เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นว่า เฉินถิงเซียวลดหน้าต่างรถทุกบานลง
ลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างที่ถูกเปิดออก พร้อมกับความเย็นสบาย ไม่นานนักกลิ่นบุหรี่ภายในรถก็ถูกพัดออกไปจนหมด
ใจของมู่น่อนน่อนสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามามองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวก็ยังคงขับรถต่อไปข้างหน้าโดยไม่สนใจอะไร ใบหน้ายังคงดูไร้อารมณ์เหมือนเดิม ท่าทีที่แสดงออกดูเย็นชาปราศจากอารมณ์ความรู้สึก
เขาคงจะรู้สึกร้อนนิดหน่อยล่ะมั้ง
ผ่านไปไม่นานนัก รถของเฉินถิงเซียวก็จอดลง
เมื่อรถหยุดนิ่งแล้ว ก็มีลูกน้องมาเปิดประตูแทนเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนกลับเปิดประตูรถลงด้วยตัวเอง
สือเย่เดินออกมาต้อนรับ ” คุณชาย ”
ดูเหมือนว่าเขาจะยืนรออยู่นานมากแล้ว เมื่อเห็นมู่น่อนน่อน เขาก็พยักหน้าแล้วเรียกเธอ ” คุณมู่ ”
จากนั้น เขาก็เดินไปยืนอยู่ข้างหลังถิงเซียว ขณะที่เขาพูดอะไรบางอย่างด้วยเสียงเบาๆ กับเฉินถิงเซียว ก็เดินเข้าไปข้างในด้วยกัน
มู่น่อนน่อนก็เดินขนาบข้างไปด้วย มือของเธอกำแน่นเพราะความตื่นเต้น
ถ้าตามพวกเขาเข้าไปในห้องทำงานห้องหนึ่ง หมอกับเฉินถิงเซียวคุยกันไม่กี่ประโยค ก็ได้รับรายงานประเมินDNAมา
หมอได้อธิบายเป็นภาษาทางการแพทย์อยู่ยกใหญ่ มู่น่อนน่อนฟังไม่ออกกันสักนิด
เฉินถิงเซียวกวาดสายตามองไปยังมู่น่อนน่อน นิ้วเรียวยาวนั้นก็เคาะลงบนที่วางแขนของเก้าอี้สองที และพูดออกมาด้วยท่าทีไม่รีบร้อน ” พูดผลออกมาเลย ”
หมอหยุดพูดด้วยความลนลาน ก่อนที่จะพูดออกมาว่า ” คุณผู้หญิงมู่กับคุณหนูไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่อกันครับ ”
” ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดงั้นเหรอ? ” มู่น่อนน่อนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย หรือว่าเสิ่นเหลียงจะหลอกเธอ?
จิตใต้สำนึกมีเสียงสะท้อนกลับจนทำให้เธอต้องหันกลับไปมองเฉินถิงเซียว
เฉินถิงเซียวพี่นั่งอยู่ตรงนั้นมีใบหน้าที่ดูเคร่งขรึม มือที่ขยับเมื่อกี้นี้หยุดนิ่ง ท่าทางที่ดูผ่อนคลายของเขาเมื่อกี้ได้หายไป
ไม่กี่วิต่อมา เขาก็หันไปมองทางสือเย่อย่างรวดเร็ว ” ให้คุณมู่ออกไป ”
น้ำเสียงของเขาดูเย็นชากว่าปกตินิดหน่อย จนไม่ได้สังเกตถึงความรีบเร่งที่ต่างจากเดิม
สือเย่เองก็ถูกผลของDNAทำให้ตกใจอยู่บ้าง ผลการเทียบDNA ในครั้งนี้ พูดได้ว่าไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน ทำไมถึงไม่มีสายเลือดที่เกี่ยวพันกันล่ะ?
ถึงแม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกสับสน แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เงียบขรึมของเฉินถิงเซียวแล้ว ก็เรารู้ได้ว่าเขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว และออกความเห็นให้เอาตัวมู่น่อนน่อนออกไป
” คุณมู่ เชิญครับ ” สือเย่หันไปยังมู่น่อนน่อน และทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่า ” เชิญ ”
มู่น่อนน่อนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เสิ่นเหลียงไม่มีทางหรอกเธอแน่
มีตรงไหนผิดพลาดหรือเปล่า?
