จู่ๆเฉินจิ่งหยุ้นก็เสียการควบคุมอารมณ์ไป สีหน้าที่แสดงออกมาได้เปลี่ยนมาเป็นดุร้ายน่ากลัวออกมา “ออกไปเดี๋ยวนี้! ไสหัวออกไป!”
ในความทรงจำของมู่น่อนน่อน เฉินจิ่งหยุ้นเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสมบูรณ์แบบมากคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ไม่มีทางยั้งสติไม่อยู่ทำตัวเสียกิริยาออกมาต่อหน้าคนอื่นแน่
แต่เฉินจิ่งหยุ้นในตอนนี้ไหนเลยจะยังมีท่าทีอวดเบ่งเที่ยวระรานชาวบ้านอย่างเมื่อก่อนอยู่อีก ตัวเธอเหมือนกับว่าใกล้จะพังทลายเต็มทีแล้ว
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย พลางส่งเสียงถามเธอออกไป “เฉินจิ่งหยุ้น เธอเป็นอะไรไป?”
เฉินจิ่งหยุ้นมองมาทางมู่น่อนน่อนทันที สายตาค่อยๆกลับมาแจ่มใสขึ้นมา
ในทันใดนั้น เธอก็ได้ส่งเสียงถามมู่น่อนน่อนออกไป “เธอมาหาฉัน ก็เพื่อเฉินถิงเซียว?”
มู่น่อนน่อนคิดว่าเฉินจิ่งหยุ้นดูไปแล้วแปลกๆอยู่บ้าง แต่เธอไม่คิดจะไปใส่ใจเฉินจิ่งหยุ้น เพียงแค่ถามเธอออกไป “เธอให้ใครมาสะกดจิตให้เฉินถิงเซียว? คนคนนั้นอยู่ที่ไหน? หน้าตาเป็นยังไง?”
“ไม่รู้” เฉินจิ่งหยุ้นกลับมาสงบลง จากนั้นก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว “ขอเตือนเธอเอาไว้อย่าง คบอยู่กับเฉินถิงเซียว เธอจะต้องนึกเสียใจภายหลังแน่ เขาจะต้องไม่ใช่คนที่สามารถมอบความสุขให้กับใครได้แน่”
คำพูดนี้เฉินจิ่งหยุ้นได้พูดออกมาเสียจนน่างงงวยอธิบายไม่ถูกอยู่บ้าง มู่น่อนน่อนคิดว่าเฉินจิ่งหยุ้นนั้นกำลังยุแยงเธอกับเฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนได้ยินแล้ว ในดวงตาใสกระจ่างได้พาดผ่านไปด้วยความเยือกเย็นที่เย็นยะเยือกออกมา “ความสุขของเฉินถิงเซียวเหมือนกับว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอนะ แต่ในทางตรงกันข้ามกันกลับเป็นเธอที่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง กลับทำเรื่องที่ผิดต่อเฉินถิงเซียวไปไม่น้อยเลย แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยใส่ใจเขามาก่อนเลย แล้วมีสิทธิ์อะไรไปว่าเขาอีก?”
เฉินจิ่งหยุ้นมองสำรวจมู่น่อนน่อน มักจะรู้สึกว่าลักษณะท่าทางของมู่น่อนน่อน ดูเหมือนว่าจะมีจุดที่เหมือนกับเฉินถิงเซียวเลยทีเดียว
ครั้งที่แล้วเธอเกือบจะถูกเฉินถิงเซียวบีบคอตาย ดังนั้นแล้วจึงเกลียดชังมู่น่อนน่อนมากยิ่งขึ้น
เธอส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิด ตอนนี้เธอมาขอร้องฉัน? นี่คือน้ำเสียงขอร้องคนอื่นของเธอ?”
“เธอผิดแล้ว ฉันไม่ได้กำลังขอร้องเธอ” มู่น่อนน่อนไม่มีขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “เฉินถิงเซียวต้องกลายมาเป็นอย่างนี้ ล้วนแล้วแต่จะเป็นเพราะเธอทั้งนั้น ในเมื่อเธออยากให้เขารักษาความมั่งคั่งของตระกูลเฉินเอาไว้ ก็ต้องภาวนาให้เขาสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ ไม่อย่างนั้นถึงตอนนั้นแล้วตำแหน่งคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินของเธอก็คงรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
“มู่น่อนน่อน เธอไม่ลองดูตัวเองสักหน่อยว่ามีสถานะอะไร ก็กล้าใช้น้ำเสียงอย่างนี้มาพูดกับฉัน? คนที่มันหลงตัวเองเกินไปต่างก็ไม่มีจุดจบดีๆเลยสักคนเธอไม่รู้เหรอ?”
