เพื่อทดสอบว่าเฉินถิงเซียวคอยบงการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังหรือไม่ มู่น่อนน่อนก็กลับไปยังที่พักก่อนหน้าที่เธออาศัยอยู่
ในตอนที่เธอใกล้จะถึงที่หน้าประตู ก็เห็นรถของตำรวจ และตรงลานประตูสวนของเพื่อนข้างบ้านก็ยังมีเทปกั้นพื้นที่ของตำรวจอยู่
มีตำรวจคนหนึ่งเห็นเธอ ก็คิ้วขมวดแล้วพูดว่า“ คุณทำอะไร ?”
มู่น่อนน่อนเดินเข้าไปหา แล้วชี้ไปยังที่บานประตูห้องที่เธอเช่าอยู่ “ฉันพักอยู่ที่นี่”
เมื่อตำรวจได้ยินว่าเธอพักอาศัยอยู่ที่นี่ ก็หันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับคนข้างๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า“ คุณผู้หญิง เรามีเรื่องอยากรบกวนถามคุณหน่อย ”
“ได้ค่ะ”มู่น่อนน่อนก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น จึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
ตำรวจก็เริ่มสอบถามมู่น่อนน่อนตามหลักปฏิบัติทั่วไป มู่น่อนน่อนก็ตอบไปทุกๆคำถาม
และจนสุดท้ายมู่น่อนน่อนก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เด็กวัยรุ่นที่อยู่บ้านข้างๆกับเธอ ได้กระทำความผิดมาจริงๆ
ซิ่งรถชนคนตาย ลักขโมย และยังกระทําชําเราเด็กหญิง……
แม้ตำรวจจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่มู่น่อนน่อนฟังเข้าใจได้เอง
มู่น่อนน่อนนึกไปถึงก่อนหน้า ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอเธอเข้าห้องน้ำ
หากตอนนั้นเธอไม่ระแวง ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในห้อง เธอในตอนนี้จะยังมีชีวิตอยู่ไหม ?
เรื่องนี้มันทำให้มู่น่อนน่อนถึงกับเสียวสันหลัง และรู้สึกหวาดกลัว
ผู้ใหญ่สามารถคิดวิเคราะห์ยับยั้งชั่งใจได้มากกว่า ต่อให้ทำเรื่องไม่ดีลงไปก็จะคิดถึงผลที่ตามมา แต่เด็กอายุสิบกว่าปีแบบนี้ พวกเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น จึงยิ่งบุ่มบ่ามและยิ่งไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา
เมื่อตำรวจเห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนไม่สู้ดี จึงได้มองสำรวจไปที่ท้องของเธอ“สามีคุณไม่อยู่บ้านเหรอ ?”
มู่น่อนน่อนนิ่งอึ้งไปแล้วตอบกลับว่า“งานเขายุ่งมากค่ะ”
ตำรวจพยักหน้า“ขอให้คุณโชคดี ตอนนี้ที่นี่ปลอดภัยแล้ว”
มู่น่อนน่อนยิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ รบกวนคุณแล้ว”
แม้ตำรวจจะบอกว่าที่นี่ปลอดภัยแล้ว แต่มู่น่อนน่อนก็ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
เมื่อก่อนที่เลือกอยู่ที่นี่ ก็เพราะอยากจะดูแลลูกในท้องอย่างสบายใจ
และเธอในตอนนี้ก็กำลังรอที่จะคลอด
อีกเหตุผลหนึ่ง ก็ย่อมต้องเป็นเพราะเฉินถิงเซียว
แม้ว่ามู่น่อนน่อนจะพักอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่าสี่เดือนแล้ว แต่ข้าวของของเธอไม่ได้มีมากอะไร แค่กระเป๋าเดินทางใบเดียวก็เก็บของที่มีได้ทั้งหมด
ตอนที่เธอลากกระเป๋าเดินทางออกมา ตำรวจคนนั้นก็ยังอยู่ และไม่มีใครเฝ้าสังเกตมองดูเธอ
หลังจากที่เธอไปแล้ว อีกฝั่งหนึ่งก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมา
คนหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “โทรหาผู้ช่วยสือ”
……
โรงแรมจีนติ่ง
ในห้องรับรอง กู้จือหยั่นนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ จับจ้องมองไปยังที่ประตู ขาดก็แต่จะมองให้ประตูทะลุเท่านั้น
และในตอนนี้เอง ประตูของห้องรับรองก็ถูกเปิดออกจากคนด้านนอก มีเฉินถิงเซียวที่เดินเข้ามา
ทันทีที่เห็นเฉินถิงเซียว กู้จือหยั่นก็รีบลุกขึ้น แล้วรีบดึงเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างออกให้อย่างเอาอกเอาใจ “ตอนนี้อยากจะกินข้าวกับนาย ก็ต้องจองคิวนัดล่วงหน้าถึงจะได้……”
เฉินถิงเซียวนั่งลงและไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะดูเมนูอาหาร เหลือบมองไปยังกู้จือหยั่นอย่างเย็นชา“นัดฉันมามีธุระอะไร?”
