บทที่ 153 ชิงหนิงคือใคร
เท้าเจ็บมากจนมู่น่อนน่อนกะโผลกกะเผลกขณะเดิน
เธอสัมผัสได้ถึงสายตาจับจ้องที่เฉียบคมและจับต้องได้อยู่ด้านหลังเธอ เธอกัดริมฝีปาก ดึงดันก้าวเข้าลิฟต์โดยไม่หยุด
ตอนที่มู่น่อนน่อนกดปุ่มปิด ก็ไม่เห็นเฉินถิงเซียวตามมา
หัวใจเธอเย็นเล็กน้อย สีหน้าซีดไปบางส่วน
ลิฟต์เลื่อนลงช้าๆ มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าหัวใจตัวเองวูบตามลงมา
……
เมื่อออกจากลิฟต์ มู่น่อนน่อนก็เห็นเฉินเจียฉิน
เฉินเจียฉินเห็นท่าทางของมู่น่อนน่อนดวงตาแดงเดินออกมาด้วยเท้าเปล่า จึงมีสีหน้าแปลกใจ เดินเข้าไปช่วยประคองเธอและเรียกด้วยเสียงแผ่ว “พี่น่อนน่อน”
“ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้” เท้าของมู่น่อนน่อนกำลังเจ็บมาก เท้าที่แพลงไม่สามารถแตะพื้นได้เลย ได้แต่อาศัยเฉินเจียฉินช่วยประคองเธอ
เฉินเจียฉินแอบชำเลืองมองเธอ หลังจากนั้นก็พูดตะกุกตะกักว่า “พี่ชายผม…เขา…เขาไม่ได้ตั้งใจนะครับ…”
“อืม” มู่น่อนน่อนตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแสมากอย่างที่ควรเป็น
ตอนนี้ ซือเฉิงหยู้จะตั้งใจหรือไม่ มันก็ไม่สำคัญกับเธออีกต่อไปแล้ว
ที่สำคัญคือการกระทำของเฉินถิงเซียวต่างหาก
คนที่ต้องการให้เธอมางานเลี้ยงก็คือเขา แล้วคนที่จู่ๆ ก็พุ่งเข้ามาด้วยความโกรธจัดก็คือเขา
ต่อให้ซือเฉิงหยู้จะจับมือของเธอ ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ นี่คือเหตุผลให้ซือเฉิงหยู้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนไม่แคร์ความรู้สึกของเธอได้หรือไง
เฉินเจียฉินสัมผัสได้ชัดเจนมากว่าตอนนี้มู่น่อนน่อนกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก เขาจึงไม่พูดอีก เพียงประคองมู่น่อนน่อนไปอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินถิงเซียวมา เฉินเจียฉินเป็นคนแรกที่เห็นเขา จากนั้นก็เห็นเฉินถิงเซียวดึงมู่น่อนน่อนออกไป เหมือนกับว่าทั้งคู่จะทะเลาะกัน แล้วจากนั้นมู่น่อนน่อนก็เข้าลิฟต์ไป
หลังจากที่มู่น่อนน่อนเข้าลิฟต์ไป เฉินถิงเซียวยังคงยืนอยู่ตรงนั้นตลอด เฉินเจียฉินมองดูอย่างกังวล แต่ก็รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวในตอนนั้นไม่ควรเข้าไปยุ่ง เขาจึงก้าวถอยหลังไปที่ลิฟต์อีกฝั่งแล้วลงไปรอมู่น่อนน่อน
เฉินเจียฉินกำลังคิดเรื่องราวอยู่ ฉับพลันก็ได้ยินเสียงมู่น่อนน่อนที่อยู่ๆข้างๆ ดังขึ้นเงียบๆ “ชิงหนิงคือใคร”
“คุณบอกว่าใครนะครับ” เฉินเจียฉินหันหน้าไปอย่างรุนแรง ประกายความตระหนกตกใจแวบเข้ามาในดวงตา
มู่น่อนน่อนปล่อยมือของเขา มองเฉินเจียฉินอย่างมั่นคง และย้ำเสียงหนักอีกครั้ง “ชิงหนิง”
ก่อนหน้านี้ที่ห้องจัดเลี้ยง เธอได้ยินซือเฉิงหยู้เรียกชื่อนี้
