มู่น่อนน่อนนั้นเข้าใจและรู้ทันคนบ้านตระกูลมู่
พวกเขาวางผลประโยชน์มาเป็นอันดับหนึ่ง คิดที่จะเก็บเกี่ยวผลประประโยชน์จากตัวเธออย่างเดียว แทบอยากจะกอบโกยดูดประโยชน์จากเธอมาเสียให้หมด
ครั้งนี้ข่าวได้แพ่กระจายไปทั่วหนังสือพิมพ์และเว็บอินเทอร์เน็ต บอกว่าเธอลงมืออย่างโหดร้ายกับคุณท่านเฉิน เป็นเหตุให้คุณท่านเฉินถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
คุณท่านเฉินนั้นสถานะแบบใดเหรอ
บุคคลที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในโลกธุรกิจ เป็นผู้มีอิทธิพล มีทรัพยากรทางการเงินที่แข็งแกร่ง สามารถพลิกแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือ เป็นผู้หลักผู้ใหญ่แห่งบ้านตระกูลเฉิน
ถ้าหากว่าคุณท่านเฉินไม่ฟื้นขึ้นมา ชีวิตน้อย ๆ ของมู่น่อนน่อนก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชย
คนบ้านตระกูลมู่วันนี้มาหาถึงที่บ้าน ก็แค่อยากจะมายืนยันความจริงของเรื่องนี้ จากนั้นก็ตัดขาดกับเธอ
เธอถูกตระกูลมู่หลอกใช้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แค่เพียงขยับเบาๆก็สามารถเดาความตั้งใจของพวกเขาได้แล้ว
ความจริงเป็นเครื่องยืนยัน ว่าสิ่งที่มู่น่อนน่อนคาดเดานั้นไม่มีผิด
คืนนั้น มู่ลี่เหยียนตีพิมพ์ลงสื่อว่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูกกับมู่น่อนน่อนแล้ว
เรื่องนี้ได้พาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง มู่น่อนน่อนอ่านข่าวรายงานนี้ซ้ำหลายครั้ง จากนั้นก็แคปภาพเก็บไว้ และก็สั่งให้บอดี้การ์ดไปซื้อหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับกลับมา
ไม่นานสายโทรศัพท์ของเสิ่นเหลียงก็ได้โทรเข้ามา
“เธอไม่น่าจะใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อมั้ง เขาทำน่าเกลียดกว่านี้อีกได้ไหม เธอไม่ได้เป็นคนผลักคุณท่านเฉินสักหน่อย เรื่องนี้ยังไม่ได้สืบให้กระจ่าง เขากลับรีบตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเธอ กลัวว่าจะโดนร่างแหไปด้วยล่ะสิ มันช่าง……”
เมื่อรับโทรศัพท์ขึ้น เสิ่นเหลียงก็ดุด่าต่อว่ามู่ลี่เหยียนยกใหญ่
จนกระทั่งเสิ่นเหลียงด่าเสร็จ มู่น่อนน่อนถึงได้กล่าวอย่างช้า ๆ : “ไม่มีอะไรให้น่าโกรธ พวกเขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร”
ตลอดที่ผ่านมา มู่ลี่เหยียนก็ไม่เคยเห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ
แม้แต่เรื่องรายงานที่ตัดขาดความสัมพันธ์พ่อลูก ก็เพื่อต้องการให้ตระกูลเฉินได้เห็นก็เท่านั้น
มู่น่อนน่อนพบว่า เธอในตอนนี้เริ่มเข้าใจมู่ลี่เหยียนขึ้นแล้ว
เธอหัวเราะเยาะตัวเอง : “ฉันจริงจังนะ เธอก็อย่าโกรธเพราะเรื่องนี้เลย ไม่ใช่หนึ่งครั้งสองครั้งสักหน่อย ครั้งนี้เขาตัดความเป็นพ่อลูกกับฉัน ต่อไปฉันก็คงลดความวุ่นวายลงบ้าง นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเสียอีก”
ทางฝั่งเสิ่นเหลียงเงียบไปสักพัก ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสิ่นเหลียงถึงได้เปล่งเสียงขึ้น : “เธอได้คุยกับเถ้าแก่ใหญ่หรือยัง แล้วเขาคิดเห็นอย่างไร”
