เฉินถิงเซียวถือเหล้าขาวและผ้าขนหนูที่ชายชราเอาให้เขา กลับมาที่ห้อง
ตอนที่เขาเข้าไป มู่น่อนน่อนไม่รู้ลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งอยู่บนเตียงอย่างสะลึมสะลือ
เนื่องจากเพราะมีไข้ สีหน้าของเธอจึงแดงเล็กน้อย ขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาพร่ามัว
เฉินถิงเซียวเข้ามา เธอขมวดคิ้วอย่างแรง ถึงจะหรี่ตาจำเขาได้
รอเขาเดินเข้ามาใกล้ มู่น่อนน่อนถึงถามว่า: “คุณไปไหนมา?”
น้ำเสียงของเธอลากยาวเล็กน้อย ฟังดูแล้วค่อนข้างน่าสงสาร
เฉินถิงเซียวนั่งลงข้างเตียง บนตัวเธอสวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวของเขา เขาเหลือบตาลงต่ำ ก็มองเห็นเรียวขาที่ขาวเนียนของเธอ
ไข้ขึ้นจนเบลอแล้วจริงๆ
เฉินถิงเซียวดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอ พูดเสียงเย็นชาว่า: “นอนลงไป”
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ปฏิเสธว่า: “ไม่”
ตอนนี้เธอไข้ขึ้นจนสติเลอะเลือนเล็กน้อย ไม่สนว่าเฉินถิงเซียวจะพูดอะไร แค่รู้สึกว่าน้ำเสียงของเขาดุมาก เธอจะไม่ทำตามอย่างเด็ดขาด
เฉินถิงเซียวจ้องเธอสองสามวินาที ราวกับมองความคิดในใจของเธอออก ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงอ่อนลงหน่อย พูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง: “นอนลงไป”
“อ่อ” มู่น่อนน่อนครั้งนี้กลับให้ความร่วมมืออย่างมาก
แต่เธอในตอนนี้ไม่สนน้ำเสียงหนักเบาแล้ว ได้ยินคำพูดของเฉินถิงเซียว ก็ล้มลงไปข้างหลังอย่างตัวตรง
โชคดีที่เฉินถิงเซียวคว้าเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เธอเป็นไข้จนร่างกายไม่มีแรง เฉินถิงเซียวประคองไหล่ของเธอ และวางเธอลงบนเตียงอย่างง่ายดาย
เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเธอ ร้อนอย่างรุนแรง
เฉินถิงเซียวเปิดเหล้าขาวมองดูสักพัก แล้วก็วางกลับไป
เหล้าขาวสามารถลดอุณหภูมิร่างกายลงได้ แต่ใช้ให้น้อยจะดีกว่า
เฉินถิงเซียวเอาผ้าขนหนูเปียกวางลงบนหน้าผากของมู่น่อนน่อน ห่มผ้าห่มให้เธอ จากนั้นก็หันหลังกลับลงไปข้างล่าง
ชายชราอุ้มแมวนั่งอยู่หน้าประตู ในมือถือท่อสูบบุหรี่ที่ยาวมากด้ามหนึ่ง กำลังใส่ยาสูบไม่กี่แผ่นลงไปจุดไฟ
ที่เขาสูบเป็นบุหรี่ชนิดที่ปลูกขึ้นมาเอง ไม่ได้ผ่านการแปรรูป กลิ่นของยาสูบฉุนจนแสบจมูกเล็กน้อย
คิ้วของเฉินถิงเซียวขยับเบาๆเล็กน้อย และเดินไปนั่งลงตรงข้ามชายชรา
ชายชรายื่นท่อสูบบุหรี่ไปตรงหน้าเฉินถิงเซียว: “เอาหน่อยมั้ย?”
เฉินถิงเซียวตอบเสียงเรียบ: “ไม่เอาครับ”
“ภรรยานายเป็นไงบ้าง?” ชายชราดูเหมือนก็แค่ถามผ่านๆ หลังจากสูดเข้าไปทีหนึ่งอย่างเพลิดเพลิน ก็ถามออกมา
เฉินถิงเซียวสีหน้าไม่เปลี่ยน: “ไม่เป็นอะไรครับ”
“อ้อ พวกนายเป็นคนในเมือง มาทำอะไรที่นี่ล่ะ?” ชายชราเคาะหัวบุหรี่ เหลือบสายตาขึ้นมองเขา
เฉินถิงเซียวตอบอย่างง่ายๆ: “ธุระครับ”
ชายชราน่าจะมองออกว่าเฉินถิงเซียวเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด เลยไม่ถามอะไรมาก แต่เป็นเริ่มมองสังเกตเฉินถิงเซียว
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ารูปร่างสูงมาก คิ้วเข้ม หล่อเหลาน่าหลงใหล เสื้อผ้าที่เนื้อผ้าหยาบกร้านเมื่อสวมอยู่บนตัวของเขา ก็ปกปิดความเป็นผู้ดีของเขาไม่ได้เลย แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
……
ตอนที่มู่น่อนน่อนตื่นขึ้น ที่เข้าสู่สายตาก็คือความมืดครึ้ม
เธอลืมตาเพื่อปรับตัวครู่หนึ่ง ถึงจะมองเห็นเครื่องเรือนภายในห้องลางๆ
ด้านบนไม่ใช่เพดานที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วเห็นทุกเช้า แต่เป็นคานหลังคาไม้แท้และกระเบื้องหลังคาสีน้ำเงิน
ในห้องก็ไม่มีของตกแต่งอื่นๆ เธอนอนอยู่บนเตียงมองออกไป ก็เห็นเพียงบางอย่างที่คล้ายกับตู้ ในห้องยังมีกลิ่นของไม้อับชื้นอีกด้วย
เมื่อประสาทสัมผัสกลับมา เธอถึงรู้สึกว่าบนหน้าผากมีผ้าขนหนูทาบอยู่
ผ้าขนหนูถูกอุณหภูมิร่างกายของเธออบจนเกือบแห้ง
เธอจำได้ เหมือนว่าเฉินถิงเซียวจะมาหาเธอแล้ว!
มู่น่อนน่อนพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เธอรอสองสามวินาที ถึงจะลงจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าประตู
เปิดประตู ก็เห็นบันได ชั้นล่างมีเสียงพูดคุยของชายชราดังมาเป็นระยะๆ ในนั้นยังผสมกับเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่ง
มู่น่อนน่อนยืนฟังอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง ก็พบว่าชายชราพูดยาวๆท่อนหนึ่ง ชายหนุ่มถึงจะตอบสั้นๆมาคำหนึ่ง
แม้ว่าจะเป็นเพียงการตอบแบบสั้นๆ แต่มู่น่อนน่อนก็ฟังออกว่านี่คือเสียงของเฉินถิงเซียว
เธอรู้สึกดีใจมาก จะลงไปข้างล่าง
เดินไปข้างหน้าได้สองก้าว เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองตอนนี้สวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเท่านั้น เลยรีบกลับเข้าไปในห้อง หาสวิตช์ไฟที่ข้างประตูเจอ
เธอกดสวิตช์เปิดปิด แต่ในห้องกลับไม่มีไฟสว่างขึ้นมา
ไฟดับ
ช่วงสองสามวันมานี้ฝนตกหนัก ดินถล่มรุนแรง ไฟดับก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ของในห้องเดิมทีก็มีไม่มาก เธอคลำหารอบๆก็ไม่มีเสื้อผ้าเลย
มู่น่อนน่อนได้แค่กลับไปที่เตียง รอให้เฉินถิงเซียวขึ้นมา
โชคดีที่เฉินถิงเซียวไม่ได้ปล่อยให้เธอรอนาน
เธอนั่งบนเตียงไม่ถึงสิบนาที ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าว่ามีคนเดินขึ้นมาชั้นบน
ฝีเท้ามั่นคง เป็นเฉินถิงเซียว
เป็นอย่างที่คิด ผ่านไปสักพัก เฉินถิงเซียวก็ผลักประตูเดินเข้ามา เขามือข้างหนึ่งถือเทียนแท่งหนึ่ง มืออีกข้างหนึ่งถือเสื้อผ้าของมู่น่อนน่อน
แสงเทียนสีเหลืองส้มส่องสว่างห้องที่มืดครึ้ม มู่น่อนน่อนเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นหน้าของเฉินถิงเซียว
เธอร้องออกมาด้วยความเซอร์ไพรส์: “เฉินถิงเซียว!”
เฉินถิงเซียวไม่พูดอะไร ถือเทียนเดินมาข้างเตียง วางเสื้อผ้าในมือลงบนเตียง เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเธอเล็กน้อย
แน่ใจว่าหน้าผากของเธอไม่ร้อนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ถึงจะลุกยืนขึ้น
มู่น่อนน่อนถึงจะสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่เฉินถิงเซียวสวมอยู่บนตัว
เขาสวมชุดทำงานสีเขียวทหาร คล้ายกับเสื้อผ้าที่คนในยุค90สวมใส่ในทีวี มองดูแล้วให้ความรู้สึกของยุคสมัย
แต่เฉินถิงเซียวก็คือเฉินถิงเซียว ต่อให้เสื้อผ้าขาดๆ ก็ยังคงเป็นคุณชายเฉินที่แผ่ออร่าผู้ดีไปทั่วร่าง
เฉินถิงเซียวมองต่ำ เห็นมู่น่อนน่อนจ้องมองตัวเองอย่างจดจ่อ ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า: “สวมซะ”
มู่น่อนน่อนเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามา ได้กลิ่นควันกลิ่นหนึ่ง ก็เดาได้ว่าเสื้อผ้าชุดนี้เฉินถิงเซียวจะต้องช่วยเธอผึ่งไฟจนแห้งแน่ๆ
ยังไงเสียสถานที่แบบนี้ ก็ไม่มีเครื่องอบผ้า
มู่น่อนน่อนมองดูเสื้อผ้า แล้วก็มองเฉินถิงเซียว: “คุณหันไปสิ”
เฉินถิงเซียวเลิกคิ้วมองเธอ: “ก่อนหน้านี้ที่คุณขอร้องให้ผมช่วยคุณอาบน้ำ ผมเห็นหมดทุกอย่างแล้ว”
“……”
เวลานี้ เฉินถิงเซียวก็เสริมเข้าไปอีกประโยคหนึ่งว่า: “ก็ไม่มีอะไรน่ามอง”
มู่น่อนน่อนเม้มปาก ถลึงตาใส่เขา ดึงผ้าห่มออกแล้วก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า
ส่วนเฉินถิงเซียวก็จ้องมองเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงๆอยู่แบบนั้นจริงๆ ไม่แม้แต่ละสายตา
มู่น่อนน่อนรู้สึกว่าอุณหภูมิที่เพิ่งลดลงของตัวเอง สูงขึ้นมาอีกครั้ง
ถูกเฉินถิงเซียวมองดูจนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หน้าของเธอก็ร้อนผ่าวราวกับลุกเป็นไฟ
มู่น่อนน่อนคิดว่า ไม่ว่าความทรงจำของคนคนหนึ่งจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ตอนที่หน้าไม่อายก็ยังคงหน้าไม่อาย
เธอพลิกตัวลงจากเตียง มองเขาอย่างยั่วยุ: “มองแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”
เฉินถิงเซียวเหอะอย่างเย็นชาออกมา: “เพราะว่าคุณ ผมถึงติดอยู่ในสถานที่แบบนี้ คุณก็ต้องรับผิดชอบด้วยใช่หรือเปล่า? คุณรู้มั้ยว่าผมติดอยู่ที่นี่หนึ่งวัน บริษัทเฉินซื่อจะมีงานกองเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่?”
ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่อยู่ในใจของมู่น่อนน่อนพวกนั้น ถูกคำพูดของเขาชะล้างหายไปในพริบตา
เธอกัดฟัน น้ำเสียงไม่ค่อยดีนัก: “ถ้างั้นคุณก็อย่ามาสิ? คุณจะมาทำไม?”