เมื่อเฉินเจียฉินได้ยินชื่อนี้ บนใบหน้าอ่อนเยาว์จู่ๆ ก็เผยร่อยรอยโศกเศร้า “ทำไมคุณถึงรู้จักเธอล่ะครับ”
ถึงแม้ตอนนี้เฉินเจียฉินกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนเส้นเสียง น้ำเสียงค่อนข้างแตก แต่มู่น่อนน่อนยังฟังเสียงแหบกร้านในน้ำเสียงของเขาออกได้
นั่นก็เพียงพอที่จะอธิบายปัญหาได้มากมายแล้ว
ซือเฉิงหยู้รู้จัก “ชิงหนิง” และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ เฉินเจียเฉินก็รู้จักเธอ และความสัมพันธ์ก็ไม่แย่
หรือว่าเฉินถิงเซียวก็รู้จักกับ “ชิงหนิง” ด้วยเหมือนกัน
ทันใดนั้นมู่น่อนน่อนก็นึกไปถึงเมื่อครั้งก่อนขึ้นมาได้ ตอนที่เธอไปหาซือเฉิงหยู้ที่บ้านเพื่อพูดแทน ซือเฉิงหยู้มองตาเธอ เหมือนเป็นการมองเธอผ่านไปหาคนอื่น
“ฉันกับเธอหน้าตาเหมือนกันเหรอ”
เมื่อมู่น่อนน่อนพูดจบ ถึงได้เพิ่งตระหนักว่าคำพูดที่ตัวเองคิดในใจได้ออกมาแล้ว
เฉินเจียฉินพยักหน้าโดยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็พลันส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่…”
“บอกมาตามตรง” มู่น่อนน่อนเสียงเข้มขึ้น
เฉินเจียฉินก้มหน้าและพูดเสียงเบา “เหมือนครับ”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” มู่น่อนน่อนปล่อยมือของเขา “ฉันกลับก่อนนะ”
ดูจากปฏิกิริยาของซือเฉิงหยู้กับเฉินเจียฉิน มู่น่อนน่อนก็รู้ว่า “ชิงหนิง” สำหรับพวกเขาแล้ว เป็นคนที่สำคัญมาก
เมื่อเป็นแบบนี้ เธอจึงรู้สึกได้ว่าที่ซือเฉิงหยู้ใจดีกับเธอ เฉินเจียฉินสนิทกับเธอ ล้วนเหมือนกับเธอขโมยของของคนอื่นมา
เหมือนเธอเป็นคนขโมยทุกอย่าง
ซือเฉิงหยู้เป็นนักแสดงซุปเปอร์สตาร์ดาวรุ่งระดับแถวหน้า ต่อให้เขาไม่ใช่นักแสดงซุปเปอร์สตาร์ ตระกูลของเขาก็ไม่ใช่ที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้
แต่เขากลับอ่อนโยนและทำตัวสนิทสนมกับเธออย่างมาก
เฉินเจียฉินอายุน้อยที่สุด จิตใจดีและบริสุทธิ์ ลักษณะนิสัยก็ดี อยู่ในตระกูลเฉินก็เป็นคุณชายคนโปรด ทำไมเขายังจะมาสนิทชิดเชื้อกับเธอขนาดนี้
มันเป็นเพราะเธอหน้าเหมือน “ชิงหนิง” คนนั้น
เช่นนั้นแล้วเฉินถิงเซียวล่ะ
มู่น่อนน่อนมีลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้ เธอรู้สึกว่าเฉินถิงเซียวก็รู้จักผู้หญิงที่ชื่อ “ชิงหนิง”
เขาก็เหมือนกันใช่ไหมที่เพราะเธอหน้าเหมือน “ชิงหนิง” ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ตอนแรกเขาสนใจเธอมากขนาดนั้น
มู่น่อนน่อนหัวเราะเยาะตัวเอง หันหน้ากลับไปมองเฉินเจียฉินที่ตามเธอมาไม่ใกล้ไม่ไกล “อย่าตามฉัน”
มู่น่อนน่อนยืนอยู่หน้าประตูโรงแรมด้วยสีหน้าเย็นชา สีหน้าซีดขาวราวหิมะ ทั้งกายบังเกิดไอแห่งความเย็นยะเยือกขมขื่นน่ากลัว ไม่เหมือนมู่น่อนน่อนที่ปกติมักจะยิ้มให้เขาอยู่เสมอแม้แต่น้อย
