หลังจากโทรติดแล้ว เสียงก็ดังแค่สองครั้ง จากนั้นก็มีคนกดรับสาย
เฉินถิงเซียวรับโทรศัพท์และไม่ได้พูดในทันที
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าเขากำลังรอให้เธอเป็นคนพูดก่อน
มู่น่อนน่อนถอนหายใจออกเล็กน้อย ก่อนจะเป็นคนเริ่มพูดก่อน “เฉินถิงเซียว เรามาเจอกันและพูดคุยกันหน่อยไหม”
น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวดูราบเรียบ และดูเฉยเมยมาก “ผมยุ่งมาก”
“ต่อให้ยุ่งแค่ไหนยังไงก็ต้องทานข้าวใช่ไหม? มาขอคุยกันตอนทานข้าวได้ไหม?” มู่น่อนน่อนบอกกับตัวเองในใจว่า เฉินถิงเซียวคือคนป่วย การที่เธอยอมความและยอมประนีประนอมในตอนนี้ รอให้เฉินถิงเซียวอาการดีขึ้นแล้ว ค่อยมาเอาคืนทีหลัง
เฉินถิงเซียวไม่ให้ความร่วมมือเลย และเขาก็พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เวลาทานข้าวก็ต้องทานข้าวอย่างเดียว ไม่ได้คุยเรื่องอื่น”
มู่น่อนน่อนกัดริมฝีปาก เธอวางสายด้วยความโกรธ เธอยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างถนนเพื่อสงบสติอารมณ์
ในอีกด้านหนึ่ง เฉินถิงเซียวมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่กลับไปยังหน้าหลักแล้ว ก่อนที่เขาจะเหอะออกมาอย่างเย็นชา
หญิงสาวอย่างมู่น่อนน่อน กล้าวางสายเขาเลยเหรอ!
เธอรักเขามาก และต้องการจะแต่งงานกับเขาใหม่ไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้เธอกลับกล้าวางสายของเขา!
เป็นเพราะช่วงนี้เขาอ่อนโยนกับเธอมากเกินไปเหรอ? ก็เลยทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้?
เฉินถิงเซียวโยนโทรศัพท์ไว้ข้างๆ สีหน้าของเขาก็ดูเย็นชามาก
……
ในร้านอาหารหม้อไฟ
มู่น่อนน่อนและเสิ่นเหลียงนั่งตรงข้ามกัน ตรงด้านหน้าของพวกเธอมีขวดเบียร์หลายขวดที่เปิดแล้ว
มู่น่อนน่อนเอาขวดเปล่าในมือวางกลับที่เดิม ก่อนจะหยิบเบียร์อีกขวดหนึ่งเทลงในแก้ว
หลังจากเติมเบียร์เต็มแก้ว มู่น่อนน่อนก็ยกขึ้นดื่ม
เมื่อเสิ่นเหลียงเห็นเช่นนี้ เธอก็รีบลุกขึ้นและเอื้อมมือไปห้ามเธอ “น่อนน่อน วันนี้ฉันให้เธอออกมาดื่มและทานหม้อไฟเป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่ให้เธอออกมาดื่มย้อมใจ”
มู่น่อนน่อนจับแก้วเหล้าของเธอแน่น ก่อนจะเงยหน้าและดื่มจนหมดแก้ว
เสิ่นเหลียงเห็นว่าไม่สามารถเอาชนะเธอได้ เธอก็เลยยอมแพ้
เธอนั่งกลับไป ก่อนจะมองไปทางมู่น่อนน่อนอย่างโกรธเคือง “ชั่งเถอะ ถ้าเธอรู้สึกไม่มีความสุขขนาดนั้น ก็ดื่มเถอะ ถ้าดื่มมากไป เดี๋ยวฉันจะส่งเธอกลับเอง เพราะยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ต้องเข้าไปที่กองละคร อีกหลายเดือนกว่าจะได้ออกมา”
ที่วันนี้เธอชวนมู่น่อนน่อนออกมาดื่มและทานหม้อไฟเป็นเพื่อนเธอ ก็เพราะว่าละครเรื่องใหม่ที่เธอรับกำลังจะเริ่มถ่ายทำแล้ว พรุ่งนี้เธอจะต้องเข้าไปในกองละครแล้ว ว่ากันว่าจะต้องเข้าไปถ่ายทำในสถานที่ห่างไกลจากตัวเมือง
การถ่ายทำครั้งหนึ่งก็ใช้เวลาหลายเดือนเลย และแน่นอนว่ายังไงเธอก็ต้องออกมาทานข้าวกับมู่น่อนน่อนก่อน
มู่น่อนน่อนถามเธอว่า “คราวนี้จะไปถ่ายทำที่ไหน?”
