ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่134 สมควรได้รับความโกรธแล้ว!

บทที่134 สมควรได้รับความโกรธแล้ว!

บทที่134 สมควรได้รับความโกรธแล้ว!

พอเข้าไปในบริษัทมู่ซื่อ มู่น่อนน่อนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศตึงเครียดในบริษัท

เธอเจอมู่หวั่นขีในห้องน้ำชา

ในดวงตาของมู่หวั่นขีเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน

พอเธอเห็นมู่น่อนน่อนเข้า ก็ลากรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาหาเธอ “เธออยากจะทำให้บริษัทมู่ซื่อล้มละลายสินะ ? ตั้งแต่ที่เอเข้ามา บริษัทมู่ซื่อก็ไม่มีวันไหนสงบสุขเลย”

มู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร

เธอเกิดมาในตระกูลมู่ แล้วมีวันไหนบ้างที่เธอได้อยู่อย่างสงบสุข

เธอถูกบีบบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลเฉิน แล้วมีวันไหนบ้างที่สงบสุข

“ฉันไม่ได้คิดจะทำให้บริษัทมู่ซื่อล้มละลาย และฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสามารถขนาดนั้น บริษัทมู่ซื่อเป็นบริษัทที่คุณปู่ก่อตั้งขึ้น เป็นแบรนด์ที่มั่นคงในอุตสาหกรรมมานานหลายทศวรรษ และที่มันกลายมาเป็นแบบนี้ ในใจเธอไม่รู้อะไรเลยเหรอ ?”

มู่น่อนน่อนไม่ใช่คนที่เข้าใจเรื่องการบริหารมากนัก แต่สำหรับเรื่องส่วนใหญ่ของบริษัทมู่ซื่อ เธอเองก็รู้

ตอนนั้นคุณปู่มู่สร้างบริษัทมู่ซื่อขึ้นมาด้วยมือเปล่า เขาเป็นคนรู้จักปรับตัวและโอบอ้อมอารี ฝีมือในการทำธุรกิจไม่ถือว่าสูงส่ง แต่ในเรื่องการจัดการกับผู้คนเขากลับเป็นที่หนึ่ง แถมยังมีความดื้นรั้นอยู่ในนิสัยอยู่บ้าง

ที่เรียกกันว่าไม่มีธุรกิจไหนไม่มีการทรยศ สิ่งที่คุณปู่มู่ขาดไปนั่นก็คือ”ทรยศ” ดังนั้นหลายสิบปีของบริษัทมู่ซื่อ นอกจากถูกตีตราให้เป็น “แบรนด์เก่าแก่” แล้ว ก็ไม่มีการพัฒนาที่ใหญ่โตอะไรนัก

คุณปู่มู่ส่งมองบริษัทมู่ซื่อ่ให้กับมู่ลี่เหยียน แรกเริ่มมู่ลี่เหยียนก็ตั้งใจทำผลิตภัณฑ์อย่างซื่อตรง แต่หลายปีมานี้กลับเริ่มค่อยๆนอกลู่นอกทาง เริ่มทำการสินค้าปลอมขึ้น

จนกระทั่งเวลาที่ผ่านมาโครงการมีช่องโหว่ มีปัญหาเกี่ยวกับห่วงโซ่ทุนของบริษัท จากนั้นก็ถูกเปิดโปงความดำมืดของโรงงาน บริษัทมู่ซื่อก็เลยตกอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤตที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งมา

“ตอแหล!” มู่หวั่นขีไม่เห็นคำพูดของมู่น่อนน่อนอยู่ในสายตาเลย “ถ้าเธอมีปัญญาก็ตามฉันไปพูดต่อหน้าคุณพ่อสิ”

“ไปก็ไป!”

ที่จริงมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้อยากเห็นบริษัทมู่ซื่อล้มละลายไปทั้งอย่างนี้ พนักงานหลายคนในบริษัทมู่ซื่อนั้นเป็นคนที่ร่วมเดินเคียงข้างมาด้วยกันกับคุณปู่มู่ ทำงานอยู่ในบริษัทมาครึ่งค่อนชีวิต พวกเขาเหล่านั้นมีความผูกพันกับบริษัทมู่ซื่ออย่างแท้จริง

เธอไม่ใช่แม่พระ ถ้ามองจากมุมมองความแค้นส่วนตัว ถ้าหากบริษัทมู่ซื่อล้มละลายไป ในใจเธอก็คงรู้สึกสะใจไม่ใช่น้อย

แต่ว่า ความรู้สึกสะใจนั้นก็เพียงชั่ววูบเท่านั้น หากบริษัทมู่ซื่อล้มละลาย พนักงานมากมายก็ต้องตกงาน นี่เป็นผลที่มองภาพออก