เฉินเจียฉินเกิดความไม่สบายใจเล็กน้อย คิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี และกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดไป
สุดท้ายแล้วเขาจึงลองหยั่งเชิงถามออกไป “งั้นคุณจะกลับไปหาญาติผู้พี่ไหมครับ”
เขาคลุกคลีกับมู่น่อนน่อนมานาน จึงรู้จักนิสัยของมู่น่อนน่อนไม่มากก็น้อย
มู่น่อนน่อนมองดูท่าทีของเขาอย่างระแวดระวัง ในสายตาของเธอนั้นแม้แต่ลอนผมเล็กๆ สไตล์ตะวันตกจ๋าที่ปรากฏเป็นปกติ มาเวลานี้ดูเหมือนจะขัดหูขัดตาไปหมด
“ไม่รู้สิ”
เวลานี้มีบริกรของโรงแรมเอารองเท้ามาให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนเอ่ยขอบคุณแล้วใส่ออกไป
เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเอง
ช่างเสียใจภายหลังนัก
อากาศหนาวเหน็บ มู่น่อนน่อนหยุดอยู่ข้างนอก ทั้งกายสั่นเทาเพราะความหนาวเย็น
แต่หน้าโรงแรมเจ็ดดาวแห่งนี้ดันไม่มีแท็กซี่โผล่มาเลย มู่น่อนน่อนจึงต้องเดินกระโผลกกะเผลกต่อไปข้างหน้า
จนเมื่อในที่สุดเธอเรียกแท็กซี่ได้ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
หัวใจเธอกระตุก กัดริมฝีปากค่อนข้างแรง เอามันขึ้นมาดู ถึงได้พบว่าไม่ใช่เฉินถิงเซียวที่โทรมา แต่เป็นเสิ่นเหลียง
มู่น่อนน่อนบอกไม่ได้ว่าในใจรู้สึกอย่างไร เหมือนโล่งใจ และก็เหมือนหัวใจดิ่งลึกลงไป
เธอรับสาย “เสี่ยวเหลียง”
น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงยังเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงตามเคย
“คืนนี้เธอไปงานเลี้ยงของตระกูลเฉินเหรอ ฉันเห็นรูปของเธอในกรุ๊ปวีแชต! สวยมากเลย!”
มู่น่อนน่อนยิ้ม น้ำเสียงไร้ชีวิตชีวา “ไม่หรอก ในงานเลี้ยงมีผู้หญิงสวยๆ เยอะแยะ”
“พวกเธอจะเปรียบกับเธอได้ที่ไหนกัน!” เสิ่นเหลียงพูดจบ ถึงได้ตระหนักว่ามู่น่อนน่อนมีอะไรผิดปกติเกินไป “เธอเป็นอะไร เสียงเธอฟังดูไม่มีชีวิตชีวาเลย ที่งานเลี้ยงเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
มู่น่อนน่อนไม่ตอบ แต่ถามเธอว่า “เธออยู่บ้านเหรอ”
เสิ่นเหลียงส่งเสียงตอบ “อื้ม”
“งั้นฉันจะเข้าไปหาเธอ” มู่น่อนน่อนพูดจบก็วางสายไป แล้วแจ้งที่อยู่ของเสิ่นเหลียงกับคนขับ
เมื่อคนขับได้ยินที่อยู่ก็ถามมู่น่อนน่อนว่า “เพื่อนคุณเป็นดาราเหรอครับ”
ที่อยู่ของเสิ่นเหลียงคือย่านคนชั้นสูง มีดารามากมายอาศัยอยู่ที่นั่น ไม่ใช่ความลับในเมืองหู้หยาง
มู่น่อนน่อนจึงพยักหน้า “ค่ะ”
ตอนที่จะลงรถ คนขับรถแท็กซี่ยื่นเสื้อนอกของตัวเองให้มู่น่อนน่อน “ใส่ชุดกระโปรงแบบนี้ในฤดูหนาวมันหนาวเย็นเกินไป คุณยังต้องรอเพื่อนมารับคุณอีกสักพัก ใส่มันไว้จะได้ไม่หนาวจนเป็นหวัดครับ”