เมื่อเสิ่นเหลียงพูดถึงการถ่ายทำ ดวงตาของเธอเป็นประกาย “ต้องไปถ่ายทำที่ภูเขาทางทิศตะวันตก ใช้เวลาถ่ายทำหลายเดือนเลย สภาพไม่ค่อยดีนัก แต่บทดีมาก ฉันชอบมากๆ มีการถ่ายทำบนภูเขา หาซื้อข้าวกล่องไม่ได้ด้วยซ้ำไป ถ้าถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะต้องทานเปลือกต้นไม้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ประโยคครึ่งหลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องตลก
แต่ที่ตั้งอยู่ทางภูเขาทิศตะวันตก สภาพก็คงจะเลวร้ายมากจริงๆ
มู่น่อนน่อนยิ้มและพูดอย่างจริงจังว่า “ทานข้าวกล่องไม่ได้ แต่ก็คงจะโทรหาได้ ถ้าถึงตอนนั้นฉันจะไปเที่ยวหาเธอที่กองละครเอง ตอนที่เธออยู่ที่นั่นถ้าขาดอะไร เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเอาไปให้เธอเอง”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอยกแก้วไปชนกับเสิ่นเหลียง “ฉันขอให้เธอเป็นที่รักและประสบความสำเร็จนะ”
มู่น่อนน่อนดึงมือกลับ ก่อนจะยกศีรษะขึ้นดื่มอีกแก้วหนึ่ง
เสิ่นเหลียงขมวดคิ้วและมองไปที่เธอ จากนั้นก็มองลงไปที่แก้วของตัวเอง เธอดื่มไปแค่นิดหน่อย ก่อนจะวางแก้วเหล้าลง
ดูจากท่าทีของมู่น่อนน่อน ดูเหมือนว่าเธอจะเมาแล้ว
เสิ่นเหลียงพยายามห้ามเธออย่างสุดความสามารถแล้ว มู่น่อนน่อนก็พยักหน้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี “ฉันจะดื่มอีกแก้ว”
จากนั้น ตอนที่เสิ่นเหลียงกำลังทานอะไรบางอยู่ เธอก็ยกขวดเหล้าดื่มในทันที
รูปลักษณ์ภายนอกและออร่าของเสิ่นเหลียงและมู่น่อนน่อนค่อนข้างจะโดดเด่น ตอนที่ทั้งสองเพิ่งจะนั่งลงก็มีคนหันมามองทางนี้แล้ว ยิ่งเป็นตอนที่มู่น่อนน่อนยกขวดเหล้าขึ้นมาดื่มทีละขวด รอบข้างก็เริ่มหันมามองทางนี้แล้ว
เสิ่นเหลียงยื่นมือไปปิดหน้าตัวเองไว้ เธอรู้สึกไม่มีหน้าจะไปเจอใครแล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นเบียร์ แต่การที่มู่น่อนน่อนดื่มแบบนี้ มันก็ทำให้เมาได้เร็วมาก
จนสุดท้าย เสิ่นเหลียงก็รู้ว่าห้ามมู่น่อนน่อนไม่ได้แล้ว เธอก็เลยไม่ได้ห้ามเธออีก
เธอสนใจแค่เรื่องทำให้ตัวเองอิ่มท้อง เพราะถ้าทานจนอิ่มก็จะมีแรงแบกมู่น่อนน่อนกลับไป
รอตอนที่เสิ่นเหลียงทานจนอิ่มแล้ว มู่น่อนน่อนก็นอนฟุบอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เธอถือขวดเหล้าเอาไว้ในขณะที่ไม่มีสติแล้ว
เสิ่นเหลียงตบไปที่ไหล่ของมู่น่อนน่อนเบาๆ ก่อนจะเรียกชื่อเธอมา “น่อนน่อน?”
คนที่ดื่มจนเมามักจะมีการตอบสนองที่ค่อนข้างช้า มู่น่อนน่อนยกศีรษะขึ้น ก่อนจะหรี่ตามองไปทางเสิ่นเหลียง จากนั้นก็ตอบรับว่า “หืม?”
ตอนนี้เธอเมามากๆ
เสิ่นเหลียงเรียกพนักงานให้มาเก็บเงิน จากนั้นเธอก็พยุงมู่น่อนน่อนเดินออกไปข้างนอก
ถึงแม้ว่ามู่น่อนน่อนจะดูค่อนข้างผอม แต่รูปร่างเธอไม่ถือว่าเตี้ย เสิ่นเหลียงจึงใช้แรงเยอะมากในการพยุงเธอ
เธอต้องขอบคุณผู้จัดการของตัวเธอด้วย ที่เอาแต่บอกให้เธอไปออกกำลังกาย มันเลยทำให้เธอมีพลกำลังที่ดีขนาดนี้ จนสามารถพยุงคนเมาอย่างมู่น่อนน่อนได้
ตอนที่เสิ่นเหลียงพยุงมู่น่อนน่อนไปถึงหน้าประตู ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก
แม้ว่าเสิ่นเหลียงจะพยายามหลีกเลี่ยงแล้ว แต่เธอก็ห้ามมู่น่อนน่อนไม่ได้…
มู่น่อนน่อนเมาจนเลอะเลือน ปากเธอก็เอาแต่เรียกชื่อของเฉินถิงเซียว เมื่อเธอยกมือขึ้น มือเธอจึงไปโดนใส่ใบหน้าของคนในกลุ่มนั้น
เสียง “เพียะ” ดังอย่างชัดเจน
เสิ่นเหลียงชะงักไป จากนั้นเธอก็ได้สติอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะขอโทษแทนมู่น่อนน่อน “ขอโทษค่ะ เพื่อนของฉันเมาแล้ว เธอไม่ได้ตั้งใจนะ”
“ถ้าคำขอโทษมีประโยชน์ แล้วจะมีตำรวจไว้ทำไม? อายุก็ยังน้อยเวลาเดินไปไหนมาไหนไม่พกลูกกะตามาด้วยเหรอ? เธอ…” คุณคนนั้นพูดประโยคที่ค่อนข้างจะเก่า จากนั้นก็เริ่มด่าเธอในทันที
เสิ่นเหลียงไม่ใช่คนที่จะเก็บอะไรไว้ในใจ แต่เพราะว่าเธอยังพยุงมู่น่อนน่อนอยู่ และเธอก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีจำนวนคนที่เยอะกว่า เธอจึงทำได้เพียงแค่ยกยิ้มให้พวกเขา
คนปกติในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนใหญ่ก็จะว่าไม่กี่ประโยคก็จบเรื่องกันไป
แต่ว่า คนที่พูดไม่ดีคนนั้นก็ยังพูดต่อไปเรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น
เสิ่นเหลียงกัดฟัน เธอพยายามจะอดทนและใช้น้ำเสียงที่ดูเป็นมิตรพูดว่า “ขอโทษนะคะ เพื่อนของฉันดื่มมากไป เมื่อกี้นี้ก็เลยไปโดนใส่หน้าของคน ถ้าเกิดว่าคุณไม่พอใจอะไรตรงไหน หรือต้องการจะให้รับผิดชอบยังไง พวกเรายินดีที่จะให้ความร่วมมือ”
“ให้ความร่วมมือ?” สายตาของคนคนนั้นจ้องมองไปที่ใบหน้าของเสิ่นเหลียง น้ำเสียงที่เขาใช้พูดก็ดูมีนัยยะอย่างเห็นได้ชัด
เสิ่นเหลียงอยู่ในวงการบันเทิงมาตั้งหลายปี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในรูปแบบไหนเธอก็เคยพบเจอมาหมด คนประเภทไหนที่เธอไม่เคยเจอบ้าง?
เธอพยายามจะอดกลั้นอารมณ์ไว้ ก่อนที่จะพูดว่า “คุณต้องการอะไร?”
เสิ่นเหลียงรู้สึกโชคดีมาก ที่วันนี้เธอไม่ได้แต่งหน้าออกมาจากบ้าน การแต่งตัวก็ดูเรียบง่าย เลยมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากในจอ ดังนั้นถ้าไม่ใช่คนที่สนิทกับเธอก็จะจำเธอไม่ได้
คนคนนั้นหันกลับมา และพูดอย่างมีเลศนัยว่า “ยังไงพวกเธอก็มาทานข้าวที่นี่ จะรีบกลับไปทำไมกัน? อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพวกพี่สักมื้อสิ เรื่องนี้ก็ถือว่าจบกัน ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะหาว่าพวกเรากำลังรังแกผู้หญิงสองคน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจะแย่มาก ใช่ไหมล่ะ?”
เสิ่นเหลียงยกริมฝีปาก ก่อนจะมองไปที่เขาด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง คนพวกนี้เห็นเธอเป็นเพื่อนทานเพื่อนดื่มเพื่อนเล่นเหรอ?
คนเราเวลาอยู่บนโลกนี้ ก็มักจะเจอพวกขยะอยู่บ้าง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราแจ้งความดีกว่า ปล่อยให้คุณตำรวจจัดการเรื่องนี้” ในขณะที่เสิ่นเหลียงพูด เธอก็ได้ยกโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรแจ้งความ