“ไม่รู้” เมื่อเอ่ยถึงเฉินถิงเซียว น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนก็หดหู่ขึ้น
“ไม่รู้?” เห็นได้ชัดว่าเสิ่นเหลียงดูร้อนรนกว่าเธอ : “เขาคิดเห็นอย่างไรกันแน่ ปล่อยเรื่องนี้คาราคาซังไปแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หรือว่าจะปล่อยให้เธอไปติดคุกจริง ๆ ”
น้ำเสียงของเสิ่นเหลียงฟังแล้วเหมือนโมโหสุดๆ
สองสามวันมานี้มู่น่อนน่อนถึงแม้ว่าจะรู้สึกอึดอัดเพราะท่าทางการกระทำของเฉินถิงเซียว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเฉินถิงเซียวจะปล่อยให้เธอไปเข้าเรือนจำจริง ๆ
ตอนนี้เธอค่อนข้างสงบใจเย็น อีกทั้งยังเชื่อว่าเฉินถิงเซียวมีเรื่องปิดบังเธอ ไม่ได้สงสัยในตัวเธอแต่อย่างใด
มู่น่อนน่อนจึงต้องกลายมาเป็นคนที่ปลอบโยนเสิ่นเหลียงแทน : “ไม่เป็นไร เขาไม่มีทางปล่อยให้ฉันติดคุกหรอก”
มู่น่อนน่อนได้บอกเรื่องที่ตัวเองนั้นได้จากบ้านตระกูลมาแล้ว เสิ่นเหลียงจึงบอกว่าพรุ่งนี้จะมาหาเธอ
เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ลง มู่น่อนน่อนก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังมาจากด้านล่างตึก
เป็นเฉินถิงเซียวที่กลับมาแล้ว
มู่น่อนน่อนคลุมเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาจากห้องนอน เดินผ่านระเบียงทางเดินมาที่หน้าบันได แล้วโน้มตัวไปมองที่ห้องโถง
เฉินถิงเซียวเดินเข้ามาจากด้านนอก อาหูเดินเข้าไปต้อนรับ
อาหูกล่าวถามเขา : “ คุณผู้ชายยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม มีอาหารที่ทำเสร็จไว้แล้ว ดิฉันจะไปอุ่นให้”
เฉินถิงเซียวโบกมือปฏิเสธ เแล้วก็เดินมุ่งขึ้นมาบนตึก
ทันใดนั้น เหมือนเขาจะรับรู้ว่ามู่น่อนน่อนอยู่ข้างๆ จึงได้เงยหน้าขึ้นมองไปทิศทางของมู่น่อนน่อน
จากนั้นเขาก็ยกเท้าก้าวเร็วขึ้นที่แทบจะเป็นการวิ่งขึ้นตึกไป
เฉินถิงเซียวยืนอยู่ด้านหน้าเธอแล้วกล่าว : “ยืนอยู่ตรงนี้ทำไม กลับเข้าห้อง”
น้ำเสียงที่ออกคำสั่งของเขา มู่น่อนน่อนนั้นชินแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
“อือ” มู่น่อนน่อนตอบรับคำไปแล้วแต่เท่านั้นกลับไม่ได้ขยับ
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวระคนไปด้วยความหงุดหงิด : “มู่น่อนน่อน! ไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือไง”
เอวของมู่น่อนน่อนที่พิงอยู่กับราวจับ แววตาและน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง : “กลับห้องมันไกล เดินมันเหนื่อย”
เธอเห็นสีหน้าของเฉินถิงเซียวดำหม่นลง ในใจจึงรู้สึกสะใจยิ่งนัก
ตอนที่คุณท่านเฉินเพิ่งถูกส่งไปที่โรงพยาบาลนั้น คำเหล่านั้นที่เขาพูดออกมา ทำให้เธอนั้นตกใจจริง ๆ
ในตอนเช้า เธอต้องการจะเค้นคำพูดของเฉินถิงเซียว แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวตีสลบไป
เฉินถิงเซียวคนนี้ ปากแข็งราวกับถูกเชื่อมติดไว้ก็ไม่ปาน ในเมื่อเค้นความจริงออกมาไม่ได้ อย่างนั้นก็คงใช้วิธีต่อต้านเขา หาความสมดุลสักหน่อย
