มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจลึก แทบจะเอ่ยถามซือเฉิงหยู้ด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “ลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน”
ตอนนี้ซือเฉิงหยู้กลายเป็นคนบ้าไปแล้ว
ถ้าหากว่าเฉินมู่ถูกซือเฉิงหยู้กับเฉินชิงเฟิงร่วมมือกันซ่อนเอาไว้ เธอก็ไม่กล้าคิดว่าคนที่บ้าคลั่งอย่างซือเฉิงหยู้จะทำอะไรกับเฉินมู่
เฉินมู่ยังเล็กขนาดนั้น
ซือเฉิงหยู้ที่ได้ยินก็เผยสีหน้าเข้าใจออกมาทันที “ซาลาเปาน้อยคนนั้นน่ะหรือ”
มู่น่อนน่อนตึงเครียด หัวใจราวกับถูกคนบีบเอาไว้ กระทั่งหายใจก็ยังรู้สึกว่ายากอยู่บ้าง “คุณรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน?”
“แน่นอนว่าผมรู้ เพราะผมเป็นคนขโมยเด็กคนนั้นไป…” เขาเอ่ยถึงตรงนี้ ก็เอ่ยปฏิเสธกับตัวเองว่า “ก็ไม่ถูก ความคิดนี้เป็นสิ่งที่ผมเสนอให้กับเฉินชิงเฟิง เด็กก็เป็นเขาที่ส่งคนไปขโมยออกมา แต่ว่าสุดท้ายก็ถูกผมพาตัวไป สำหรับที่ว่าเด็กอยู่ที่ไหน…”
เสียงของเขาชะงักไป ยื่นมือไปลูบใบหน้าของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนหันหน้าหนีไปอีกด้านด้วยความรังเกียจ คิดจะหลบการแตะต้องจากเขา แต่ตอนนี้เธอถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ จะเบนหน้าหนีก็หนีไม่รอดจากมือของซือเฉิงหยู้
ซือเฉิงหยู้ถูกการหลบหลีกของเธอทำให้โมโห จึงบีบคางเธอเอาไว้ทันที “อยากรู้ที่อยู่ของเด็ก นอกจากพวกคุณสามีภรรยาจะเล่นเกมส์เป็นเพื่อนผมดีๆ ถ้าหากว่าผมอารมณ์ดีแล้ว…”
จู่ๆก็มีเสียงปังดังขึ้น ประตูใหญ่ของคลังสินค้าถูกคนผลักให้เปิดออก
ถัดมา เสียงทุ้มต่ำของเฉินถิงเซียวก็ลอยมา “ซือเฉิงหยู้!”
ซือเฉิงหยู้และมู่น่อนน่อนหันไปมองยังทิศทางของประตูคลังสินค้าพร้อมกัน
เฉินถิงเซียวยังคงสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงสูท มองดูแล้วมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยจากการตะลอน เส้นผมยุ่งเหยิง แขนเสื้อเชิ้ตมีรอยย่นจากการถูกม้วนขึ้นไปถึงต้นแขน ทั่วทั้งร่างแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกที่บีบคั้นผู้คน
สายตาของเขาตกลงบนมือของซือเฉิงหยู้ที่บีบคางของมู่น่อนน่อน นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย เอ่ยเสียงเข้มว่า “นายปล่อยเธอเสีย”
ซือเฉิงหยู้ได้ยินแล้วก็ปล่อยมือทั้งอย่างนั้นแล้วลุกขึ้น มองไปทางเฉินถิงเซียวด้วยท่าทางอารมณ์เบิกบาน “เป็นไปตามที่นายปรารถนา”
มู่น่อนน่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกังวล “เฉินถิงเซียว”
เฉินถิงเซียวเบนสายตาไปมองเธอ ก็เห็นว่าคางของเธอบวมแดงเล็กน้อย นั่นคือจุดที่ซือเฉิงหยู้เพิ่งจะบีบไป
เขามีแววตาทะมึน หันหน้าไปมองซือเฉิงหยู้ “ฉันมาแล้ว ปล่อยมู่น่อนน่อนเสีย”
ซือเฉิงหยู้นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย แย้มรอยยิ้มบางๆ “ฉันเคยพูดด้วยหรือว่าถ้านายมาแล้วจะปล่อยผู้หญิงของนาย? ฉันจำได้ว่า ฉันพูดเพียงแค่ ถ้าหากนายต้องการคุยกับเธอก็ให้มาด้วยตัวเอง”
เฉินถิงเซียวมีสีหน้าสงบนิ่ง เอ่ยว่า “นายเสนอเงื่อนไขมา”
“ฉันเสนอหรือ” ซือเฉิงหยู้มีท่าทีสนใจขึ้นมา “เห็นแก่ที่พวกเราเป็นพี่น้องกัน ฉันจะมอบมู่หวั่นขีให้นายแล้วกัน แม้ว่าสมองจะมีปัญหาไปสักหน่อย แต่ความสามารถบนเตียงนั้นยอดเยี่ยม”
มู่น่อนน่อนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากด่าเสียงดัง “ซือเฉิงหยู้ คุณบ้าไปแล้ว!”
