มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็หันหน้ากลับไปทำอาหารต่อ
เฉินถิงเซียวเดินเข้าไปหา จากนั้นก็กอดเธอจากทางด้านหลัง ตอนที่พูดออกมาก็มีลมหายใจอุ่นๆ พ่นรดบนกระหม่อมของเธอด้วย “ทำของอะไรอร่อยๆ เหรอ?”
“ของชอบคุณทั้งหมดเลย” มู่น่อนน่อนที่ถูกเขากอดอยู่ จนทำให้ขยับตัวไม่ถนัด เลยใช้ข้อศอกในการกระทุ้งเขาเล็กน้อย “ปล่อยนะ อย่ามาเกะกะตอนฉันทำกับข้าวอยู่สิ”
มันช่างยากมากกับการที่เฉินถิงเซียวจะเชื่อฟังจนยอมปล่อยมู่น่อนน่อน และมองเธอทำกับข้าวอยู่ด้านข้าง
เขาหันศีรษะออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ตอนที่เพิ่งมาก็รีบร้อนมาก เลยไม่ได้สนใจเรื่องเวลาเลย
เมื่อเขากลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อดูนาฬิกา ก็เห็นว่าหนึ่งทุ่มกว่าไปแล้ว
นี่เขานอนขนาดนี้เลยเหรอ
พอตอนเดินกลับมาที่ห้องครัว มู่น่อนน่อนก็หยิบชามเตรียมตักข้าวแล้ว
เฉินถิงเซียวหยิบเอากับข้าวหลายอย่างที่วางอยู่ตรงอ่างล้างหน้าจัดวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อยกข้าวออกมา
ก่อนที่มู่น่อนน่อนจะมานั่งลงที่โต๊ะอาหารนั้น ก็อดไม่ได้จนต้องแอบอมยิ้มขึ้นมา
“หัวเราะอะไร?” เฉินถิงเซียวเหลือกตาขึ้น มองมาทางเธอ
มู่น่อนน่อนส่ายหน้า “ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่าตอนนี้คุณเป็นพ่อบ้านมาก”
เฉินถิงเซียวเกิดอาการไม่พอใจกับคำพูดคำจาของเธอเลย “เมื่อก่อนผมไม่เป็นพ่อบ้านเหรอไง? ”
เมื่อก่อน?
เมื่อก่อนเฉินถิงเซียวเป็นคุณชายเต็มขั้น หยิ่งจองหองที่สุดเลย
ตอนที่พวกเขาอยู่ที่วิลล่านั้น เขาเคยเข้ามาในห้องครัวเมื่อไหร่กัน
มู่น่อนน่อนได้แต่เม้มริมฝีปากและยิ้มตรงมุมปาก ไม่ยอมตอบกลับ
เพราะให้เธอไปพูดจาโกหกมดเท็จ มันก็เป็นไปไม่ได้
เฉินถิงเซียวส่งเสียงงึมงำในลำคอ และเริ่มกินข้าวทันที
……
ช่วงโพล้เพล้งีบหลับไปสักพัก พอตกค่ำ มู่น่อนน่อนก็เกิดอาการนอนไม่หลับ
เธอนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงอยู่สักพัก จากนั้นก็ถามเฉินถิงเซียวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เขาอยู่ที่เมืองM
“พวกของเสี่ยวฉินจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอคะ?” เฉินถิงเซียวพูดไว้ก่อนแล้ว ว่าเขาจะกลับมาก่อนคนอื่น
เฉินถิงเซียวยื่นมือออกไปโอบเธอเข้าสู่อ้อมอก “ออกเดินทางวันนี้ พรุ่งนี้ก็มาถึงแล้ว”
“เรื่องพ่อของเขา มันเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ใช่ไหม?” มู่น่อนน่อนก็เหมือนกับเฉินถิงเซียว ที่ยังคงสงสัยในเรื่องนี้
เฉินถิงเซียวครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งมาแบบนี้”
มู่น่อนน่อนได้ยินน้ำเสียงที่มีความหมายเป็นอื่น เลยถามกลับ “แล้วคุณล่ะ? คุณคิดเห็นยังไง?”
“แล้วคุณรู้สึกว่าผมจะคิดเห็นอย่างไรล่ะ?” เฉินถิงเซียวก้มหน้าลง พลันยื่นมือออกมาบีบปลายจมูกของมู่น่อนน่อนเอาไว้
มู่น่อนน่อนปัดมือของเขาออก แต่เขากลับใช้นิ้วมือปีดขนตาของเธอ พลางถอนหายใจออกมา “ยาวขนาดนี้เชียว?”
