บทที่ 174 มอบให้ฉัน
มู่น่อนน่อนรู้อยู่แล้วว่ามู่หวั่นชีจะไม่ยอมแพ้ ตลอดทั้งวันเธอไม่ได้รับสายของมู่หวั่นชีเลย เกรงว่าตอนนี้มู่หวั่นชีโกรธจนระเบิดแล้ว
“มีเรื่องนิดหน่อย เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
เฉินถิงเซียวได้ยินเสียงของมู่หวั่นชี จึงถามเธอด้วยเสียงขุ่น “คุณอยู่ที่ไหน”
มู่น่อนน่อนไม่ได้พูดอะไรมาก แค่วางสายไปเลย
ตั้งแต่แรกมู่หวั่นชีมาหามู่น่อนน่อนเพราะสาเหตุมาจากเฉินถิงเซียว เธอจึงไม่อยากให้เฉินถิงเซียวมาที่นี่แล้วถูกมู่หวั่นชีเอาเปรียบ
อืม แม้ว่ามู่หวั่นชีจะมองเฉินถิงเซียวมากขึ้นแล้วก็ตาม เธอก็ยังคิดว่ามู่หวั่นชีจ้องจะเอาประโยชน์จากเขา
มู่หวั่นชีมองมู่น่อนน่อน ดวงตาเหมือนจะสามารถพ่นไฟออกมาได้ “มู่น่อนน่อน! ฉันตามหาเธอทั้งวัน เธอดีนี่ ยังมีแก่ใจมาแอบทานอาหารอยู่ที่นี่!”
น่าสนใจจริงๆ เธอต้องมาแอบทานอาหารด้วยเหรอ
“ทำไมฉันต้องไม่มีแก่ใจมาทานอาหาร และฉันก็ไม่ได้แอบ เพียงแต่ไม่อยากคุยกับเธอเท่านั้น” มู่น่อนน่อนชำเลืองมองมู่หวั่นชี สายตาเยือกเย็นเฉยชา ไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
ถ้าไม่ใช่ในที่สาธารณะ มู่หวั่นชีอยากกระโดดเข้าไปฉีกใบหน้าของมู่น่อนน่อนมากจริงๆ
มู่หวั่นชีพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เธอรู้อยู่แล้วว่า‘เฉินเจียฉิน’ก็คือเฉินถิงเซียวใช่ไหม แต่เธอกลับไม่บอกอะไรเลย ปล่อยให้พวกเราไม่รู้เรื่องรู้ราว! เธอนี่มันหน้าซื่อใจทรามจริงๆ!”
ตอนแรกเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนที่ถูกบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลเฉิน ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอหน้าซื่อใจทราม!
ปัง!
ไม่รอให้มู่น่อนน่อนพูด เสิ่นเหลียงก็ตบมือลงบนโต๊ะกระทืบเท้าลุกขึ้นยืน “มู่หวั่นชีคุณจะจบไม่จบ ตอนแรกคุณบังคับน่อนน่อนให้ช่วยคุณเพราะคุณรังเกียจเฉินถิงเซียว จึงให้น่อนน่อนช่วยแต่งงานเข้าตระกูลเฉินแทนคุณ ตอนนี้มารู้ว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนปกติแถมยังหล่อ ก็เลยเสียใจภายหลังจนวิ่งมาหาเรื่องน่อนน่อน ไม่ได้เอายางอายออกมาด้วยหรือไง”
มู่หวั่นชีรู้จักเสิ่นเหลียง
เมื่อก่อนเวลาที่เธอแกล้งมู่น่อนน่อน ได้เคยพบเสิ่นเหลียง จึงรู้ว่ามู่น่อนน่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ
เสิ่นเหลียงถูกเลี้ยงดูให้เติบโตมาด้วยกลิ่นอายความเย่อหยิ่งของการเป็นลูกคุณหนูมหาเศรษฐี เวลานี้เธอมองมู่หวั่นชีอย่างเย็นชา บวกกับเสียงตบโต๊ะดังลั่นเมื่อครู่ ทำให้มู่หวั่นชีเกิดความต่อต้านเล็กน้อย
มู่หวั่นชีเพิ่มเสียงขึ้น ให้พลังของตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหน่อย “นี่เป็นเรื่องของฉันกับมู่น่อนน่อน ไม่เกี่ยวกับคุณ!”
