ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 488 นี่คือทางไปบ้านของเรา

บทที่ 488 นี่คือทางไปบ้านของเรา

สุดท้ายเสียงโต้แย้งของทั้งคู่ได้หายสาบสูญอยู่ในจูบนี้

เฉินถิงเซียวเป็นคนที่แข็งกร้าวและเอาแต่ใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมแรงของเขาเยอะมาก มู่น่อนน่อนจะขัดขืนออกได้ยังไง

ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ในที่สุดเฉินถิงเซียวถึงได้ปล่อยมือเธอ

มู่น่อนน่อนโกรธจนตัวสั่น เธอยกมือขึ้นอยากจะทุบตีไปที่เขา

แต่พอยกมือขึ้น วินาทีต่อมาก็ได้เอามือลงอีก

หลายปีมานี้ทั้งสองผ่านมาไม่ง่ายเลย เรื่องนี้ยังไม่ทันจบอีกเรื่องก็แทรกเข้ามาอีก ถึงจะโกรธมากแค่ไหน เธอก็ยังลงไม้ลงมือกับเฉินถิงเซียวไม่ได้อยู่ดี

มู่น่อนน่อนดึงมือตัวเองกลับ และได้ถามคำถามที่ก่อนหน้านี้เคยถามอีกรอบนึง:“คุณจำได้หมดแล้วใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่”เฉินถิงเซียวตอบอย่างรวดเร็วมาก

มู่น่อนน่อนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เฉินถิงเซียวเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของเธอ จึงได้พูดเสริมอีกคำว่า:“ไม่ใช่ทั้งหมด”

มู่น่อนน่อนเอียงศีรษะมองเขา เสียงเย็นชาเล็กน้อย:“จำอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้ว?”

เฉินถิงเซียวขยับริมฝีปาก หยุดชะงักไปหลายวิถึงส่งเสียงออกมา:“จำตอนที่อยู่จีนติ่งคนอื่นวางยาผมและครั้งแรกของเราได้”

มู่น่อนน่อนอึ้ง สีหน้าค่อนข้างอึดอัด เธอเม้มปากแล้วถามโดยตรง:“ยังมีอีกล่ะ?”

“จำได้แค่นี้แหละ”เฉินถิงเซียวจ้องมองเธอไว้ แววตาลุ่มลึก จ้องมองเธออย่างไม่คลาดสายตา

มู่น่อนน่อนสบตากับเขาไปหลายวิ ก็ได้เคลื่อนย้ายสายตาออกแล้ว

เธอเชื่อว่าที่เฉินถิงเซียวพูดคือความจริง

เพราะเฉินถิงเซียวไม่จำเป็นต้องโกหก

จำครั้งแรกของพวกเขาได้……

นั่นก็หมายความว่า จำความรักของพวกเขาสองคนได้ ถึงว่าล่ะหลายวันนี้ถึงได้เอาใจใส่ขนาดนี้

พอมาคำนวณอย่างละเอียดแล้ว ที่จริงเฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ทำอะไรมาก แต่เมื่อเทียบกับเขาในก่อนหน้านี้ ถือว่าได้เอาใจใส่มากแล้ว

สำหรับเรื่องของเฉินถิงเซียว มู่น่อนน่อนได้เตรียมใจที่จะรอคอยตั้งนานแล้ว ความผิดปกติของเขาในหลายวันนี้ ถึงแม้ในใจเธอรู้สึกอยู่ลางๆว่าเขาจำอะไรได้ แต่กลับไม่กล้าไปคิดว่าเขาจำได้หมดเลยหรือเปล่า

คงจะเพราะชินกับเฉินถิงเซียวในแบบนี้แล้ว จึงไม่กล้าเพ้อฝันว่าเฉินถิงเซียวในเมื่อก่อนจะกลับมา

เพราะฉะนั้น ตอนที่เฉินถิงเซียวพูดออกมาว่าไม่ใช่ทั้งหมด มู่น่อนน่อนกลับยอมรับได้อย่างง่ายดาย

เธอมองนอกหน้าต่าง พร้อมถามเฉินถิงเซียวว่า:“ทำไมไม่บอกฉันคะ?ในเมื่อจำได้แล้ว ทำไมไม่บอกฉัน?”