ในความคิดเธอ ตามนิสัยของเฉินถิงเซียว จะต้องอุ้มเธอกลับเข้าไปในห้อง
แต่ว่าเฉินถิงเซียวกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น
เขามองมู่น่อนน่อนนิ่งๆ น้ำเสียงเคร่งขรึม : “คุณปู่ยังนอนไม่ฟื้นอยู่ที่ห้องไอซียู”
มู่น่อนน่อนชะงักไปชั่วครู่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ : “ขอโทษ”
ไม่ว่าเฉินถิงเซียวจะมีเรื่องอะไรปิดบังเธอ แต่ว่าเวลานี้คุณท่านเฉินนั้นนอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
มู่น่อนน่อนพูดจบก็หันหลังเดินมุ่งเดินไปที่ห้องนอน
เฉินถิงเซียวที่อยู่ด้านหลังเธอ จ้องมองแผ่นหลังของเธอสองสามวินาที แล้วก็เดินตามไป
เมื่อเฉินถิงเซียวเข้าประตูมา มู่น่อนน่อนได้กล่าวขึ้น : “ฉันอยากจะไปเยี่ยมคุณปู่
เฉินถิงเซียวปฏิเสธไปตรง ๆ : “คุณไม่ต้องไปหรอก”
มู่น่อนน่อนคิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธเธอตรง ๆ แบบนี้ เธอชะงักค้างชั่วครู่ ถึงได้กล่าวขึ้น : “ฉันก็แค่อยากจะไปเยี่ยมท่าน”
ในน้ำเสียงซ่อนด้วยการขอร้อง
เฉินถิงเซียวเม้มปากราวกับเริ่มใจอ่อน
มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาแล้วรออย่างมีความหวัง แต่เข้ากลับพูดอย่างเย็นชา : “คุณตอนนี้เหมาะที่จะอยู่แต่ในบ้าน”
มู่น่อนน่อนจับผมด้วยความหงุดหงิด หันหลังแล้วถอดผ้าคลุมขึ้นไปบนเตียง : “ก็ได้ ฉันจะนอนแล้ว คุณไปเถอะ”
ตอนนี้เธอเห็นเฉินถิงเซียวแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด
เหมือนกับก้อนหินก็ไม่ปาน ไม่สามารถเค้นอะไรออกมาได้เลย อะไรก็ไม่บอกเธอสักอย่าง
เธอปิดตาลง และก็ได้ยินเสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้นอีก
“คุณให้บอดี้การ์ดออกไปซื้อหนังสือพิมพ์เหรอ”
น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนก็เย็นชาเช่นกัน : “ในเมื่อรู้แล้ว จะถามฉันอีกทำไม”
เธอนึกว่าเฉินถิงเซียวยังจะพูดอะไรต่ออีก แต่ผิดคาดเสียงที่ได้ยินกลับเป็นเสียงปิดประตู
มู่น่อนน่อนลุกขึ้นนั่งจากบนเตียง
ท่าทีของเฉินถิงเซียวทำให้เธอเริ่มสงสัยว่าตัวเองคิดผิดไปหรือเปล่า
คุณท่านเฉินสำหรับเฉินถิงเซียวแล้วสำคัญมาก ส่วนเธอกับเฉินถิงเซียวเพิ่งจะอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือน
และเธอก็ไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เฉินอินหย่าบอกว่าเพราะเรื่องของฉินสุ่ยซานเธอก็เลยลงมือทำร้ายคุณท่านเฉิน เหตุผลนี้ถึงแม้ว่าจะไกลตัว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความน่าเชื่อถือซะทีเดียว
ถ้ามองจากมุมของเฉินถิงเซียว เป็นเหตุผลเพียงพอที่เชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของมู่น่อนน่อน
และถ้ามองจากมุมของมู่น่อนน่อนเอง ก็จะรู้สึกว่าเรื่องนี้มีแต่ช่องโหว่มากมาย มีคนจงใจใส่ร้ายเธอ
จะไม่สามารถรออยู่นิ่งๆแบบนี้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็วเธอจะต้องเป็นบ้าแน่ ๆ