มู่น่อนน่อนรู้สึกว่า น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวดูเหมือนจะจงใจมุ่งเป้าไปที่ลี่จิ่วเชียน
เธอพูดอย่างหงุดหงิด “คุณเก่งที่สุด พอใจหรือยัง”
อย่างไรก็ตาม เรื่องความคิดของมู่หวั่นขี เขาพูดถูกทุกอย่าง
มู่หวั่นขีต้องการฆ่าพวกเขาเพื่อล้างแค้นให้กับซือเฉิงหยู้
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้ว “คุณคิดว่าผมพูดผิดใช่ไหม?”
“ลี่จิ่วเชียนเคยมีเรื่องอะไรกับคุณหรือเปล่า ทำไมคุณถึงได้พุ่งเป้าไปที่เขาแบบนี้” เฉินถิงเซียวที่อยู่ตรงหน้าเธอ เขาแสดงท่าทีออกมาอย่างชัดเจน
เฉินถิงเซียวเยาะเย้ย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี “นี่คุณกำลังช่วยพูดแก้ต่างให้เขาเหรอ เป็นคู่หมั้นของเขา จนมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาแล้วเหรอ?”
น้ำเสียงของเขาฟังดูอันตรายเล็กน้อย มู่น่อนน่อนไม่กล้าพูดอะไรในตอนนี้ แต่สิ่งที่จำเป็นต้องพูดเธอก็ควรจะพูด
น้ำเสียงของเธออ่อนลง “เพราะยังไงเขาก็เคยช่วยฉันไว้”
เฉินถิงเซียวจ้องเธอด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง เขาจ้องจนมู่น่อนน่อนรู้สึกอึดอัด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถามขึ้นทันที “คุณรู้จักลี่จิ่วเชียนมากแค่ไหนกัน”
มู่น่อนน่อนถามด้วยความสงสัย “ทำไมเหรอ”
ถ้าให้พูดความจริง เธอไม่ค่อยรู้เรื่องลี่จิ่วเชียนมากนัก
“คุณกับเขารู้จักกันได้ยังไง นอกจากจะรู้ว่าเขาเป็นนักจิตวิทยาที่กลับมาจากต่างประเทศแล้ว คุณยังรู้อะไรอีกไหม” เฉินถิงเซียวมองเธอด้วยท่าทางที่จริงจัง “เมื่อดูจากข้อมูลแล้ว นอกจากตอนที่คุณตั้งท้องอยู่ คุณก็อาศัยอยู่ในเมืองหู้หยางตลอด”
เมื่อเฉินถิงเซียวพูดคำว่า “ตั้งท้อง” ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย
ในช่วงเวลานี้ เขาได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดที่สือเย่เอามาให้เขา และเขาเองก็เกือบจะเข้าใจเรื่องราวที่ผ่านมาของเขาและมู่น่อนน่อนแล้ว
มู่น่อนน่อนเข้าใจแล้ว ว่าเฉินถิงเซียวไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับประทานอาหาร แต่เขามาเพื่อตั้งคำถามกับเธอ
ในเมื่อเฉินถิงเซียวถามมา เธอก็ไม่ได้จะปิดบังอะไร “ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว เขาน่าจะรู้จักฉันตั้งนานแล้ว ส่วนฉันเพิ่งรู้จักเขาเมื่อสามปีก่อน ก่อนที่เราจะเดินทางไปที่เกาะ”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่มีแล้วเหรอ?”
มู่น่อนน่อนส่ายหัวและถามเขาว่า “ตกลงคุณจะทำอะไรกันแน่?”
เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาว่า “อยู่ให้ห่างจากคนที่ไม่ทราบที่มาที่ไปอย่างพวกเขา”
ไม่ทราบที่มาที่ไป หมายถึงลี่จิ่วเชียนนี่?