เหมือนกับอุบัติเหตุของเธอกับลี่จิ่วเชียน หรือว่าจะมีคนคิดแผนอะไรจนมันเกิดเป็นข้อผิดพลาดแบบนี้?
หรือใครมันกล้าเล่นตุกติกอะไรต่อหน้าเฉินถิงเซียวกันนะ?
มู่น่อนน่อนไม่ได้เดินออกไปข้างนอกทันที แต่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่สับสน ” คุณเฉน! ”
ท่าทีของคุณเฉนก็กลับมาดูผ่อนคลายเหมือนตอนแรก แต่เขาก็ไม่สนใจเธอเท่าไหร่ แต่ก็กลับพูดกับสือเย่แทน ” ยังไม่ได้ยินที่ฉันพูดอีกเหรอ? ”
มู่น่อนน่อนไม่อยากจะเชื่อว่าเสิ่นเหลียงจะหลอกเธอ เธอจึงพยายามที่จะอธิบาย ” ฉันว่าเรื่องนี้อาจจะมีอะไรที่เข้าใจกันผิด คุณ…… ”
เฉินถิงเซียวไม่ได้ต้องการจะฟังคำที่เธอพูดตั้งแต่แรกแล้ว เขาเพียงแค่ก้มหน้ามองดูผลการตรวจDANแผ่นนั้น
มู่น่อนน่อนเห็นดังนั้นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าความโกรธมันผุดมันจากไหน จึงตะคอกใส่เขาเสียงดัง ” เฉินถิงเซียว! ”
เหมือนชายหนุ่มชะงักไปสักครู่ แต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
มู่น่อนน่อนยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ได้ยินเสียงสือเย่พูดขึ้นมานิ่งๆ ” คุณมู่ เชิญมากับผมด้วยครับ ”
มู่น่อนน่อนจึงทำได้แค่เดินตามสือเย่ออกไปข้างนอก
ฝีเท้าของสือเย่ไวมาก ขณะที่เธอเดินไปเธอก็พูดว่า ” ผู้ช่วยสือ ผลตรวจการเทียบDNAมีบางอย่างผิดพลาดหรือเปล่า? คุณกับเสี่ยวเหลียงก็เป็นเพื่อนกัน คุณน่าจะรู้ทุกอย่างสิ ”
” ผลตรวจเสี่ยวเหลียงฉบับนี้ ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ใจของคุณชาย รู้ดี ”
สือเย่พาตัวมู่น่อนน่อนเดินไปยังประตูหลัง ตอนนี้พวกเขาออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว
พอสือเย่ออกมาแล้ว ก็เรียกรถออกมาแล้วยืนรอ ขณะนี้รถคันนั้นได้มาถึงแล้ว
เขาได้ทำตามที่เฉินถิงเซียวสั่งไว้ ว่าให้ส่งมู่น่อนน่อนขึ้นรถ เสร็จแล้วก็กลับไปยังห้องทำงานห้องเดิมก่อนหน้านี้
เมื่อเขาเข้าไปแล้ว ก็เห็นว่าภายในห้องทำงานมีคนเพิ่มขึ้นมาหลายคน
เฉินถิงเซียวก็ยังคงดูสบายๆ อยู่อย่างนั้น ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้พร้อมกับสีหน้าที่ดูเย็นชา
เฉินจิ่งหยุ้นถ้ากระเถิบตัวขึ้นมาข้างหน้า แล้วแย่งผลตรวจในมือของDNAมา: ” นี่นายหมายความว่ายังไง? นายคิดว่าฉันหลอกนายเหรอ? นายยอมเชื่อคนอื่นแต่ไม่เชื่อฉันเนี่ยนะ? ”
สีหน้าเธอโกรธจัด พูดจบแล้วก็เอาผลตรวจDNAนั้น โยนลงไปบนโต๊ะทำงานของหมอ
หมอได้ขอตัวออกไปตั้งแต่แรกแล้ว ภายในห้องจึงเหลือแค่เฉินถิงเซียวกับเฉินจิ่งหยุ้นสองพี่น้อง และบอดี้การ์ดของเฉินจิ่งหยุ้นหลายคนที่พามาด้วย
สือเย่ชะงัก ก่อนจะเดินเข้าไป : ” คุณชาย ”
เฉินถิงเซียวจึงยืนขึ้นมา จัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง และพูดกับสือเย่ว่า” ไปกันเถอะ ”
แน่นอนว่าเฉินจิ่งหยุ้นจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ
ครั้งที่แล้วที่บริษัทเฉินซื่อก็เคยเจอหน้าครั้งหนึ่ง ตอนแรกเธอก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
หลังจากที่กลับไปลองนึกดูแล้ว ก็นึกออกว่าก่อนหน้านี้สือเย่ค่อยๆ เป็นผู้ช่วยที่อยู่ข้างเฉินถิงเซียวมาโดยตลอด
จากที่เธอเห็น ลูกน้องพวกนี้ต่างก็เอาเงินเพื่อทำงานทั้งนั้น ไม่นึกเลยว่าผ่านไปสามปี สือเย่จะยังกลับมารับใช้เฉินถิงเซียวอยู่
แน่นอนว่าในใจเธอไม่สามารถสงบลงได้
สือเย่จำเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน ถ้าเขาพูดเรื่องนี้กับเฉินถิงเซียวขึ้นมาละก็ หากเฉินถิงเซียวดันเชื่อ ชีวิตเธอได้จบเห่แน่
แต่ว่า เฉินถิงเซียวดันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากก่อนหน้านี้สองวัน ที่มีลูกน้องมาบอกเธอว่า เฉินถิงเซียวกำลังหาโรงพยาบาลที่จะเทียบDNAอยู่
มู่น่อนน่อนตายไปแล้ว
เพียงแค่เฉินถิงเซียวจำเรื่องราวเมื่อก่อนไม่ได้ ในสภาวะที่คนตายไม่สามารถพูดอะไรเช่นนี้ เธอจะไปกลัวอะไร?
สือเย่เหลือบสายตามองเล็กน้อย แล้วพูดเสียงเย็น ” คุณเฉิน ”
” นายแค่ฟังคำพูดของคนพวกนี้ ถึงกับต้องย้ายบ้านเลยเหรอ? แต่ฉันที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของนาย ซูเหมียนคือลูกแท้ๆ ของฉันเอง นายควรทำแบบนี้กับพวกเรานะ! ”
เฉินจิ่งหยุ้นเริ่มโกรธจัด ดูเหมือนจะถูกเฉินถิงเซียวแทงใจดำเข้าให้แล้ว
เฉินถิงเซียวไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน และพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ” ถ้างั้นคุณก็บอกผมสิว่า มู่น่อนน่อนเป็นคนยังไง? ”
” ก็เป็นผู้หญิงที่หวังแต่จะเกาะคนมีอำนาจ เพ้อฝันไปวันๆ เท่านั้นเอง ” เฉินจิ่งหยุ้นพูดถึงมู่น่อนน่อนด้วยท่าทีเหยียดหยาม
เฉินถิงเซียวยื่นมือออกมา แล้วดึงเนกไทของตัวเอง แววตาดูนิ่งสนิทลงกว่าเดิม
คนที่คุ้นเคยกับเขาก็จะรู้ดี เวลาที่เฉินถิงเซียวโกรธ จะทำท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูเตะตาขึ้นมา
เฉินถิงเซียวยิ้มเย็น ” แต่มีคนพูดว่าเธอคือแม่แท้ๆ ของมู่มู่ ”
เฉินจิ่งหยุ้นเหมือนตัวเองเพิ่งจะได้ยินคำพูดที่น่าขันสิ้นดี ก่อนจะกดรอยยิ้มหัวเราะเยาะ แล้วชี้นิ้วไปทางสือเย่ ” เขาเป็นคนพูดใช่ไหม? หรือว่าจะเป็นพวกกู้จือหยั่นที่พูด ”
เฉินถิงเซียวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาอย่างไม่รีบร้อน ” พวกคุณต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ให้ซูเหมียนกับมู่มู่ตรวจDNAไปเลย ให้ความจริงเป็นคนพูด แล้วผมจะคืนความบริสุทธิ์ให้คุณ คุณจะได้ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจยังไงล่ะ ”
ประโยคสุดท้าย เสียงของเฉินถิงเซียวเบาลง
เฉินจิ่งหยุ้นชะงัก ไม่กี่วิต่อมาก็ตอกกลับ” เรื่องนี้ต้องตรวจDNA อีกที่ไหนกัน มู่มู่ก็คือลูกสาวของซูเหมียนไง ”
เฉินถิงเซียวไม่สนว่าเธอจะพูดอะไร ก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ ” เมื่อถึงเวลาผม จะให้คนมาจัดการเรื่องนี้เอง “