“ผมคุยกับเฉินถิงเซียวอยู่ คุณอย่าสอดปาก” ซือเฉิงหยู้หันหน้ามามองมู่น่อนน่อนครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นก็มีบอดี้การ์ดถือกริชมาแนบกับลำคอของมู่น่อนน่อน
มู่น่อนน่อนร้อนใจจนหน่วยตาแดงระเรื่อ แต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยด “เฉินถิงเซียว ซือเฉิงหยู้เขาบ้าไปแล้ว คุณไม่ต้องสนใจเขา!”
เฉินถิงเซียวไม่มองมู่น่อนน่อนสักแวบเดียว เพียงแค่เอ่ยเสียงเรียบๆว่า “ได้ นายเสนอเงื่อนไขอะไรมาฉันล้วนรับปาก”
“เห็นแก่ความจริงใจของนาย แน่นอนว่าฉันจะให้โอกาสนายแสดงความสามารถ” ซือเฉิงหยู้พูดแล้วปรบมือ
ต่อมา มู่หวั่นขีก็ถูกคนคุมตัวออกมา
มู่หวั่นขีหลับตาอยู่ ดูออกว่าสลบไปแล้ว
“ทำให้ฟื้นขึ้นมา” ซือเฉิงหยู้เอ่ยเรียบๆประโยคหนึ่ง
ต่อมา เขาก็ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา “ตอนนี้สิบเอ็ดโมง นายกับมู่หวั่นขีไปจดทะเบียนที่การปกครองอำเภอ และให้สื่อมวลชนเปิดเผยออกมา ฉันก็จะปล่อยน่อนน่อน เป็นอย่างไร?”
มู่น่อนน่อนส่ายหน้าให้เฉินถิงเซียว “ไม่!”
ในที่สุดเฉินถิงเซียวก็มองมาทางเธอ แต่ว่าก็เป็นการกวาดสายตามองผ่านครู่เดียวเท่านั้น และเบนสายตาจากไป “ฉันรับปากนาย”
“ฉันไม่อนุญาต!”
มีอีกเสียงหนึ่งดังลอยมาจากนอกประตู
ทุกคนล้วนหันหน้าไปมอง ก็เห็นเฉินชิงเฟิงที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเร่งรีบ
“เฉิงหยู้ แกอย่าก่อเรื่องวุ่นวาย แกให้ถิงเซียวแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แล้ว แกจะให้พวกเราตระกูลเฉินเงยหน้าอยู่ในเมืองหู้หยางต่อไปได้อย่างไรกัน”
ซือเฉิงหยู้แย้มรอยยิ้มประหลาด “ก็ได้ ไม่ให้ถิงเซียวแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ อย่างนั้นก็เปิดเผยเรื่องของคุณกับน้องสาวที่รักของคุณต่อสื่อมวลชน คุณเลือกมาอย่างหนึ่ง?”