“แม้ว่าที่มาที่ไปของเขาจะน่าสงสัย แต่เขาก็เคยช่วยชีวิตฉันไว้ และมันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันและเขาจะไม่ติดต่อกัน” มู่น่อนน่อนกล่าวอย่างจริงจัง
เฉินถิงเซียวยิ้มเยาะเย้ย ก่อนที่เขาจะไม่พูดกับเธออีก เขาก้มหน้าลงทานข้าว
เฉินถิงเซียวกลับไปหลังจากทานอาหารเสร็จ
ก่อนที่เขาจะออกไป มู่น่อนน่อนก็ได้เอาขนมไปให้เฉินถิงเซียว และขอให้เขาเอากลับไปให้เฉินมู่
ของพวกนี้เป็นของที่เธอตั้งใจเตรียมให้เฉินมู่เป็นพิเศษ
ตอนที่เธอพยักหน้า และเอาของยื่นให้เฉินถิงเซียว เธอเห็นคิ้วของเฉินถิงเซียวขมวดคิ้วแน่น “ไม่ใช่ว่าที่บ้านผมไม่มีคนใช้”
“คนใช้ก็ส่วนคนใช้ ฉันเป็นแม่ของเฉินมู่ มันไม่เหมือนกัน” ในขณะที่มู่น่อนน่อนพูด เธอก็ยื่นกล่องที่อยู่ในมือให้เขา
แม้ว่าสีหน้าของเฉินถิงเซียวจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังเอื้อมมือออกไปและรับไว้
มู่น่อนน่อนส่งเขาที่หน้าประตู เขาหันมองกลับไปที่เธอ เหมือนเขามีอะไรจะพูด แต่สุดท้ายเขาก็จากไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่เย็นเยียบ
มู่น่อนน่อนมองแผ่นหลังของเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เธอไปทำให้เขาโมโหตอนไหนอีก?
หลังจากปิดประตู มู่น่อนน่อนก็นึกถึงคำพูดของเฉินถิงเซียว ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับความคิดบางอย่าง
คำพูดของเฉินถิงเซียวได้เตือนสติเธอ ครั้งก่อนที่เธอได้พบกับลี่จิ่วเชียน เธอก็อยากจะถามลี่จิ่วเชียนแล้วว่ารู้จักเธอได้อย่างไร แต่เพราะลี่จิ่วเชียนไม่ต้องการพูดในตอนนั้น เธอก็เลยไม่ได้ถาม
ในไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็ต้องถามเรื่องนี้
มู่น่อนน่อนเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ เธออยากจะหาเวลาเพื่อไปถามเรื่องนี้กับลี่จิ่วเชียนโดยเร็วที่สุด
……
วันรุ่งขึ้น ฉินสุ่ยซานก็ได้นัดมู่น่อนน่อนออกไปอีกครั้ง
คราวนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นงานแถลงข่าวภาพยนตร์ใหม่ของเพื่อนเธอ
เมื่อมู่น่อนน่อนไปถึงที่นั่น เธอก็เพิ่งรู้ว่าเพื่อนของเธอก็คือสวุมู่หัน
บางทีอาจเป็นเพราะบทบาทในภาพยนตร์ สวุมู่หันจึงไว้หนวดเคราเล็กน้อย ซึ่งทำให้เขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย แถมยังดูเป็นลูกผู้ชายมากขึ้นอีกด้วย
ความประทับใจของมู่น่อนน่อนที่มีต่อเขายังคงอยู่เมื่อสามปีที่แล้ว
เมื่อลองเปรียบเทียบอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าสวุมู่หันจะไม่ต่างจากเมื่อสามปีที่แล้ว
งานแถลงข่าวส่วนใหญ่จะมีนักข่าวและสื่อต่างๆ มา ฉินสุ่ยซานปลอมตัวพร้อมกับมู่น่อนน่อน ก่อนจะให้เธออยู่ร่วมกับนักข่าว เพื่อจะได้ไม่มีคนมาสนใจ
มู่น่อนน่อนดึงหน้ากากที่ปิดครึ่งหน้าของเธอไว้ ก่อนจะถามฉินฉินสุ่ยซานด้วยเสียงต่ำๆ “ทำไมต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย สามปีที่ผ่านมานี้เธอยังจีบสวุมู่หันไม่ติดอีกเหรอ”
เพราะมีหน้ากากบังไว้ มู่น่อนน่อนเลยมองไม่เห็นใบหน้าของฉินสุ่ยซาน แต่เธอก็เห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของเธอ
ฉินสุ่ยซานรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “อะไรกัน ใครกำลังจะจีบเขา! ฉันไม่ได้จีบนะ อย่าพูดมั่วซั่วสิ”
“อือ เธอไม่ได้จีบเขาเลย ก็แค่แอบมาเข้าร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ของเขาเท่านั้นเอง” หลังจากมู่น่อนน่อนพูดจบ เธอก็ไม่สนว่าฉินสุ่ยซานจะจ้องเขม็งเธอแค่ไหน เธอขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่ การที่เธอมาเข้าร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ของสวุมู่หัน แล้วเธอจะดึงฉันมาด้วยทำไม”
“ยังไงเธอก็ว่างอยู่แล้ว มาเป็นเพื่อนฉันไม่ได้เหรอ” ฉินสุ่ยซานหันหน้าไปจ้องที่เธอ
มู่น่อนน่อนถอนหายใจออก ให้กับน้ำเสียงที่คุ้นเคยของฉินสุ่ยซาน “คุณฉิน เธอยังอยากจะถ่ายทำเรื่องเมืองพังภาค2อยู่ไม่ใช่เหรอ เธอไม่ต้องให้ฉันรีบเขียนบทเลยเหรอ?