เฉินจิ่งหยุ้นเหมือนกับว่าจู่ๆก็นึกเรื่องที่มีความสุขอะไรขึ้นมาได้ก็ไม่ปาน รอยยิ้มบนใบหน้าได้กดลึกมากขึ้นไปไม่หยุด
“ตอนนี้เฉินถิงเซียวยังนึกเรื่องในอดีตขึ้นมาไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? เขานึกเรื่องในอดีตขึ้นมาไม่ได้ แน่นอนว่าจะต้องจำความรู้สึกที่มีต่อเธอไม่ได้ด้วยเช่นกัน นี่เธอรีบแต่งงานใหม่กับเขาโดยเร็ว เป็นคุณหญิงตระกูลเฉินแล้วถึงจะมาหาฉัน”
เห็นมู่น่อนน่อนไม่พูดอะไรออกมา เฉินจิ่งหยุ้นก็ยิ่งรู้สึกว่าการคาดเดาของตนมันถูกต้อง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธออดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนมาได้ใจขึ้นมา “แต่ว่านะ เธออย่าคิดเพ้อฝันที่จะแต่งงานกับเขาใหม่อีกครั้งเพื่อเป็นคุณหญิงตระกูลเฉินได้แล้ว ฉันหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตชั้นยอดของโลกมาสะกดจิตให้เฉินถิงเซียวเลยนะ เธอนึกว่าผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตจำพวกนี้เพียงแค่อุปโลกน์ชื่อเสียงจอมปลอมกันขึ้นมาเหรอ? ฮ่าๆๆ!”
จู่ๆเฉินจิ่งหยุ้นก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดังออกมา ท่าทางที่แสดงออกมาดูบ้าคลั่งอยู่บ้าง “ชั่วชีวิตนี้เขาอย่าได้คิดที่จะจำเรื่องในอดีตขึ้นมาได้เลย ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็ไม่มีทางกลับมาอีกเหมือนกัน เขามันเป็นสัตว์ประหลาดที่โหดเหี้ยมไร้หัวใจ!”
มู่น่อนน่อนกำมือทั้งสองข้างแน่นอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าขาวเนียนบีบเกร็งแน่น เธอกัดมุมปากออกมา เอ่ยเสียงเย็นออกไป “ไม่ ฉันคิดว่าอย่างเธอ ที่ไม่แยแสต่อการตายของแม่ตัวเองเลยสักนิด ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่าฆาตกรที่ฆ่าแม่เป็นใคร แต่กลับเพื่อการที่จะมีเงินมีอำนาจจึงไม่กล้าพูดออกมา…”
พูดถึงตรงนี้แล้ว มู่น่อนน่อนชะงักไป บีบเอาคำพูดไม่กี่คำออกมาจากระหว่างริมฝีปาก “เธอต่างหากที่เป็นสัตว์ประหลาด! สัตว์ประหลาดเลือดเย็น!”
“เธอหุบปากไป!” เฉินจิ่งหยุ้นมีสีหน้าตื่นตกใจออกมา “เธอรู้อะไรบ้าง?”
มู่น่อนน่อนเชิดคางขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงเบามาก “เรื่องที่เธอกลัวว่าฉันจะรู้ ฉันรู้หมด”
เธอพูดจบ มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันทีของเฉินจิ่งหยุ้นไปด้วยความพึงพอใจ แล้วผันร่างออกไปโดยทันที
มู่น่อนน่อนหลังจากที่รู้เรื่องคดีเมื่อตอนนั้นของแม่ของเฉินถิงเซียวแล้ว ก็เคยสงสัยว่าเฉินจิ่งหยุ้นใช่ว่าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
เฉินจิ่งหยุ้นจะต้องไม่ใช่คุณหนูพันชั่งที่สวยแต่ไร้สมองที่ได้รับการเลี้ยงดูมาจากบ้านคนมีเงินธรรมดาๆอย่างแน่นอน เธอมีสมองและก็มีความคิด
เด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันมักจะแก่เกินอายุมากกว่าเด็กผู้ชาย สิบเอ็ดปีก็เป็นอายุที่มีการบันทึกความทรงจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็มีสามัญสำนึกที่แน่นอนแล้ว
เฉินจิ่งหยุ้นถึงแม้ว่าจะไม่เห็นอะไรที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้นมากับตา แต่ก็จะต้องสังเกตเห็นอะไรมาแน่ๆ
ตอนเด็กๆอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศมาอย่างยาวนาน ห่างเหินกับเฉินถิงเซียว ไม่เชื่อที่เฉินถิงเซียวบอกว่ายังมีผู้ร้ายตัวจริงอีกที่เป็นคนฆ่าแม่มาตลอด ทั้งหมดนี้สรุปคิดรวมกันดูแล้ว ก็เหมือนกับว่าเป็นการจงใจทำ
เฉินถิงเซียวมองไปแล้วดูเป็นคนที่เย็นชาคนหนึ่ง แต่ว่าอันที่จริงเขาก็เอาใจใส่ต่อคนที่เขาแคร์เลยทีเดียว