“แก…” เฉินชิงเฟิงคิดไม่ถึงว่าซือเฉิงหยู้จะพูดแบบนี้ จึงโกรธจนหน้าเขียว
ในตอนนี้เองที่มู่หวั่นขีฟื้นคืนสติขึ้นมา
เธอมองไปรอบๆด้วยท่าทางมึนงง สุดท้ายสายตาก็ตกลงบนร่างของซือเฉิงหยู้ “เฉิงหยู้…”
ซือเฉิงหยู้หันหน้าไปมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนผิดปกติ ยื่นมือไปลูบศีรษะเธอ “ไม่ต้องกลัว คุณไม่ได้อยากจะแต่งเข้าตระกูลไฮโซมาโดยตลอดหรือ คุณพอใจเฉินถิงเซียวไหม”
“อะไรนะ” มู่หวั่นขีมองซือเฉิงหยู้ด้วยสีหน้าตะลึงงัน “คุณกำลังพูดอะไรคะ ฉันไม่แต่งกับใครทั้งนั้น ฉันเพียงแค่อยากอยู่กับคุณ”
เธอเอ่ยแล้วโผเข้าไปทางซือเฉิงหยู้
ราวกับว่าซือเฉิงหยู้คาดการณ์เอาไว้ได้ตั้งแต่ต้นแล้ว จึงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ให้มู่หวั่นขีโผเข้าหาอากาศ เธอจึงล้มลงกับพื้น
เธอเงยหน้ามองซือเฉิงหยู้
ซือเฉิงหยู้เพียงแค่เอ่ยเรียบๆสองคำว่า “เชื่อฟัง”
มู่หวั่นขีส่ายหน้า “ฉันไม่…”
ตำแหน่งที่มู่น่อนน่อนถูกมัดเอาไว้อยู่ด้านหลังทุกคน นอกจากเฉินถิงเซียว ความสนใจของคนอื่นๆล้วนอยู่ที่ซือเฉิงหยู้และมู่หวั่นขี
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวครู่หนึ่งแล้วนั่งตัวตรง อาศัยช่วงเวลาที่คนถือกริชแนบคอเธอไม่ทันระวังลุกขึ้นยืนทันที
คมกริชจึงบาดลึกลงบนไหล่ของเธอ เลือดรินไหลทะลักออกมา
“มู่น่อนน่อน!”
เฉินถิงเซียวสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ยกเท้าวิ่งมาทางเธอ
แต่ว่าคนที่ซือเฉิงหยู้นำมาด้วยนั้นมีมากเกินไป เขาวิ่งมาได้ครึ่งทางก็ถูกขวางเอาไว้แล้ว
เฉินถิงเซียวนั้นอดทนมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ แต่ตอนนี้อดทนไม่ไหวแล้ว จึงลงมือกับบอดี้การ์ดของซือเฉิงหยู้
ซือเฉิงหยู้ได้ยินเสียงก็หันหน้ามา จึงเห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวบนร่างของมู่น่อนน่อนเปียกชุ่มไปด้วยเลือดแล้วครึ่งหนึ่ง
มู่น่อนน่อนสูญเสียเลือดไปเยอะมาก สีหน้าซีดเผือด สายตาที่มองไปยังซือเฉิงหยู้ก็ไม่ปิดบังถึงความรังเกียจ “ซือเฉิงหยู้ คุณอย่าคิดจะใช้ฉันมาบีบบังคับเฉินถิงเซียว? ถ้าหากว่าฉันตาย คุณจะมีเบี้ยอะไรไปสู้กับเขาอีก?”
ซือเฉิงหยู้มีสีหน้าทะมึน แต่ในไม่ช้าเขาก็ยกริมฝีปากขึ้น “คุณตายไปแล้วก็ยังมีลูกสาวของเขา”
“อย่างนั้นหรือ” มู่น่อนน่อนก็ยิ้มเช่นกัน “ซือเฉิงหยู้ ทำไมคุณถึงได้โง่ขนาดนี้ หรือคุณคิดว่าฉันโง่ยิ่งกว่ากัน ถ้าหากว่าสามารถใช้เฉินมู่มาข่มขู่เฉินถิงเซียวได้ คุณจะลักพาตัวฉันมาทำอะไร คุณก็ใช้เฉินมู่มาข่มขู่เขาเสียเลยสิ”
มู่น่อนน่อนเอ่ยจบแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างมากกว่าเดิม แต่ละคำนั้นคมกริบราวกับมีด “ถ้าหากว่าคุณยังบีบบังคับเขาอีก ก็เก็บศพฉันแทนแล้วกัน”
สีหน้าของซือเฉิงหยู้ดูแย่เป็นอย่างมาก
เขาไม่ได้พูดอะไร แต่หันหน้าไปมองเฉินถิงเซียวที่กำลังต่อสู้อยู่กับบอดี้การ์ดอีกด้านหนึ่ง
ซือเฉิงหยู้พาบอดี้การ์ดมาด้วยสามสี่สิบคน ตอนนี้ล้มลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ทั่วทั้งร่างของเฉินถิงเซียวล้วนเต็มไปด้วยบาดแผล แต่กลับยิ่งลงมือรุนแรงมากยิ่งขึ้น