ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่137 พวกเขาย่ำแย่กว่า

บทที่137 พวกเขาย่ำแย่กว่า

บทที่137 พวกเขาย่ำแย่กว่า

พอได้ยินคำพูดของมู่ลี่เหยียนแล้ว ก็ตกสู่ภวังค์แห่งความคิดทันที

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ส่ายหัว “ไม่ได้”

เมื่อก่อน ตอนที่คุณปู่มู่ออกจากประเทศ ก็เคยพูดไว้ ให้เขาบริหารบริษัทมู่ซื่อให้ดี หากไม่มีเรื่องอะไรผิดพลาด ชีวิตที่เหลือของคุณปู่มู่จะขออยู่ที่ต่างประเทศ

“พ่อคะ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยดีแล้ว ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความสำคัญกับบริษัทเพียงใด คุณพ่อต้องรู้ดีกว่าหนูแน่ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรื่องทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้น ต่างก็สร้างรอยแผลให้กับบริษัทมู่ซื่อไม่น้อยเลย……”

มู่น่อนน่อนยังไม่ทันได้พูดจบ จู่ๆมู่ลี่เหยียนก็ตัดบทเธอว่า “ลูกกับเฉินถิงเซียวเข้ากันได้ไหม ?”

“น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวเข้ากันได้ไหมหนูไม่รู้หรอกค่ะ แต่เธอกลับเข้ากันเข้า “เฉินเจียฉิน” ได้ไม่เลวเลย วันนี้ทั้งสองคนยังไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันอยู่เลย แถมยังจูบกันในที่สาธารณะอีกด้วย”

พอมู่หวั่นขีพูดจบ ก็หันไปมองทางมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม “ฉันพูดถูกไหม ?”

มู่น่อนน่อนไม่มองมู่หวั่นขี เพียงหันหน้าไปพูดกับมู่ลี่เหยียนว่า “เฉินถิงเซียวไม่ค่อยสนใจหนูค่ะ เรื่องนั้นก็มีแค่นั้น”

เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องช่วยโกหกแทนเฉินถิงเซียวด้วย

มู่ลี่เหยียนขมวดคิ้วแน่น “น่อนน่อน เฉินถิงเซียวเป็นสามีของลูก ทำไมลูกถึง……”

มู่น่อนน่อนรู้ว่ามู่ลี่เหยียนอยากจะใช้เฉินถิงเซียวเป็นเครื่องมืออีก คำพูดพวกนี้เธอฟังจนเบื่อแล้ว

เธอเลยขัดจังหวะของมู่ลี่เหยียนทันที แล้วพูดอย่างเด็ดขาดว่า “คุณพ่ออยากให้เฉินถิงเซียวช่วยเหมือนครั้งที่แล้วเหรอคะ ? ไม่มีทางหรอกค่ะ ถ้าหากบริษัทมู่ซื่อยังเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานต้องถูกคนเข้าฮุบกิจการแน่ หนูเอาหุ้นของบริษัทมู่ซื่อที่ยังมีมูลค่าน้อยนิด ไปขายเสียตอนนี้ยังจะดีกว่า”

พอมู่ลี่เหยียนได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “มู่น่อนน่อน ลูกบ้าไปแล้วเหรอ!”

“เกรงว่าคงไม่ได้มีแค่หนูคนเดียวที่มีความคิดอยากจะขายหุ้น คนอื่นที่มีหุ้นในบริษัท เกรงว่าก็คงมีความเดียวกันกับหนู ปล่อยให้หุ้นของบริษัทมู่ซื่อที่อยู่ในมือค่อยๆเสื่อมราคา ไปหาคนที่ใจกว้างพอจะซื้อสักคนยังจะดีเสียกว่า”

คำพูดนี้ของมู่น่อนน่อน พูดได้ว่าเป็นดั่งดาบที่แหลมคม ที่ปักลงกลางศีรษะของมู่ลี่เหยียน

มู่ลี่เหยียนเบิกตาโต ชี้นิ้วไปทางมู่น่อนน่อนด้วยสีหน้าน่ากลัว “ลูกกล้าเหรอ !”

“ทำไมหนูจะไม่กล้าคะ? หุ้นที่อยู่ในมือหนูก็ถูกต้องการกฎหมาย ก็ต้องมีอำนาจซื้อขายด้วยตัวเองอยู่แล้ว!”

พอมู่ลี่เหยียนได้ฟังคำพูดของเธอ ก็โกรธจนพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่

“คุณพ่อลองคิดดูเองให้ดีก็แล้วกันค่ะ” พอมู่น่อนน่อนพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปทันที

พอออกไป โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที

ด้านบนแสดงหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยจากเมืองหู้หยาง

พอมู่น่อนน่อนกดรับโทรศัพท์ ในสายก็มีเสียงของผู้ชายวัยกลางคนดังขึ้น

“ไม่ทราบว่า เป็นพี่สาวของเฉินเจียฉินหรือเปล่าครับ ?”