กู้จือหยั่นกลอกตามองบน“ไม่มีธุระอะไรกินข้าวกับนายไม่ได้เหรอ ? ล่าสุดที่เราเจอกันก็น่าจะปีที่แล้วเห็นจะได้มั้ง?”
เฉินถิงเซียวนิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็พูดคำตอบที่ถูกต้องไปว่า “เดือนก่อน”
“ฉันว่านาย……”กู้จือหยั่นพูดไปได้แค่ไม่กี่คำ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพลางพูดว่า“ฉันขอรับสายก่อน ”
เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก็พบว่าเป็นสายที่สือเย่โทรเข้ามา
กู้จือหยั่นมองไปที่เฉินถิงเซียวแวบหนึ่ง แล้วกดรับสาย “ทำไมถึงได้โทรมาหาฉัน ?”
สือเย่เพียงถามแค่ว่า“ตอนนี้คุณอยู่กับคุณผู้ชายไหม ? ”
“ใช่ เราอยู่ที่โรงแรมจีนติ่ง หาเขามีธุระเหรอ ?”กู้จือหยั่นตอบกลับ แล้วก็มองไปที่เฉินถิงเซียวแวบหนึ่ง
เฉินถิงเซียวรับรู้ได้ถึงสายตาที่กู้จือหยั่นมองมา ย่นคิ้วเล็กน้อย “สือเย่?”
สือเย่ที่อยู่ในสาย ได้ยินเสียงของเฉินถิงเซียว
สือเย่เช็ดไปยังเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นตามหน้าผาก เมื่อกี้ได้รับข่าวมา ว่ามู่น่อนน่อนไม่เพียงไม่ได้ไปเช่าห้องที่พวกเขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่กลับคืนห้องเช่าเดิมอีกด้วย
ซึ่งนั้นก็หมายความว่า มู่น่อนน่อนคงรู้แล้วว่าเฉินถิงเซียวนั้นคอยจัดแจงทุกอย่างให้อยู่
หากเฉินถิงเซียวรู้ว่าคนที่เขาส่งไปถูกมู่น่อนน่อนจับได้แล้ว จะคลุ้มคลั่งแค่ไหนกัน ?
สือเย่ไม่กล้าที่จะรายงานเรื่องนี้ให้กับเฉินถิงเซียวได้รู้ จึงอยากให้กู้จือหยั่นช่วย……
ผลคือ เขาก็ไม่คิดว่ากู้จือหยั่นกับเฉินถิงเซียวจะอยู่ด้วยกัน……
กู้จือหยั่นไม่รู้ความคิดอ่านของสือเย่ จึงถามไปว่า “นายจะหาเฉินถิงเซียวเหรอ ? จะคุยกับเขาไหม ? ”
สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสือเย่ก็เริ่มทำงาน น้ำเสียงขึงขังและจริงจังขึ้นมา “ไม่ต้องให้คุณผู้ชายรับสายหรอกครับ คุณช่วยบอกคุณผู้ชายให้หน่อย ว่าคนที่เราส่งไปถูกคุณหญิงน้อยจับได้แล้ว ”
คำพูดสุดท้ายยังไม่ทันได้พูดจบ สือเย่ก็รีบวางสายไป
กู้จือหยั่นโยนมือถือไปอีกทาง ถามเฉินถิงเซียวด้วยความสงสัยไปว่า“เขาให้ฉันบอกนาย ว่าคนที่พวกนายอะไรส่งไปถูกคุณหญิงน้อยจับได้แล้ว ”
หลังจากที่พูดจบ กู้จือหยั่นถึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้มันแปลกๆ
“คุณหญิงน้อยอะไร?”กู้จือหยั่นถามเองตอบเอง “มู่น่อนน่อน?”