“นั่นก็ไม่ได้รีบจนจะเอาภายในวันสองวันนี้” หลังจากฉินสุ่ยซานพูดจบ เธอก็ยิ้มให้เธออย่างประจบสอพลอ “จริงๆ แล้วฉันสงสัยมาตลอด ก่อนหน้านี้คุณทำยังไงถึงทำให้เฉินถิงเซียวทุ่มเทให้กับคุณแค่คนเดียว”
มู่น่อนน่อนขมวดคิ้วและถามเธอว่า “ก่อนหน้านี้?”
“ตอนนี้เฉินถิงเซียวมีคู่หมั้นคนใหม่แล้วไม่ใช่เหรอ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอ ทำไมพวกเธอถึงเลิกกัน แต่เมื่อสามปีที่แล้ว เขาทุ่มเทให้เธอแค่คนเดียวจริงๆ”
ฉินสุ่ยซานกล่าวในขณะที่ให้ความสนใจกับใบหน้าของมู่น่อนน่อน แค่เห็นว่าใบหน้าของมู่น่อนน่อนผิดปกติ เธอก็สามารถหยุดหัวข้อได้ในทันที
แต่สีหน้าของมู่น่อนน่อนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เธอเลยพูดจนจบอย่างสบายใจ
มู่น่อนน่อนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
สิ่งที่ฉินสุ่ยซานพูดนั้นก็ถูกต้อง ในตอนนี้เฉินถิงเซียวได้ “เปลี่ยนใจ” ไปแล้ว
ถ้าเธอไม่พูดถึงเรื่องนี้ มู่น่อนน่อนก็เกือบลืมไปว่าเฉินถิงเซียวมีคู่หมั้นซูเหมียนที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วย
เมื่อสามปีที่แล้วเธอเคยเจอซูเหมียน
ซูเหมียนเป็นเพื่อนของเฉินจิ่งหยุ้น บนตัวของเธอมีออร่าที่อยู่เหนือกว่าทุกคนและความเย่อหยิ่งที่เหมือนกับเฉินจิ่งหยุ้น
“เธอพูดเองนี่ว่าเฉินถิงเซียวเปลี่ยนใจไปแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาเปลี่ยนใจ แสดงว่าเขาก็ไม่ได้ทุ่มเทให้ฉันแค่คนเดียวแล้ว” น้ำเสียงของมู่น่อนน่อนราบเรียบ และก็ไม่ได้ยินอารมณ์ใดๆ ที่แอบแฝงอยู่
ฉินสุ่ยซานหยุดไม่ได้ถามอะไรอีก
มู่น่อนน่อนนึกถึงเมื่อสามปีก่อน ตอนที่ฉินสุ่ยซานปลอมตัวไปเป็นคนใช้ในบ้านเฉินถิงเซียว เมื่อเธอทะเลาะกับเฉินอินหย่า เธอก็มักจะพูดถึงสวุมู่หัน
เธอหันไปมองที่ฉินสุ่ยซาน และถามว่า “แล้วเธอล่ะ เมื่อสามปีที่แล้วเธอไม่ได้สนใจเฉินถิงเซียวเลยนี่ คนที่เธอชอบก็คือสวุมู่หัน ทำไมเธอต้องปลอมตัวไปเป็นคนใช้บ้านของเฉินถิงเซียว?”
“ฉันพูดว่าฉันชอบสวุมู่หันตอนไหนกัน” ฉินสุ่ยซานเหมือนแมวเหยียบโดนหางของตัวเอง(ร้อนตัว) เมื่อเธอตื่นเต้น เสียงของเธอก็จะสูงขึ้น
แน่นอนว่ามันดึงดูดความสนใจของนักข่าวคนอื่นๆ
มู่น่อนน่อนรู้สึกใจคอไม่ดี
เธอเลยรีบดึงฉินสุ่ยซาน ตอนที่เธอกำลังจะวิ่ง นักข่าวที่มีสายตาแหลมคมก็จำเธอได้
“มู่น่อนน่อน!”