มู่น่อนน่อนไม่ได้ลืมตา พลันหรี่ตาเพื่อหลบหลีกมือของเขา “คุณยาวกว่า ไปเล่นของตัวเองเลยไป”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวเริ่มหยอกล้อเล็กน้อย “ตรงไหนยาวเหรอ?”
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าตนเองถูกเฉินถิงเซียวทำให้เสียนิสัยไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เป็นประโยคที่ฟังแล้วก็ไม่มีอะไรสองแง่สองง่าม แต่พอเธอฟังในสิ่งที่เขาพูดออกมามันกลับไปเป็นแบบนั้นไปเสียนี่
เฉินถิงเซียวเอนตัวลง เพื่อจ้องมองเธอ และถามกลับอย่างจริงจัง “ไม่ยอมพูดแล้วเหรอ? คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ผมแค่พูดว่าขนตาของผมยาวไม่เท่าคุณเท่านั้นเอง….”
มู่น่อนน่อนกดเขาลงเตียงนอนทันที “นอนเลย!”
“รุนแรงขนาดนี้เลย”
“ยังมีรุนแรงกว่านี้อีก หรือคุณจะไปนอนบนโซฟา” หน้าด้านชะมัด!
เหมือนว่าเฉินถิงเซียวกำลังต่อปากต่อคำกับเธอ และพูดออกมาเฉยเมย “ห้องรับแขกไม่มีแอร์ มันร้อนมาก”
มู่น่อนน่อนขี้เกียจจะสนใจเขาอีกแล้ว เลยจัดการเอาผ้าห่มมาคลุมโปง และนอนหลับไปเลย
……
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สือเย่ก็มารับตัวเฉินถิงเซียวไป
วันนี้พวกเขาเฉินชิงเฟิงกลับมายังเมืองหู้หยาง เธอกับเฉินถิงเซียวก็ต้องกลับมาแสดงละคร “คู่สามีภรรยาที่หย่าร้าง” แล้ว
ด้านล่างของอพาร์ทเม้นท์ สือเย่เห็นเฉินถิงเซียวเดินมาหา ก็ลงจากรถไปเปิดประตูให้เขาทันที พร้อมทั้งพูดด้วยความเคารพ “สวัสดีตอนเช้าครับคุณชาย”
เฉินถิงเซียวก็ตอบกลับมาอย่างที่ไม่เคยทำ “Morning”
จากนั้นก็ย่อตัวลงเพื่อเข้าไปนั่งด้านในรถยนต์
สือเย่ถึงกลับตะลึงอยู่ท่ามกลางสถานการณ์นั้นทันที
ซึ่งปกติแล้ว เขาพูดทักทายกับเฉินถิงเซียวอะไรก็ตาม เฉินถิงเซียวก็ตอบกลับมาคือ “อื้อ” หรือว่าแค่พยักหน้าเท่านั้นเอง
แต่วันนี้กลับตอบกลับเขาด้วยคำว่า “Morning” ดูจากอาการแล้ววันนี้เฉินถิงเซียวอารมณ์ดีมากจริงๆ
สือเย่ปิดประตูรถ จากนั้นก็เดินอ้อมไปอีกทางเพื่อไปยังที่นั่งคนขับ
เขามองผ่านกระจกหลัง ก็เห็นใบหน้าเฉินถิงเซียวชุ่มชวยกระฉับกระเฉง
สือเย่ถึงกลับอดใจส่ายหน้าไม่ไหว นี่แหละคือพลังแห่งความรัก
ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านในของบริษัทเฉินซื่อ
แม้ว่าเฉินถิงเซียวจะแหกหน้าเฉินชิงเฟิงไปแล้วก็ตาม แต่สีหน้าอันสงบเสงี่ยมก็ยังต้องรักษาไว้หน้าอยู่
เฉินมู่ยังอยู่ในมือของเฉินชิงเฟิง เฉินถิงเซียวไม่กล้าลงมือกระโตกกระตาก
ส่วนบริษัทเฉินซื่อก็ต้องอาศัยการบริหารงานจากเฉินถิงเซียว เฉินชิงเฟิงไม่กล้าจะทำอะไรกระโตกกระตากเช่นเดียวกัน
ทั้งสองคนต่างรักษาระยะกันอยู่ ยังไม่มีใครคิดจะเริ่มลงมือในเวลานี้
มู่น่อนน่อนใส่ใจเรื่องของเฉินมู่มาก เฉินถิงเซียวเองรับรู้เรื่องนี้อยู่ในใจอย่างชัดเจนดี
ถ้าไม่มีความมั่นใจอย่างเต็มที่แล้ว เขาทำได้แค่อยู่ที่บริษัทเฉินซื่อต่อไป เพื่อช่วยเฉินชิงเฟิงบริหารบริษัทเฉินซื่อต่อ และเป็นตัวแทนของเขาในการเป็นคลื่นลูกใหม่หน้าจับตามองของมหาเศรษฐีชั้นนำ
