บทที่198 กลัวว่าจะทะเลาะ
มู่น่อนน่อนพูดจบก็เปิดไฟ ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือกำลังจะออกไป
เฉินถิงเซียวบอกว่าเขาเหนื่อย แล้วเธอไม่เหนื่อยรึไง
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ต่างคนต่างสงบสติอารมณ์จะดีที่สุด
ทว่าเฉินถิงเซียวกลับไม่ยอมปล่อยเธอไปแบบนั้น
เขาขายาว พอลงจากเตียง เดินแค่สามก้าวก็ไปถึงหน้าเธอและขวางทางที่เธอกำลังจะไป
“ตอนนี้เธอโกรธอยู่” มู่น่อนน่อนหันหน้ามองเขา อารมณ์เย็นชาพอ ๆ กับเขา
เฉินถิงเซียวยื่นมือไปจับคาง สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย “เป็นเพราะเรื่องเมื่อตอนเช้าเหรอ?”
มู่น่อนน่อนไม่พูด เรื่องเมื่อตอนเช้าเป็นเพียงแค่สายชนวนเท่านั้น
ช่วงนี้ทั้งสองยุ่งเกินไป แม้ว่าจะอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน แต่ในทุกวันก็มีเพียงแค่ตอนเที่ยงคืนที่ตื่นมาเห็นหน้าเขา
เมื่อวานนัดกันไปกินข้าวที่โรงแรมจีนติ่ง มู่น่อนน่อนก็คิดว่าเฉินถิงเซียวจะมาตรงเวลา แต่เขาก็ยังมาสาย
แต่เขาก็อธิบายว่าเจออุบัติเหตุระหว่างทาง มู่น่อนน่อนก็ไม่ใช่คนที่ทะเลาะโดยไม่มีเหตุผล ปกติก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร
แต่วันนี้เช้ามาเธอก็ขึ้นคำค้นหายอดฮิตกับซือเฉิงหยู้แล้ว เธอรู้สึกกลุ้มใจ อีกทั้งเฉินถิงเซียวก็ยังทำน้ำเสียงตำหนิเธอแบบนั้น เธอจึงทนไม่ไหว
ในเรื่องของความรู้สึก หลายครั้งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะสนใจเพียงแค่ท่าทีของผู้ชาย
“วันนี้ดึกมากแล้ว ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก” มู่น่อนน่อนไม่อยากพูดเรื่องนี้กับเขาในตอนเที่ยงคืนจริง ๆ
ถึงยังไงพรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงาน ช่วงนี้เฉินถิงเซียวยุ่งเสียจนขาไม่แตะพื้น เธอหวังว่าปัญหาเล็ก ๆ ระหว่างทั้งคู่จะค่อยเป็นค่อยไป ค่อยคุยกันอีกหลังจากนี้
แต่ว่า ในช่วงเวลาพักผ่อนนี้ ทั้งสองคนแยกห้องนอนกันคงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ไม่อย่างนั้นเธอกังวลจริง ๆ ว่าจะทะเลาะกันขึ้นมาอีก
เฉินถิงเซียวพูดอย่างไร้ความรู้สึกมาหนึ่งประโยค “ได้”
จากนั้นเขาก็อุ้มเธอขึ้นมาบนเตียง กอดเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างเอาแต่ใจ “นอนเถอะ”
มู่น่อนน่อนพบว่า การใช้เหตุผลกับเฉินถิงเซียวนั้นไม่สามารถทำได้โดยสิ้นเชิง
เช้าวันที่สอง มู่น่อนน่อนถูกรบกวนจนต้องตื่น
พอเธอลืมตา ก็ต้องเผชิญหน้ากับดวงตาสีดำลึกคู่นั้นของเฉินถิงเซียว
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เธอยื่นมือไปจับมือเขาไว้ “นายทำอะไรน่ะ!”
เสียงตอนตื่นนอนแหบแห้งเล็กน้อย ฟังดูเหมือนเด็กน้อย
เฉินถิงเซียวขยับคิ้วเล็กน้อย และโน้มตัวไปจูบเธอตามแก้มแดงระเรื่อไปจนถึงโคนหู พูดด้วยเสียงหอบ ๆ “ช่วงนี้ยุ่งเกินไปแล้ว……”
เรื่องราวหลังจากนั้นมู่น่อนน่อนก็จำได้ไม่ค่อยชัดแล้ว
จำได้เพียง เขาย่อตัวลง ใช้โอกาสตอนที่เธอไม่มีสติ คุกคามและขู่ “ยังพูดว่าจะแยกห้องอีกไหม?”