มู่น่อนน่อนชะงักไปทีหนึ่ง “ใช่ค่ะ ฉันคือพี่สาวของเขา”

“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ ผมเป็นครูประจำชั้นของเฉินเจียฉิน เขาเกิดเรื่องขึ้นที่โรงเรียนนิดหน่อย จำเป็นต้องเชิญให้ผู้ปกครองมาช่วยพวกเราร่วมกันแก้ไขครับ”

มู่น่อนน่อนถามอย่างเป็นห่วงว่า “เขาเป็นอะไรไปเหรอคะ ?”

“นักเรียนเฉินเจียฉินไม่เป็นไรครับ เขา……” ครูประจำชั้นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพูดว่า “เขามีปัญหากับเพื่อนนักเรียนคนอื่นเลยเกิดเรื่องชกต่อยขึ้น ตัวเขาไม่เป็นไรครับ แต่นักเรียนที่ถูกเขาต่อยอาการค่อนข้างสาหัส”

มู่น่อนน่อนถอนหายใจทีหนึ่ง “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

……

มู่น่อนน่อนออกมาจากบริษัทมู่ซื่อ เรียกรถคันหนึ่งจากข้างทาง หลังจากขึ้นรถแล้ว ก็โทรไปหาเฉินถิงเซียว

เพียงแต่ เฉินถิงเซียวอาจจะกำลังยุ่งอยู่ เลยไม่ได้รับโทรศัพท์

โรงเรียนของเฉินเจียฉินอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมู่ซื่อนัก เพียงสิบกว่านาทีก็ถึง

มู่น่อนน่อนไปเจอกับครูประจำชั้นของเฉินเจียฉินก่อน

เธอโค้งศีรษะเล็กน้อย “สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” ครูประจำชั้นพยักหน้ารับ เฉินเจียฉินถือว่าเป็นเด็กที่ดูดีมากแล้วในชั้นเรียน คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของเฉินเจียฉินจะสวยขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นเพราะยีนที่ดีของชาติตระกูลนี่เอง

มู่น่อนน่อนเห็นว่าครูประจำชั้นเอาแต่จ้องเธอ เลยเอ่ยปากถามว่า “คุณช่วยเล่าสถานการณ์คร่าวๆให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ ?”

“เรื่องเป็นแบบนี้ครับ เห็นว่าเฉินเจียฉินกับนักเรียนคนอื่นมีปากเสียงกันนิดหน่อย เด็กๆนิสัยไม่ดี พอคุยไม่รู้เรื่องก็เริ่มลงไม้ลงมือกัน เพียงแต่นักเรียนเฉินเจียฉินต่อยฝ่ายตรงข้ามจนอาการหนักไปหน่อย พวกคุณในฐานะผู้ปกครองต้องคอยอบรมสั่งสอนให้ดีนะครับ……”

มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบคำพูดคำจาของคุณครูคนนี้เอาเสียเลย

เธอพูดกับคุณครู่ด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “คุณครูคะ ตอนนี้คุณยังไม่รู้สาเหตุของเรื่องราวเลยด้วยซ้ำ ก็บอกให้ฉันอบรมสั่งสอนเฉินเจียฉินแล้ว? แบบนี้มันไม่ยุติธรรมหรือเปล่าคะ ?”

ตอนที่มู่น่อนน่อนยิ้ม ตารูปแมวนั้นสวยงามมาก แต่ตอนที่จ้องคนอย่างเย็นชานั้น กลับทำให้คนสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก

ครูประจำชั้นรีบพูดอธิบาย “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นครับ ผมแค่รู้สึกว่านักเรียนเฉินเจียฉินลงมือรุนแรงไปหน่อย……”

มู่น่อนน่อนพูดต่อว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ แต่ฉันขอไปเจอน้องชายของฉันก่อน”

ครูประจำชั้นพยักหน้า “พวกเขาอยู่ในห้องทำงานของผมครับ พวกเราไปกันได้เลยครับ”

มู่น่อนน่อนเห็นเฉินเจียฉินอยู่ในห้องทำงาน

บนใบหน้าเขามีรอยฟกช้ำเล็กน้อย ผมหยิกบนหัวยุ่งเหยิง เสื้อผ้าบนตัวก็ถูกกระชากจนขาด สภาพเหมือนหมาจรจัดที่เพิ่งถูกคนเก็บขึ้นมาจากกองขยะ

เขายืนหลังตรงอยู่ตรงนั้น ท่าทางดื้อรั้น ค่อนข้างดูเหมือนคนที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน

อาจจะเป็นเพราะการที่อยู่ด้วยกันกับเฉินถิงเซียว สีหน้าไร้อารมณ์ และดูมีแรงกดดันอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ยังห่างชั้นกับเฉินถิงเซียวมาก

พอเขาเห็นมู่น่อนน่อน สีหน้าไร้อารมณ์ก็พังทลายทันที เขากะพริบตาปริบๆ แล้วมองมู่น่อนน่อนด้วยท่าทางน่าสงสาร “พี่น่อนน่อน”

มู่น่อนน่อนมองดูสภาพของเขา แล้วก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย

มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป ลูบผมหยิกน้อยๆของเขา “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ?”