“คุณหญิงน้อย”ที่สือเย่พูดถึง ก็คือมู่น่อนน่อนไม่ใช่เหรอ ?
ในช่วงครึ่งปีมานี้ กู้จือหยั่นเจอหน้าเฉินถิงเซียว แทบจะนับครั้งได้เลย
เพราะเฉินถิงเซียวนั้นยุ่งมาก
ยุ่งกับการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของบริษัท ยุ่งกับการประชุม ยุ่งกับการเดินทางดูงานนอกพื้นที่ ……
เขายุ่งมากจนกู้จือหยั่นต้องทำการนัดล่วงหน้า เพื่อที่จะได้เจอเขา เพราะฉะนั้นกู้จือหยั่นจึงไม่มีโอกาสเจอเขาเพื่อสอบถามเรื่องของมู่น่อนน่อน
ในใจของเขายังงงๆ ทำไมอยู่ๆเฉินถิงเซียวถึงไม่ไปตามหามู่น่อนน่อน ไม่คิดว่าเฉินถิงเซียวจะยังมีแผนสำรอง
“พวกไร้ประโยชน์!”
เสียงของเฉินถิงเซียวดังขึ้น น้ำเสียงอันเย็นเยือกยังแฝงไปด้วยความกรุ่นโกรธ
กู้จือหยั่นไหวพริบดี คิดทบทวนทั้งหมดอีกรอบ ก็เข้าใจทุกอย่างได้ในทันที
เขาเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของเฉินถิงเซียว ก็พินิจพิเคราะห์แล้วถามไปคำหนึ่งว่า“มู่น่อนน่อนคงน่าจะใกล้คลอดแล้วใช่ไหม ? ”
เฉินถิงเซียวไม่แม้แต่จะมองเขา ลุกขึ้นยืนแล้วพลางพูดขึ้นว่า “กำหนดคลอดต้นเดือนกรกฎาคม”
“นายจะไปแล้ว ? เรายังไม่ได้กินข้าวกันเลยนะ ?”เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะไป กู้จือหยั่นก็ลุกขึ้นยืนตาม
เฉินถิงเซียวไม่ได้สนใจเขา
กู้จือหยั่นร้องห้าม“คนที่นายส่งไปถูกมู่น่อนน่อนจับได้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกมั้ง ? อย่างมากนายก็ส่งคนที่เธอไม่คุ้นหน้าไปอีก……”
“ไม่”เฉินถิงเซียวพูดด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์“เธอเป็นคนระมัดระวังตัวมาก ครั้งนี้เธอจับได้ ส่งคนไปตามดูเธออีก คงยากแล้ว ”
กู้จือหยั่นส่ายหัวไปมา ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า“ในเมื่อแอบตามไม่ได้ งั้นก็เผยตัวตน นายไปตามเธอกลับมา ในเมื่อยังไงเธอเองก็ใกล้จะคลอดแล้ว ”
เฉินถิงเซียวนิ่งไปชั่วขณะ
พามู่น่อนน่อนกลับมา ?
คิดว่าเขาไม่คิดเหรอ ?
เขาคิดอยู่ทุกวันว่าอยากจะไปพาตัวมู่น่อนน่อนกลับมา
จากนั้น ก็เก็บเธอไว้ให้อยู่ใกล้ๆตัวตลอดเวลา