คนอื่นดูภายนอกว่าตระกูลมีมหาเศรษฐีคลื่นลูกใหม่หน้าจับตามอง แต่กลับไม่รู้ว่าภายในนั้นมันเน่าเฟะไปหมดแล้ว
นี่ก็เป็นเหตุผลที่หลายปีมานี้เฉินถิงเซียวไม่ยอมกลับไปที่บ้านเก่า
แม้ว่าเฉินชิงเฟิง หรือว่าญาติพี่น้องคนอื่นในตระกูลเฉิน ทุกคนต่างอาศัยบริษัทเฉินซื่อในการรักษาสถานะและชื่อเสียงเอาไว้ ดังนั้นทุกคนต่างสามารถลงมือทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ในเป้าหมายของตนเอง
เฉินถิงเซียวเพิ่งเข้าลิฟต์มา โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เมื่อหยิบออกมาดู ก็เห็นว่ากู้จือหยั่นเป็นคนโทรเข้ามา
โทรเข้ามาหาเขาตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของบริษัทเสิ้งติ่งทางนั้นแน่
เฉินถิงเซียวกดรับโทรศัพท์ และเอ่ยปากถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
น้ำเสียงของกู้จือหยั่นเริ่มผิดปกติเล็กน้อย แถมยังพูดอ้ำ ๆ อึ้งๆ อีกต่างหาก “นายกลับประเทศมาหรือยัง?”
เฉินถิงเซียวตอบกลับ “กลับมาแล้ว”
สือเย่เดินตามหลังเขาเข้ามา ตอนที่ประตูลิฟต์ปิดลง ในลิฟต์ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้แล้ว
รอจนเมื่อเวลาออกจากลิฟต์แล้ว เฉินถิงเซียวถึงได้โทรศัพท์กลับไปหากู้จือหยั่น
เฉินถิงเซียวเดินมุ่งหน้ามาทางห้องทำงาน และพูดว่า “เมื่อครู่ในลิฟต์ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ มีธุระอะไรก็พูดมาเลย”
กู้จือหยั่นที่อยู่ฝั่งนั้นเงียบไปชั่วครู่ ถึงได้ยินน้ำเสียงความสงสัยของเขาออกมา “นายไปเจอกับมู่น่อนน่อนแล้วหรือยัง?”
กู้จือหยั่นพูดมาถึลขั้นนี้แล้ว เฉินถิงเซียวจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่าที่กู้จือหยั่นโทรมาหาเขาก็เพื่อจะพูด เรื่องที่ต้องเกี่ยวข้องกับมู่น่อนน่อนแน่
เฉินถิงเซียวหยุดฝีเท้าทันที หัวคิ้วขมวดจนเป็นปม น้ำเสียงสุขุมตาม “มู่น่อนน่อนเธอเป็นอะไรไป?”
กู้จือหยั่นที่อยู่ปลายสายก็จับความรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของเฉินถิงเซียวมีการเปลี่ยนแปลงไป เขาอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน จนใกล้เวลาที่เฉินถิงเซียวหมดอารมณ์ในการอดทนแล้ว คำก็ใช้คำพูดที่เร็วจี๋ในการพูดกับเขา “ฉันรู้ว่านายสนใจมู่น่อนน่อนมาก แต่ว่าผู้หญิงก็งี้แหละ บางทีก็เป็นแบบนั้น แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเหมือนกับเสิ่นเสี่ยวเหลียงของฉันนี่…”
เฉินถิงเซียวทนไม่ไหวกับการแสดงท่าทางของกู้จือหยั่นที่ยืดยาวเหมือนกับผ้าขี้ริ้ว จากนั้นก็พูดแทรกเขาทันที “รีบพูดประเด็นมา”
วินาทีนั้น กู้จือหยั่นก็ตอบกลับไป “มู่น่อนน่อนมีผู้ชายคนอื่นแล้ว”
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที….
เฉินถิงเซียวที่อยู่ปลายสายเป็นน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะให้สือเย่ช่วยนายลงทะเบียนหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองให้”
กู้จือหยั่นถึงกลับตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นถึงได้สติกลับมา “เฮ้อ ทำไมแกไม่เชื่อ ที่ฉันพูดมันคือความจริง ฉันมีหลักฐาน!”