แต่เฉินจิ่งหยุ้น เธอไม่แคร์คนอื่นเลยสักนิด เธอแคร์เพียงแค่ตัวเองเท่านั้น
เฉินจิ่งหยุ้น ก็เหมือนกับเฉินชิงเฟิงอีกคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงแค่การคาดเดาของมู่น่อนน่อนเท่านั้น
เห็นปฏิกิริยาเมื่อกี้นี้ของเฉินจิ่งหยุ้น มู่น่อนน่อนรู้ว่าเธอคาดเดาเรื่องบางอย่างได้ถูกต้องไปโดยบังเอิญมาก
อธิเช่น เฉินจิ่งหยุ้นในตอนที่แม่ของเธอถูกลักพาตัวไปเมื่อตอนนั้น มีความเป็นไปได้มากเลยว่าจะได้ยินอะไรมองเห็นอะไรเข้า แต่เธอก็เก็บเงียบเอาไว้
คงจะเป็นเพราะว่ามีคนข่มขู่เธอ เธอตระหนักได้ว่าถ้าตนพูดออกมาจะสูญเสียชีวิตของการเป็นคุณหนูพันชั่งไป ก็เลยเลือกที่จะเงียบไว้
การเงียบจำพวกนี้ทำให้เธอยิ่งโตขึ้น ก็ยิ่งเห็นแก่ตัว
สุดท้าย ก็อยากจะควบคุมเฉินถิงเซียวอยู่ในกำมือ อยากให้เฉินถิงเซียวช่วยเธอรักษาความมั่งคั่งของตระกูลเฉินให้คงอยู่ต่อไป ให้เธอมีทุนทำหน้าที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉินต่อไป
“มู่น่อนน่อน หยุดอยู่ตรงนั้น มาพูดให้ชัดเจน!”
เสียงกรีดร้องของเฉินจิ่งหยุ้นดังขึ้นอยู่ที่ด้านหลัง
มู่น่อนน่อนคร้านจะไปสนใจเฉินจิ่งหยุ้น เดินตรงไปข้างหน้าเลยทันที
เฉินจิ่งหยุ้นไม่ชอบมู่น่อนน่อนมาโดยตลอด คิดว่ามู่น่อนน่อนเหมือนกับผู้หญิงที่เข้าหาเฉินถิงเซียวคนอื่นๆ ที่ต่างก็มีเป้าหมายที่ต้องการสมบัติของตระกูลเฉินกันทั้งนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางจะคิดเลยว่าเฉินถิงเซียวจะเอาเรื่องที่เป็นความลับไปบอกมู่น่อนน่อนได้
แต่คำพูดที่มู่น่อนน่อนพูดออกมาเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนว่าจะรู้เรื่องของตระกูลเฉินชัดเจนไปทุกเรื่องเลย
เฉินเหลียนบ้าไปแล้ว ซือเฉิงหยู้เองก็ได้ตายไปในเหตุระเบิดคราวนั้นไปแล้ว เหลือเพียงแค่เฉินชิงเฟิงอยู่คนนึงที่เป็นอัมพาตไปเรียบร้อยแล้ว
ผู้ที่มีส่วนร่วมกับคดีลักพาตัวเมื่อตอนนั้น และความลับที่ไม่อาจแพร่งพรายออกไปที่สุดของตระกูลเฉิน ต่างก็ควรจะถูกฝังลึกๆอยู่ใต้ดินให้หมด
เฉินถิงเซียวบ้าไปแล้วเหรอ?
นึกไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องพวกนี้ของตระกูลเฉินบอกมู่น่อนน่อนไป!
เฉินจิ่งหยุ้นสีหน้าเขียวคล้ำออกมา มือทั้งสองข้างกำแน่นเข้าด้วยกัน มองจ้องไปทางมู่น่อนน่อนที่เดินอยู่ไกลออกไป สายตามืดครึ้มออกมา
……
ระหว่างทางกลับไป มู่น่อนน่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาค้นหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตชั้นยอดของโลกในเน็ตดู
เธอเองก็ไม่หวังว่าจะสามารถเสิร์ชได้อะไรที่มันมีประโยชน์มา ก็แค่อยากจะทำความเข้าใจให้มากขึ้นสักหน่อย
แต่ผลสุดท้ายผลลัพธ์ที่เสิร์ชเจอ ก็เพียงแค่บอกว่าคุณหมอสะกดจิตที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ต่างก็เป็นคนต่างชาติกันทั้งนั้นเลย
ที่ในประเทศการสะกดจิตในเขตพื้นที่นี้ ยังไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากนัก และผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตชั้นยอด แน่นอนว่าทำได้เพียงแค่ต้องอยู่ที่ต่างประเทศถึงจะสามารถหาเจอได้
เรื่องพวกนี้พวกสือเย่เขาก็คงจะรู้ด้วยเหมือนกัน
เฉินจิ่งหยุ้นใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก หาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตมาสักคนนึงแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลย
แต่เฉินถิงเซียวมีทั้งพลังอำนาจ อยากจะหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสะกดจิตที่ช่วยเฉินจิ่งหยุ้นคนนั้นให้เจอ ก็คงจะไม่ยากหรอกมั้ง?