เสิ่นเหลียงเลิกคิ้วสีหน้าอันธพาล “ฉันด่าของฉัน มันเกี่ยวอะไรกับคุณ”
“คุณ…” มู่หวั่นชีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
มู่น่อนน่อนเรียกผู้จัดการร้านอาหารมา “รบกวนพาผู้หญิงคนนี้ออกไป การปรากฏตัวของเธอที่นี่ส่งผลต่ออารมณ์การทานอาหารของฉัน”
ผู้จัดการรีบเรียกบริกรสองคนมา ชี้ไปที่มู่หวั่นชีและพูดว่า “เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป”
มู่หวั่นชีโกรธจนน่าเขียว “พวกคุณทำอะไร ฉันมาทานอาหารนะ!”
เสิ่นเหลียงมักจะใช้จ่ายเงินเสมอ ทานอาหารก็ต้องเป็นร้านอาหารระดับไฮเอนด์ แม้แต่ผู้จัดการก็ได้รับการฝึกอบรมพิเศษในการจัดการอาหารและเครื่องดื่มที่ต่างประเทศ
เมื่อครู่มู่หวั่นชีโหวกเหวกโวยวาย ทำให้แขกคนอื่นไม่พอใจ ผู้จัดการจึงไม่สนว่าเธอจะพูดอะไร ให้บริกรทั้งสองตรงเข้ามาลงมือ ส่งสัญญาณให้พวกเขาเอามู่หวั่นชีออกไปโดยเร็ว
ทันทีที่มู่หวั่นชีไป ร้านอาหารก็เงียบสงบอีกครั้ง
เสิ่นเหลียงเอนกายพิงโซฟาแล้วพูดว่า “ร้านอาหารนี้มีการคิดค่าบริการเพิ่ม แต่ประสิทธิภาพการทำงานก็โอเค”
เฉินเจียฉินนั่งอยู่ข้างๆ ดูเรื่องตลกทั้งหมดเหมือนเป็นมนุษย์ล่องหน ตอนนี้เขาถึงเพิ่งพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “ขอโทษนะครับ เมื่อครู่นี้ที่ป้าคนนั้นพูดว่า ‘เฉินเจียฉินก็คือเฉินถิงเซียว’ หมายถึงอะไรครับ”
มู่น่อนน่อนเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่ายังมีเฉินเจียฉินอยู่ที่นี่ด้วย
เฉินเจียฉินเห็นมู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมามองตัวเอง จึงส่งเสียงถามต่อไป “พี่น่อนน่อนถูกบังคับให้แต่งงานกับญาติผู้พี่ของผมเหรอครับ”
คำถามของเด็กน้อยตรงไปตรงมามาก
มู่น่อนน่อนยังคิดดีๆ ไม่ได้ว่าจะพูดอะไร ก็พบว่าเสิ่นเหลียงยกคางขึ้นชี้ไปข้างหลังเธอ
เธอหันหน้าไป ก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังมาทางนี้
เขาสูงใหญ่ หลังตั้งตรง บุคลิกโดดเด่น ทันทีที่เข้าร้านอาหารก็ดึงดูดความสนใจของคนอื่น
โดยเฉพาะแขกผู้หญิง
มู่น่อนน่อนหรี่ตามองเฉินเจียฉิน
ต้องเป็นเฉินเจียฉินแน่ที่บอกสถานที่กับเฉินถิงเซียว
เฉินเจียฉินเขี่ยจมูกหันหน้าหนีแสร้งไม่รู้เรื่องรู้ราว
เสิ่นเหลียงยิ้มหน้าบานดั่งดอกทานตะวัน ลุกขึ้นยืนด้วยหน้าตาเป็นมิตรและเขยิบออกให้ที่แก่มู่น่อนน่อน “เจ้านายใหญ่ คุณนั่งตรงนี้เลยค่ะ!”
ก่อนหน้านี้มู่น่อนน่อนอธิบายเรื่องในข่าวให้มู่น่อนน่อนฟังแล้ว ดังนั้นเฉินถิงเซียวจึงเป็นเจ้านายใหญ่ที่ทรงพลังในใจของเสิ่นเหลียงอีกครั้ง เป็นผู้ชายดีที่เชื่อถือได้
“ขอบคุณครับ” เฉินถิงเซียวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงข้างมู่น่อนน่อน
ทั้งเสิ่นเหลียงกับเฉินเจียฉินจดจ่อดูเมนูด้วยกันอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ได้มองไปทางฝั่งมู่น่อนน่อนเลย
เฉินถิงเซียวจับมือของเธอและถามเธอเบาๆ “มู่หวั่นชีมาหาคุณเหรอ”
“ไปแล้ว” มู่น่อนน่อนพยักหน้า ก่อนหน้านี้อยู่ในสายเฉินถิงเซียวน่าจะได้ยินเสียงแล้ว จึงไม่ได้ปิดบังอะไร
“ไม่อยากสนใจก็ไม่ต้องสนใจ หรือว่าจะมอบให้ผม” น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำและเย็นชาอย่างคงเส้นคงวา แต่กลับเต็มไปด้วยความสบายอารมณ์และการตามใจ
มันดูเกินจริงเกินไป แต่กลับทำให้หัวใจของมู่น่อนน่อนอบอุ่น มันค่อนข้างพองโตเล็กน้อย ราวกับมีบางอย่างเอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
แต่เมื่อเธอคิดไปถึงที่ว่ามู่หวั่นชีอยากได้เฉินถิงเซียวมานาน จึงพูดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “เรื่องนี้ฉันจัดการเอง คุณไม่ต้องมายุ่ง และก็ห้ามเจอมู่หวั่นชีด้วย!”
ในน้ำเสียงมีอารมณ์หึงเข้มข้น เฉินถิงเซียวสัมผัสได้
มือข้างที่ว่างของเขากำขึ้นมาเป็นกำปั้นยกมาตรงปากแล้วกระแอมไอสองครั้งเพื่อซ่อนรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็ตอบอย่างจริงจังอีกครั้ง “อืม”
มู่น่อนน่อนเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังมองตัวเองอยู่ด้วยสายตาสว่างสดใส
รู้ว่าความคิดเล็กน้อยของตัวเองไม่รอดพ้นสายตาของเขา รู้สึกค่อนข้างเก้อเขิน จึงใช้มือข้างที่เขาจับอยู่จิกฝ่ามือของเขา
ฝ่ามือของเขาแห้งและอบอุ่น จิกไปก็ไม่เจ็บ
แต่เฉินถิงเซียวตั้งใจจะแกล้งเธอ ทำการโน้มตัวเข้าไปทำเหมือนต้องการจะจูบเธอ
ช่วงนี้ เมื่อใดก็ตามที่เขาจับเธอเขาจะจูบเธอสองครั้ง ก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร
มู่น่อนน่อนรีบถอยออก แต่เฉินถิงเซียวกลับจับไหล่เธอเอาไว้ และพูดด้วยเสียงขุ่นว่า “เส้นผมขมวดเป็นปมแบบนี้ คุณปิดบังอะไรน่ะ”
“……..” ฮ่าฮ่า
เฉินเจียฉินแอบยกสายตาจะมองมู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียว เสิ่นเหลียงรีบกดศีรษะของเขาลงและกระซิบว่า “ผู้ใหญ่พลอดรักกัน เด็กอย่าแอบดู”
เฉินเจียฉินมุ่ยปาก “ในคลาสเรียนของพวกผมก็มีคนพลอดรักกันครับ”
“งั้นคุณมีแฟนเหรอ”
“เปล่าครับ…”
เสิ่นเหลียงเยาะเย้ยเขา “เหอะ หมาโสด”
เฉินเจียฉิน “………”
ต่างคนต่างทานแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
มู่น่อนน่อนกับเฉินถิงเซียวกลับถึงบ้าน ก็เห็นอาหูออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
“คุณชาย คุณหญิงน้อย พวกคุณกลับมาแล้วเหรอคะ”
“อาหู” มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นว่าใบหน้าของอาหูแตกต่างไปจากเดิม
อาหูยิ้ม แต่กลับไปพูดกับเฉินถิงเซียวว่า “เมื่อครู่ทางบ้านเก่าโทรมาค่ะ บอกว่าพรุ่งนี้ให้พวกคุณกลับไปหา”