เธอไม่สามารถทำเป็นหูหนวกตาบอด แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรได้

ถ้าเฉินถิงเซียวเป็นบอสใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังบริษัทเสิ้งติ่ง ถ้าอย่างนั้น เรื่องของซือเฉิงหยู้ จะต้องเป็นแผนการที่เขาวางเอาไว้เป็นแน่

เฉินถิงเซียวทำเพื่อบีบบังคับให้คุณปู่มู่กลับประเทศ เลยแอบลงมือในมุมมืด ถ้าหากคุณปู่มู่ไม่ยอมกลับมา ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำให้บริษัทมู่ซื่อล้มละลายไปเลยก็ได้

ผู้ชายที่ถอนลูกกระสุนออกโดยไม่ใช้ยาชา อายุเพียงยี่สิบหกปีก็ได้เป็นผู้นำในแวดวงบันเทิง มู่ลี่เหยียนจะไปเป็นคู่มือเขาได้ยังไง

……

“คุณพ่อคะ มู่น่อนน่อนมาแล้วค่ะ !”

มู่หวั่นขีลากมู่น่อนน่อนไปที่ห้องทำงานของมู่ลี่เหยียน

“น่อนน่อน เมื่อวานลูกไปหาซือเฉิงหยู้พวกลูกคุยอะไรกันเหรอ ทำไมเรื่องถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ?” มู่ลี่เหยียนลุกขึ้นจากหลังโต๊ะทำงานแล้วเดินออกมาหา

มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ไม่ได้คุยอะไรกันค่ะ”

“ไม่ได้คุยอะไรแล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ?” มู่หวั่นขีทำหน้าเยาะเย้ยเธอ “จะต้องเป็นเพราะเธอพูดอะไรกับซือเฉิงหยู้แน่ เยาเลยโกรธ เห็นได้ชัดว่าหัวข้อบนอินเทอร์เน็ตมีคนที่ซื้อรายชื่อและดันให้ดังขึ้นมา”

“ตอนแรกเธอใช้อะไรไปเจรจากับซือเฉิงหยู้เหรอ เขาเคยพูดว่าจะเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทมู่ซื่อหรือเปล่า ใช้สมองของเธอคิดให้ดีๆสิ คนที่มีชื่อเสียงอย่างเขา ทำไมต้องรับปากว่าจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทมู่ซื่อด้วย ?”

เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเฉินถิงเซียวแน่ อย่างไม่ต้องสงสัย นี่จะต้องเป็นจุดจบที่วางไว้แต่แรกแน่

“หึ ไม่มีคนไหนไม่ชอบสิ่งของที่สวยๆ ไม่ว่าซือเฉิงหยู้จะโด่งดังขนาดไหน เขาก็ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่ง” มู่หวั่นขีพูดขยายความ ซือเฉิงหยู้ถูกใจเธอเข้า ดังนั้นเลยรับปากว่าจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทมู่ซื่อ

อย่าว่าแต่มู่น่อนน่อนเลย ขนาดมู่ลี่เหยียนเองก็ยังไม่เชื่อ

มู่ลี่เหยียนโบกมือ “หวั่นขี ตอนนั้นซือเฉิงหยู้พูดกับลูกว่ายังไง”

“เขา…..ชมว่าหนูมีเสน่ห์มาก จากนั้นก็บอกว่าจะลองดูหน่อยก็ได้” ขณะมู่หวั่นขีพูด เธอก็หน้าแดงขึ้นมา

มู่น่อนน่อนหลุดขำออกมา นี่มู่หวั่นขีไปถูกใจซือเฉิงหยู้เข้าอีกแล้วเหรอ ?

“ตอนนั้นลูกบอกว่าซือเฉิงหยู้ยอมตกลงเซ็นสัญญากับพวกเราแล้วไม่ใช่เหรอ ?” มู่ลี่เหยียนขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเริ่มเคร่งขรึมขึ้น

“หนูก็รู้สึกว่าแบบนั้นก็น่าจะพอแล้ว ถ้าหนูรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วันที่สองหนูก็คงไปคุยเรื่องสัญญากับเขาด้วยตัวเองแล้ว……”

ตอนนี้มู่หวั่นขีเริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมา ที่เธอให้มู่น่อนน่อนไปคุยเรื่องสัญญา ก็เพราะรู้สึกว่าซือเฉิงหยู้เริ่มมีความรู้สึกต่อเธอแล้ว เธอจะเป็นฝ่ายเข้าหาก่อนไม่ได้ จะต้องสงวนท่าทีต่อซือเฉิงหยู้ก่อน ให้เขาเป็นฝ่ายมาเข้าหาเธอ

มองดูสีหน้าของมู่ลี่เหยียนที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเคร่งเครียด มู่หวั่นขีเองก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก

ในมุมมองของเธอ เรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นฝีมือของซือเฉิงหยู้แน่!