มู่น่อนน่อนไม่ทันได้คิด กัดริมฝีปากแล้วส่ายหัว “ไม่แล้ว……”
“เด็กดีจริง ๆ ” เฉินถิงเซียวพูดชม
ในช่วงที่กำลังเบลอ ๆ อยู่นั้น มู่น่อนน่อนก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองและเฉินถิงเซียวยังทะเลาะกันอยู่……
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ
สุดท้ายเธอก็ยังคงไม่เข้าใจคำถามนี้ เพราะเธอเหนื่อยมากจนเผลอหลับไปในที่สุด
เฉินถิงเซียวอุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำ ระหว่างนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมาและพูดอย่างเบลอสะลึมสะลือว่า “ทำงาน”
เฉินถิงเซียวชโลมครีมอาบน้ำให้เธอ น้ำเสียงอ่อนโยนอย่างหาได้ยาก “ลาให้เธอแล้ว”
“อ้อ” มู่น่อนน่อนตอบกลับ และหลับตาอีกครั้งด้วยความง่วง
อุ้มเธอกลับไปยังเตียงนอนอีกครั้ง หลังจากที่ห่มผ้าให้เธอ เฉินถิงเซียวก็นั่งจ้องมองเธออยู่ข้างเตียง เขาหลับไม่สนิทมาตลอด หลังจากกอดมู่น่อนน่อนไว้ในอ้อมแขนแล้วก็หลับได้อย่างสบายใจ
ตอนกลางคืนแค่ในอ้อมกอดว่างเปล่า เขาก็จะตื่นขึ้นมา หลังจากนั้นก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง
เมื่อคืนได้นอนถึงเที่ยงคืน เขาก็รู้สึกว่ามู่น่อนน่อนได้หลุดออกไปจากอ้อมแขนของเขาไปอีกด้าน เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วกอดเธอในอ้อมแขนอีกครั้ง
สุดท้าย ปฏิกิริยาแรกของมู่น่อนน่อนก็ถือผลักเขาออก
เมื่อก่อนเธอไม่เป็นแบบนี้
นี่ทำให้เฉินถิงเซียวรู้สึกใจหวิว ๆ ขึ้นมา
ช่วงนี้เขายุ่งมาก ในหนึ่งวันทั้งสองเจอหน้ากันแค่บนเตียงเท่านั้น เมื่อสามวันก่อนยังไม่ทันได้ออกมากินข้าวด้วยกันทันเวลา ก็เจอกับอุบัติเหตุเล็ก ๆ บนถนน
เมื่อถึงโรงแรมจีนติ่ง ได้เห็นแววตาผิดหวังของมู่น่อนน่อน หัวใจของเขาก็หงุดหงิดไม่เป็นปกติ
แต่ว่า เขาเข้าไปบริษัทเฉินซื่อแล้วก็มีเรื่องมากมายให้จัดการ ต้องเอาอำนาจมาไว้ในมือของตัวเอง ถึงจะสะดวกยิ่งขึ้นในการตรวจสอบเรื่องของแม่หลังจากนี้
วันต่อมาก็มาเห็นคำค้นหายอดนิยมเกี่ยวกับมู่น่อนน่อนและซือเฉิงหยู้อีก หัวใจของเขาก็ยิ่งหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
มู่น่อนน่อนจิตใจละเอียดละอ่อน แม้ว่าจะโกรธก็ไม่ได้โวยวาย แต่กลับเป็นความสงบที่น่ากลัว
ถ้าหากว่าเธอโวยวาย ยังง่ายต่อการง้อสักหน่อย
แต่เธอสงบและมีสติมาก ถึงขนาดคิดว่าต้องทำงานในวันต่อมา จึงอยากแยกห้องนอน
แยกห้องนอนเหรอ?
ไม่มีทางหรอก
ชีวิตนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
ตื๊ด ตื๊ด——
โทรศัพท์ของเฉินถิงเซียวดังขึ้นมา
เป็นเฉินชิงเฟิงที่โทรเข้ามา
เฉินชิงเฟิงถามออกมา “ทำไมถึงลาล่ะ?”
“ไม่ค่อยสบาย” เพราะเรื่องเมื่อสักครู่ เสียงของเฉินถิงเซียวยังแหบอยู่นิดหน่อย ฟังดูก็เหมือนกับคนป่วย
เฉินชิงเฟิงได้ฟังก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแต่กำชับเขา “พักผ่อนให้มาก ๆ ล่ะ”
เมื่อวางสายไป เฉินถิงเซียวก็ยิ้มอย่างล้อเลียน
เขาคิดว่าตนเองคนถูกยาพิษของมู่น่อนน่อนเข้าแล้ว ถ้าไม่ได้เจอเธอก็คงไม่มีความสุข
……
มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร
ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังควงตะเกียบอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ
มู่น่อนน่อนชอบที่เขาใส่ชุดอยู่บ้านหน้าตาธรรมดาแบบนี้ เพราะแบบนี้ทำให้ดูแล้วเขาไม่เย็นชา แต่กลับอ่อนโยน
เป็นความอ่อนโยนที่เธอเห็นเพียงคนเดียว
เมื่อเฉินถิงเซียวสังเกตว่าเธอตื่นแล้ว เงยหน้าและยิ้มให้กับเธอ “ตื่นแล้วก็มากินข้าว”
มู่น่อนน่อนหันหัวกลับ ไม่อยากเห็นหน้าเขา
ผู้ชายไร้เหตุผล นั่นเป็นวิธีจัดการปัญหารึไง???
วินาทีต่อมา มู่น่อนน่อนก็รีบลงจากเตียงอย่างกะทันหัน “กี่โมงแล้ว?”
เธอยังต้องไปทำงานนะ!
เฉินถิงเซียวพูดเบา ๆ “ลาให้แล้ว”
มู่น่อนน่อนเพิ่งจะไปบริษัทเสิ้งติ่งได้ไม่กี่วัน ก็ต้องลางานเพราะเรื่องแบบนี้เหรอ?
เธอมองดูนาฬิกา ไปไม่ทันแล้ว ตอนนี้ก็10โมงกว่าแล้ว
ทั้งสองคนนั่งเผชิญหน้ากินข้าวกันบนโต๊ะ บรรยากาศยังคงแปลกประหลาดเล็กน้อย
มู่น่อนน่อนลังเลไปชั่วขณะ ก็ถามคำถามที่อยู่ในใจออกมา “นายคิดว่าพี่ใหญ่เป็นคนยังไง?”