เธอรอไปสักพัก ก็ไม่ได้คำตอบจากเฉินถิงเซียว

มู่น่อนน่อนหันหน้ามาก็เห็นเฉินถิงเซียวกำลังจ้องมองเธออยู่ สายตาเพ่งมองอยู่ที่บนตัวเธออย่างจดจ่อมาก

จนกระทั่งมู่น่อนน่อนหันหน้ามาสบตากับเขา จู่ๆเหมือนเขาถึงดึงสติกลับมายังไงอย่างงั้น แววตาลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ส่งเสียงออกมา

ไฟที่อยู่ในใจมู่น่อนน่อนได้ลุกขึ้นมาอีก

เธอกัดริมฝีปากแล้วพูด:“คุณไม่อยากพูดก็ช่าง รอให้คุณอยากพูดค่อยพูด เรามาคุยเรื่องของลี่จิ่วเชียนต่อ ไม่ว่าคุณคิดกับเขายังไง คุณคิดว่าเขามีจุประสงค์อะไร แต่เขาได้ช่วยชีวิตฉันไว้ จุดนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เขาเป็นผู้มีพระคุณของฉัน”

เดิมทีเธอคิดอยู่ตอนที่เฉินถิงเซียวฟื้นคืนความทรงจำจะต้องเพิกเฉยเขาหน่อย ให้เขาก็ได้รับรู้ความรู้สึกที่เธอเคยได้รับรู้หน่อย

แต่จู่ๆเฉินถิงเซียวได้ฟื้นคืนความทรงจำกลับมาได้บ้าง เวลาคับขันแบบนี้ พวกเขากลับมาทะเลาะกัน

พวกเขาได้ทะเลาะกันเพราะลี่จิ่วเชียน

ปกติเธอล้วนจะไปมองปัญหาอยู่ในจุดยืนของเฉินถิงเซียว เธอรู้เรื่องที่เขาเคยประสบพบเจอมาในสมัยยังเด็ก เข้าใจนิสัยด้านที่เศร้าหมองของเขา เพราะฉะนั้นในหลายๆเรื่องเธอสามารถเข้าใจเขาได้

แต่เรื่องของลี่จิ่วเชียน เธอจะไม่ยอมถอยแน่นอน

ไม่ว่าการโผล่มากะทันหันของลี่จิ่วเชียนในสามปีก่อน หรือว่าช่วยเธอเมื่อสามปีก่อน และเขาดูแลเธอมาสามปี……

เรื่องพวกนี้ ล้วนมีจุดที่ไม่สอดคล้องกับตรรกะ

เขาเหมือนจงใจช่วยเธอไป และซ่อนเอาไว้ไม่ให้คนพบเห็น

แต่กลับไม่ขัดขวางคนอื่นหาเธอเจอ ดูออกว่าเป็นเธอ กลับกันยังได้พาเธอมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหู้หยาง ไม่ได้จงใจหลีกเลี่ยงสถานที่นี้

ลี่จิ่วเชียน ตั้งแต่ต้นจนจบคนๆนี้ล้วนแฝงด้วยความแปลกประหหลาด

แต่ว่า เรื่องที่ลี่จิ่วเชียนช่วยเธอ ก็ไม่สามารถให้เธอใช้เจตนาร้ายที่ร้ายที่สุดไปคาดเดาลี่จิ่วเชียน

บางทีเขาอาจจะมีเหตุผลของตัวเอง และมีเหตุผลที่ตัวเองพูดไม่ได้

มู่น่อนน่อนยอมรับว่าตัวเองเป็นคนใจอ่อน ตั้งแต่เล็กจนโต อยู่ตระกูลมู่ไม่มีใครให้ความสำคัญกับเธอเลย เธอไม่ปรารถนาความรักใคร่ที่ไม่มีหวัง แต่มีคนยื่นมือมาช่วยเธอ ได้แสดงความตั้งใจดีต่อเธอ เธอก็จะจดจำไว้ในใจ

เธอรู้นิสัยของเฉินถิงเซียวดีมาก และดูออกตั้งนานแล้วว่าเฉินถิงเซียวกับลี่จิ่วเชียนไม่ถูกกัน

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในเขา จู่ๆเฉินถิงเซียวได้เสนออกมาว่าจะไปตรวจไข้กับลี่จิ่วเชียน มู่น่อนน่อนก็รู้สึกผิดปกติแล้ว

แต่เรื่องของวันนี้และคำพูดที่เฉินถิงเซียวพูด ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าลี่จิ่วเชียนได้ถูกเฉินถิงเซียวจับตาเข้าแล้ว

เธอพูดมาเยอะขนาดนี้ เฉินถิงเซียวไม่มีปฏิกิริยาอะไรที่มากกว่าเลย

เขาสตาร์ทรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เขาไม่พูดจา มู่น่อนน่อนก็ย่อมไม่พูดจาอีก

เพียงแต่ รถขับไปขับมา เหมือนทิศทางไม่ค่อยถูก

มู่น่อนน่อนพบว่านี่ไม่ใช่ทางไปบ้านเธอเลย

เธอหันไปมองเฉินถิงเซียวและเตือนเขา:“คุณไปผิดทางแล้วค่ะ”

“ไม่ผิด”เฉินถิงเซียวตอบอย่างไม่หันหน้ามามอง

เขายังเพ่งมองด้านหน้าอีกเช่นเคย ดูแล้วจริงจังสุดๆ

เขาเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรทำเรื่องอะไรล้วนจดจ่อและใส่ใจมาก

มู่น่อนน่อนเพิ่มน้ำเสียงให้หนักขึ้น พร้อมพูดจาให้ช้าลง:“นี่ไม่ใช่ทางไปชุมชนที่ฉันพักค่ะ”

ครั้งนี้ เฉินถิงเซียวได้หันมามองเธอแว๊บนึงแล้วพูด:“นี่คือทางไปบ้านของเรา”

ไม่นานมู่น่อนน่อนก็เข้าใจว่าเฉินถิงเซียวจะพาเธอไปที่วิลล่า

มู่น่อนน่อนเม้มปากไว้ เงียบไปครู่ถึงได้พูดว่า:“ตอนนี้ฉันไม่อยากไปค่ะ”

เธอยังไม่ลืมหรอกนะว่าตอนนี้พวกเขากำลังทะเลาะกันอยู่

ถึงย้ายไปที่วิลล่าของเฉินถิงเซียว ทั้งสองอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ไม่แน่อาจจะทะเลาะกันรุนแรงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เฉินถิงเซียวไม่สนใจคำปฏิเสธของเธอ ไม่ได้ลดความเร็วของรถลงเลยสักนิด ยังคงขับไปยังทิศทางของวิลล่าต่อ

มู่น่อนน่อนเห็นเขาไม่สนใจเธอเลย จึงได้พูดเสียงดังว่า:“คุณไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง!”

ในที่สุดเฉินถิงเซียวก็ได้เปิดปากพูดสักที

น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย:“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว อย่าโวยวาย”

“ใครกันแน่ที่โวยวาย?”ถึงเฉินถิงเซียวที่ฟื้นคืนความทรงจำกลับมาได้ส่วนนึง เวลาไม่มีเหตุผลขึ้นมาก็ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

อยู่ในโลกของเฉินถิงเซียว ไม่มีเหตุผลให้พูดถึง

มีแค่เขาอยากทำอะไร กับเขาไม่อยากทำอะไรเท่านั้น

มู่น่อนน่อนรู้ว่าตัวเองพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงได้หันไปมองนอกหน้าต่าง ไม่มองหน้าเขาอีก

เห็นเขาทีไรก็รู้สึกหงุดหงิดทุกที

รถยนต์ได้จอดลงที่หน้าวิลล่า

มีบอดี้การ์ดจะเดินมาเปิดประตู แต่กลับถูกเฉินถิงเซียวห้ามเอาไว้

เฉินถิงเซียวลงจากรถแล้วเดินมาที่ข้างประตูของฝั่งข้างคนขับ พอเปิดประตูรถแล้วได้พูดอย่างเรียบเฉย:“ถึงแล้ว”

มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างเย็นชาแว๊บนึง จากนั้นได้มือกอดอกเดินเข้าไปอย่างไว แกล้งทิ้งเฉินถิงเซียวไว้ข้างหลัง

เธอเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถง เฉินมู่ก็ได้วิ่งมาเลย “แม่คะ!”

มู่น่อนน่อนก้มหน้า กำลังอยากจะอุ้มเธอขึ้นมา ก็ได้ยินเฉินมู่“เอ๊ะ”คำนึง:“ทำไมปากของแม่ถึงได้ถลอกคะ?”

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท