น่อนน่อนกับเสิ่นเหลียงยังไม่ได้กินข้าว ดังนั้นพวกเขาจึงไปที่เสิ้งติ่งพร้อมกัน
ระหว่างทาง มู่น่อนน่อนนึกถึงเฉินเจียฉินขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากถามเฉินถิงเซียว: “เสี่ยวฉินล่ะ?”
เฉินถิงเซียวหันหน้ามามองหล่อน ด้วยใบหน้าอันทรงเสน่ห์และนิ่งขรึม: “เธอเป็นห่วงตัวเองก่อนดีไหม”
เมื่อถึงเสิ้งติ่ง พวกเขาจึงสั่งอาหารชุดใหญ่ให้ทั้งสองสาวที่เพิ่งมีเรื่องทะเลาะกันเสร็จ
แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ยังไงตอนนี้ก็หิวมาก
รอให้หล่อนกินอิ่มก่อน เฉินถิงเซียวค่อยเริ่มจัดการมู่น่อนน่อน
“นี่ฉันไม่รู้เลยนะว่าฝีมือการตบตีของภรรยาฉันจะเก่งขนาดนี้ ใครเป็นคนสอนเธอ?”
สายตาดำสนิทของเฉินถิงเซียวมองไปที่หล่อนอย่างเคร่งขรึม ราวกับว่าถ้าหล่อนให้คำตอบที่ทำให้เขาพอใจไม่ได้ เขาก็จะจัดการหล่อน
เขาจะจัดการด้วยวิธีไหนนั้น มู่น่อนน่อนไม่ทราบเลย
หล่อนเพียงแค่รู้ว่า ตราบใดที่อยู่ต่อหน้าเฉินถิงเซียว หล่อนจะไม่มีทางจะทำอะไรตามใจตัวเองได้เลย
มู่น่อนน่อนชี้ไปที่เสิ่นเหลียงที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างไม่เกรงใจ
เสิ่นเหลียงก็กลัวเฉินถิงเซียว
หล่อนหดคอลง กลืนน้ำลายและชี้ไปที่กู้จือหยั่นที่นั่งอยู่ทางด้านข้าง: “ที่ฉันทะเลาะตบตีเป็น ก็เพราะเขาเป็นคนสอน”
“แค่กๆ…”
กู้จือหยั่นเพิ่งดื่มไวน์เข้าไป ถึงกับสำลักออกมา
“ไม่ใช่สิ เสิ่นเหลียง ปีนั้นที่ฉันไป ฉันให้คนมาช่วยดูแลเธอนะ แต่ฉันไม่ได้ให้เธอมาเลียนแบบการทะเลาะของฉันไปเป็นนักเลงที่โรงเรียนสักหน่อย…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเสิ่นเหลียงจ้องมองตาเขม็งด้วยสายตาอันเย็นชาจนเขาต้องหยุดพูดไปทันที
“หึ”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร เพียงแค่หัวเราะเยาะขึ้นมา จากนั้นลุกขึ้นและเดินไปด้านนอก
มู่น่อนน่อนเข้าใจคำพูดของเขาอย่างรวดเร็วขึ้นมาทันทีว่า “กลับบ้านไปแล้วค่อยจัดการเธอ”
หล่อนไม่อยากกลับบ้านแล้ว
แต่ หล่อนก็ไม่กล้าที่จะไม่กลับบ้าน
…
เฉินถิงเซียวขับรถด้วยความเร็วสูงตลอดทาง
เมื่อถึงหน้าประตูบ้าน มู่น่อนน่อนจับประตูรถและลงไปนั่งข้างถนน อาเจียนออกมาจนเวียนหัว
เฉินเจียฉินได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งออกมา เมื่อเห็นมู่น่อนน่อนเขาก็ทำท่าทางโล่งอก: “พี่น่อนน่อน ในที่สุดก็กลับมา พี่รู้บ้างไหม ก่อนหน้านี้ที่พี่ชายกลับบ้านมาแล้วไม่เจอพี่ ทำหน้าบึ้งตึงจนทำให้ฉันตกใจมาก…”
มู่น่อนน่อนค่อยๆลุกขึ้น พูดด้วยความโมโหอย่างอ่อนแรง: “ไม่ทำหน้าบึ้งตึง เขาก็ทำให้คนอื่นกลัวได้”
เมื่อพูดจบ หล่อนก็เงยหน้าขึ้นมองเฉินถิงเซียวที่ยืนอยู่ด้านหลังเฉินเจียฉิน
พูดอะไรลับหลังไม่ได้เลยจริงๆ
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่ายืดหัวออกมาก็อันตราย จะหดหัวก็อันตราย ตัดหัวหล่อนไปก่อนเลยดีกว่า
จากนั้น หล่อนก็เดินตามเฉินถิงเซียวกลับไปที่ห้องนอน
อันที่จริงหล่อนยังรู้สึกสงสัยว่าตัวเองไปมีเรื่องทะเลาะด้านนอก ทำไมเฉินถิงเซียวถึงต้องโกรธมากขนาดนี้ด้วย?
เพราะเฉินถิงเซียวรู้สึกว่าหล่อนทำให้เขาต้องขายหน้า?
เฉินถิงเซียวเข้าไปในห้องนอน ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นหันหลังมาเห็นว่ามู่น่อนน่อนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู จึงพูดเรียกด้วยเสียงแหบแห้ง: “มานี่”
มู่น่อนน่อนค่อยๆเดินไปช้าๆ เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไปกดตัวหล่อนนั่งลงบนเตียง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา
มู่น่อนน่อนตั้งตัวได้กำลังจะหลบ แต่สุดท้ายกลับถูกเฉินถิงเซียวพูดขัดไว้ก่อน: “ทายา จะหลบทำไม!”