มู่ลี่เหยียนเดินไปนั่งลงที่โซฟา เท้าศีรษะแล้วถอนหายใจออกมา ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “มีคนอยากจะต่อกรกับบริษัทมู่ซื่อ”

“ใช่ค่ะ เริ่มจากที่ซือเฉิงหยู้ไม่ได้ปฏิเสธคำชวนของบริษัทมู่ซื่อ ก็เป็นเรื่องหนึ่งแล้ว” มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “หรืออาจจะนานกว่านั้น”

มู่ลี่เหยียนหันไปมองทางมู่น่อนน่อน ราวกับเพิ่งเป็นครั้งแรกที่รู้จักเธอ และมองประเมินเธออย่างละเอียด

มู่น่อนน่อนตอบรับสายตาของเขา แล้วพูดต่อว่า “เพราะซือเฉิงหยู้ไม่มีทางยอมเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทมู่ซื่อแน่ เกิดเรื่องผิดปกติขึ้น จะต้องมีมารเป็นแน่”

มู่ลี่เหยียนจ้องมู่น่อนน่อนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าตาม “ลูกพูดได้มีเหตุผลมาก”

ตอนแรกหลังจากที่เฉินถิงเซียวช่วยบริษัทมู่ซื่อแล้ว ในใจของมู่ลี่เหยียนก็เริ่มลำพองตัว เขาได้เห็นความสามารถของเฉินถิงเซียว ก็เลยรู้สึกว่าการให้ผู้ชายอย่างซือเฉิงหยู้ที่พึ่งพาการแสดงเพื่อหากินนั้นมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทมู่ซื่อ ก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ สำหรับบริษัทมู่ซื่อที่กำลังค่อยๆฟื้นตัวนั้น ก็คือการที่หิมะทับถมกองหิมะนั่นเอง

มู่หวั่นขีเห็นว่ามู่ลี่เหยียนเอ่ยชมมู่น่อนน่อน ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“คุณพ่อคะ เธอพูดมีเหตุผลตรงไหน ซือเฉิงหยู้เขาปฏิบัติกับหนูต่างจากคนอื่น หนูรู้สึกว่าเขาต้องชอบหนูแน่ๆ เรื่องนี้ให้หนูไปจัดการเถอะค่ะ หนูจะทำให้เขายอมพูดต่อหน้าสื่อให้ได้ว่าเป็นเพราะเขาชอบหนู ถึงได้ยอมรับปากเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทมู่ซื่อ !”

มู่หวั่นขีดูมั่นใจเต็มเปี่ยม ทำให้มู่น่อนน่อนเซอร์ไพรส์มาก

มีความมั่นใจก็เป็นเรื่องดี แต่คนที่ลำพองตัวขนาดหนักอย่างมู่หวั่นขี เธอก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

ซือเฉิงหยู้จะชอบผู้หญิงแบบไหนนั้น เธอเองก็ไม่รู้

อาจจะเป็นคุณหนูที่มีชาติตระกูล หรืออาจจะเป็นผู้หญิงที่ทั้งหน้าตาและฐานะก็ธรรมดา แต่จะต้องมีข้อดีอย่างใดอย่างหนึ่งแน่

แน่นอนว่าจะต้องไม่ใช่คนอย่างมู่หวั่นขี มู่หวั่นขีจะมีข้อดีอะไร ? นอนกับผู้ชายมามากมายเหรอ ? หรือว่าการที่มีความมั่นใจมากกว่าปกติ ?

“ปัง !”

มู่ลี่เหยียนตบโต๊ะอย่างแรงทีหนึ่ง ก่อนจะคำรามเสียงดัง “อย่าออกไปก่อเรื่องอีก !”

“หนูไม่ได้ก่อเรื่องสักหน่อย” มู่หวั่นขีเชิดคางอย่างมั่นใจ เหลือบมองมู่น่อนน่อนทีหนึ่ง แล้วก็เดินออกไป

มู่ลี่เหยียนชี้ไปทางประตูอย่างโกรธจัดจนพูดอะไรไม่ออก

“หนูขอตัวก่อนนะคะ”

มู่น่อนน่อนเองก้ไม่ได้อยู่เพื่อปลอบใจมู่ลี่เหยียน

ลูกสาวที่ตัวเองให้กำเนิดมา สมควรได้รับความโกรธแล้ว!

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท