บทที่ 173 เปิดเผยตัวตนของเฉินถิงเซียว
ในตอนเช้า เสิ่นเหลียงโทรมาว่าจะไปโรงแรมเพื่อจับชู้ ชู้ที่จะจับก็คือเฉินถิงเซียว
ส่วนเฉินถิงเซียวที่ว่าก็อยู่ข้างเธอ เมื่อวานนี้กลับมาตอนเที่ยง แล้วทั้งสองไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย
เรื่องนี้ดูแล้วค่อนข้างน่าแปลกใจ
“เรื่องมันเป็นยังไง” มู่น่อนน่อนลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง “ตอนนี้เฉินถิงเซียวอยู่ข้างฉัน”
“ฮะ?” เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเหลียงก็แปลกใจมาก
เมื่อเฉินถิงเซียวได้ยินมู่น่อนน่อนพูดถึงเขาก็เหลือบสายตาขึ้นมองเธอ แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง นิ้วมือปัดบนหน้าจอ สุดท้ายก็ส่งไปตรงหน้ามู่น่อนน่อน
บนนั้นเป็นพาดหัวข่าวใหม่สดๆ ร้อนๆ พาดหัวสะดุดตาและเต็มไปด้วยลูกเล่น
“สิบกว่าปีที่ทายาทตระกูลเฉินไม่ปรากฏตัวได้เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแล้ว…กับผู้หญิงหลายคน…”
คีย์เวิร์ดเหล่านี้รวมเข้าด้วยกัน เข้าโจมตีมาส์กปิดตาของมู่น่อนน่อน สมองของเธอตื่นตัวขึ้นมาทันใด
เธอส่งเสียงพึมพำออกมาว่า “เสี่ยวเหลียง ตอนนี้เฉินถิงเซียวอยู่ข้างฉัน มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยที่หลัง”
วางหูไปแล้วมู่น่อนน่อนก็รับเอาโทรศัพท์มือถือของเฉินถิงเซียวมา คลิกกดเปิดข่าวดู
ภายในไม่เพียงแต่มีภาพของบุคคลซึ่งเป็นเฉินถิงเซียว แถมยังมีภาพของเขากับผู้หญิงอื่นเข้าออกโรงแรมด้วย
ข่าวล่าสุดระบุถึงขั้นที่ว่าเฉินถิงเซียวหาผู้หญิงหลายคนมาค้างคืนที่โรงแรมเมื่อคืนนี้
ตลอดมาเฉินถิงเซียวไม่มีการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ข่าวนี้ไม่เพียงเปิดเผยตัวตนของเฉินถิงเซียวเท่านั้น แม้แต่โฉมหน้าของเขาก็ยังเปิดเผยด้วย เสิ่นเหลียงจะเชื่อก็เป็นเรื่องปกติ
จู่ๆ เฉินถิงเซียวที่อยู่ข้างๆ ก็เอื้อมมือมาเอาโทรศัพท์มือถือในมือของเธอคืนไป น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เลิกดู มันเป็นภาพตัดต่อ”
มู่น่อนน่อนปล่อยให้เขาเอาโทรศัพท์มือถือไป ส่งเสียงถามเขาว่า “เรื่องนี้มันเป็นยังไง”
“ไม่ช้าก็เร็วตัวตนของผมต้องประกาศอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็ถูกหลัวหยิงรู้แล้ว ก็สู้ประกาศออกไปเลยดีกว่า”
มู่น่อนน่อนนึกถึงที่เขาพูดเมื่อวานนี้ว่า “ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ” ที่แท้นี่ก็คือความหมาย
“แต่ทำไมถึงทำแบบนี้” สายตาของมู่น่อนน่อนตกไปที่รูปถ่ายในข่าวบนโทรศัพท์มือถือ
ในภาพเป็นเฉินถิงเซียวเดินเข้าออกในสถานที่อย่างโรงแรมเป็นคู่ๆ กับผู้หญิงคนอื่น
ถึงเฉินถิงเซียวจะบอกว่าเป็นการตัดต่อ แต่ดูทีไรก็ค่อนข้างขัดหูขัดตา
“เดิมทีจะอาศัยหลัวหยิงเปิดเผยตัวตน ดังนั้นจึงแค่ใช้ประโยชน์เป็นผลพลอยได้เท่านั้น”
เฉินถิงเซียวอธิบายจบ เห็นมู่น่อนน่อนยังหน้าตึง จึงยื่นปากเข้าไปจูบเธอ
เขาแค่อยากจูบเธอ
มู่น่อนน่อนหันหน้าหนี “ยังไม่ได้แปรงฟัน”
“ผมไม่รังเกียจคุณ” เฉินถิงเซียวเอียงหน้าอีกครั้งแล้วไล่ตามเข้าไป
มู่น่อนน่อนยกมือขึ้นปิดปากเขา “ฉันรังเกียจคุณ”
เมื่อพูดจบ เธอก็ดึงผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง
เฉินถิงเซียวยังคงรักษาท่าทางที่มือข้างหนึ่งประคองข้างใบหน้าจะจูบเธอ ส่วนสายตามองตามเธอเข้าห้องน้ำไป
มู่น่อนน่อนปิดประตูห้องน้ำ ยืนอยู่หน้ากระจก
กระโปรงชุดนอนของเธอ เมื่อคืนเฉินถิงเซียวพาเธอไปอาบน้ำและช่วยใส่ให้เธอ
จากลำคอเข้าไปถึงขอบเสื้อตรงหน้าอก รอยแดงเป็นทางลากเข้าไปถึงข้างในเสื้อผ้า ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานความเอาแต่ได้ของเฉินถิงเซียว
ใจเธอรู้ดีว่าเฉินถิงเซียวใช้วิธีนี้ประกาศสถานะ เป็นวิธีเฉพาะหน้าที่สะดวกและเป็นธรรมชาติที่สุด แต่เมื่อเธอดูภาพในข่าว ก็ยังยากจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ไม่ดี
มู่น่อนน่อนค่อยๆ ล้างหน้าล้างตาแล้วออกมา พบว่าเฉินถิงเซียวเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่งตัวด้วยชุดสูทอย่างพิถีพิถัน
ในมือเขาถือเนคไท เห็นมู่น่อนน่อนออกมา จึงเหลือบสายตามามองเธอ และเอ่ยเสียงต่ำ “มานี่”
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไป เขาเอาเนคไทใส่มือของเธอ “รอผมออกมาช่วยผูกเนคไทให้ผมด้วย”
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
มู่น่อนน่อนมองเนคไทในมือ เกิดอาการค่อนข้างร้องไห้ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออก
ผู้ชายคนนี้นี่จริงๆ เลย…
……
มู่น่อนน่อนเพิ่งกลับมาจากการตามมู่เจิ้งซิวเดินทางไปเรื่องธุรกิจ วันนี้เป็นวันศุกร์อีกพอดี เธอจึงได้รับอนุญาตเป็นพิเศษให้หยุดเพิ่มอีกหนึ่งวัน
หลังจากที่เฉินถิงเซียวออกไป มู่น่อนน่อนตั้งใจจะไปหอบคอมพิวเตอร์มาเขียนต้นฉบับ
ถึงแม้ว่าครั้งก่อนที่เสิ่นเหลียงแนะนำผู้กำกับให้เธอนั้นเรื่องมันยุ่งเหยิงไปหมด แต่บทของเธอก็ยังต้องเขียน เธอไม่เชื่อว่าบทของตัวเองจะขายไม่ออก!
เธอกำลังจะเตรียมขึ้นไปชั้นบน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เอามันออกมาดู พบว่ามู่หวั่นชีโทรเข้ามา
มู่น่อนน่อนรู้ว่ามู่หวั่นชีโทรมาหาเธอทำไม จึงกดตัดสายทันที
ตัวตนของเฉินถิงเซียวเผยแพร่สู่สาธารณะ แน่นอนว่าคนที่ประหลาดใจที่สุดก็คือมู่หวั่นชี
ก่อนหน้านี้มู่หวั่นชียังจับตามองเฉินถิงเซียวที่เป็น“เฉินเจียฉิน” ยิ่งตอนนี้เธอรู้แล้วว่า“เฉินเจียฉิน”คือเฉินถิงเซียว จะต้องไม่รามืออย่างแน่นอน
มู่หวั่นชีโทรเข้ามาหลายครั้ง ซึ่งมู่น่อนน่อนก็ไม่ปิดเครื่อง เพียงแต่อดทนให้ตัดไปทีละสาย
เธอสามารถจินตนาการได้ว่ามู่หวั่นชีกำลังจมูกเบี้ยวหน้าบูดด้วยความโกรธจัด
มู่หวั่นชีเพียรพยายามดึงดันโทรเข้ามาเป็นสิบสาย แล้วท้ายที่สุดก็หยุดไป
ผ่านไปไม่นานมาก เซียวชู่เหอก็โทรเข้ามา จากนั้นก็มู่ลี่เหยียน…
แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้รับเลยสักสาย
ศีลธรรมของพวกเขา มู่น่อนน่อนไม่สามารถเข้าใจได้อีกต่อไป
เธอคงจะไม่คิดว่าพวกเขาโทรมาเพราะห่วงใยเธอ
กลับไปที่ห้องเพิ่งเอาคอมพิวเตอร์ออกมา โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเฉินเจียฉินโทรมา
“พี่น่อนน่อน ผมกับพี่เสี่ยวเหลียงออกมาช็อปปิ้ง คุณอยากมาเล่นสนุกด้วยกันไหมครับ”
เฉินเจียฉินกับเสี่ยวเหลียงงั้นเหรอ
เด็กน้อยนี่ไปนัดกับเสี่ยวเหลียงไปเล่นสนุกกันตั้งแต่เมื่อไร
เดิมทีมู่น่อนน่อนก็ไม่ได้มีใจอยากเขียนต้นฉบับอยู่แล้ว ดังนั้นจึงตกลง
เธอนั่งรถไปยังสถานที่ที่เฉินเจียฉินส่งมาให้เธอ หลังจากไปถึงจึงได้พบว่ามันคือสนามเด็กเล่น
เสิ่นเหลียงกับเฉินเจียฉิน ทั้งสองห่อหุ้มตัวมิดชิด มือถือไอศกรีมและสายไหม
แน่นอนว่าเสิ่นเหลียงมีอุปกรณ์ครบ จนไม่มีใครจำเธอได้
“ในที่สุดเธอก็มา!” เสิ่นเหลียงยื่นขนมสายไหมในมือที่ยังไม่ได้แตะไปให้มู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนรับมาแล้วพูดขึ้นนิ่งๆ “ช่วงนี้ดูเหมือนเธอจะว่างมากนะ”
ศิลปินที่กำลังเติบโตอย่างเสิ่นเหลียงน่าจะมีอีเวนท์มากมาย และตารางงานส่วนใหญ่ก็น่าจะเต็มแน่น
“ฉันยังกังวลเรื่องเธอ” เสิ่นเหลียงตาหลุกหลิก “มาเล่นกันเถอะ”
สามคนเล่นสนุกกันอย่างบ้าคลั่งทั้งช่วงบ่าย ระหว่างนั้นเฉินถิงเซียวโทรมาหามู่น่อนน่อน ซึ่งเธอก็ไม่ได้รับเช่นกัน
ทุกคนหาร้านทานอาหารมื้อค่ำ สายของเฉินถิงเซียวโทรเข้ามาอีกครั้ง
ทันทีที่รับสาย น้ำเสียงแฝงความโกรธของเฉินถิงเซียวก็ดังมา “อยู่ไหน ทำไมไม่รับสายเลย”
“เล่นอยู่ข้างนอก ไม่ได้ยิน” มู่น่อนน่อนรับสายไปมองเมนูไป ไม่ได้สังเกตถึงความโกรธในน้ำเสียงของเฉินถิงเซียว
ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมของผู้หญิงดังขึ้นในร้านอาหาร
“มู่น่อนน่อน!”
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็เห็นมู่หวั่นชีเดินเข้าประตูร้านอาหารมาด้วยท่าทีดุดัน
มู่หวั่นชีมองดูสายตาของเธอ มันดุร้ายราวกับศัตรูฆ่าบุพการี