“เปล่าครับ” เฉินเจียฉินส่ายหน้า จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคนพูดขึ้นว่า “ผมแค่เสื้อผ้าขาด แต่พวกเขาย่ำแย่กว่าผมมาก”

พวกเขา ?

มู่น่อนน่อนหันหลังกลับไปมอง ถึงได้เห็นว่ายังมีเด็กผู้ชายอีกสองคนอยู่ในห้องทำงานด้วย

เพียงแต่แผลบนใบหน้าของสองคนนั้นมีมากกว่าเฉินเจียฉิน ทั้งสองคนต่างก็นั่งอยู่ มีเพียงเฉินเจียฉินคนเดียวที่ยืนอยู่

เฉินเจียฉินไม่ใช่เด็กที่ไม่มีเหตุผล ยิ่งไม่ใช่คนที่จะชกต่อยคนไปเรื่อย แต่เพียงเพราะสองคนนั้นเจ็บหนักกว่าหน่อย ก็เลยได้นั่ง ส่วนเฉินเจียฉินกลับต้องยืน ?

มู่น่อนน่อนหันกลับไปมองที่คุณครู “บอกว่าบาดเจ็บหนักไม่ใช่เหรอคะ ทำไมไม่ส่งตัวไปที่โรงพยาบาล”

“นี่……เป็นความต้องการของผู้ปกครองของพวกเขาครับ” น้ำเสียงของครูประจำชั้นเองก็อึดอัดเล็กน้อย

โรงเรียนที่เฉินเจียฉินเรียนไม่ใช่โรงเรียนของชนชั้นผู้ดี สภาพครอบครัวของนักเรียนค่อนข้างธรรมดา พอเจอกับเรื่องนักเรียนถูกทำร้ายบาดเจ็บ การกระทำแบบนี้ของผู้ปกครองสองคนนั้น ก็คงเพื่ออยากจะเรียกร้องค่าเสียหายสักก้อน

มู่น่อนน่อนยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก

เวลานั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น “ลูกชายของฉันอยู่ที่นี่”

เพิ่งจะสิ้นเสียง ผู้หญิงอ้วนคนหนึ่งก็ผลักประตูเข้ามา สายตาไปตกอยู่ที่เด็กชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา ปาดคราบน้ำตาแล้วพุ่งเข้าไปหาทันที “ทำไมลูกชายสุดที่รักของฉันถึงได้ถูกทำร้ายจนอยู่ในสภาพแบบนี้……”

เธอร้องไห้เสียงดังมาก มู่น่อนน่อนอุดหูตัวเองเอาไว้ แล้วหันไปมองครูประจำชั้นทีหนึ่ง

ครูประจำชั้นเข้าไปเตือนเธอ “คุณอย่าเพิ่งร้องไห้เลยครับ พวกเรามาคุยกันให้ชัดเจนก่อนดีกว่า”

“คุยให้ชัดเจน ? เรื่องนี้จะคุยยังไงให้ชัดเจน ลูกชายฉันตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องชดใช้ค่ารักษาสิ !” หญิงอ้วนคนนั้นตะโกนพูดเสียงดัง

พอมู่น่อนน่อนได้ยินแบบนั้น ก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ค่ารักษาพวกเราออกให้ได้ แต่ตอนนี้จะต้องทำให้เรื่องมันกระจ่างก่อน เสี่ยวฉิน นายพูดมาสิ ว่าทำไมถึงได้ไปชกต่อยกับพวกเขา

เฉินเจียฉินไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับก้มหน้าลง

มู่น่อนน่อนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เป็นอะไรไป ?”

เฉินเจียฉินเพียงแค่ทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา

ผู้หญิงอ้วนคนนั้นตอนนี้ก็ไม่ได้ร้องไห้แล้ว แต่กลับพูดอย่างพิลึกพิลั่นว่า “จะมีเหตุผลอะไรอีก เพราะว่าเขาเลวทรามไง มีที่ไหนต่อยเพื่อนนักเรียนด้วยกันจนอยู่ในสภาพแบบนี้ ดูลูกชายที่น่าสงสารของฉันสิ……”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท