หลังจากเฉินถิงเซียวฟังคำของมู่น่อนน่อนแล้ว ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณบอกว่า เมื่อวานตอนกลางวันคุณเห็นลี่จิ่วเชียนที่โรงแรมจีนติ่ง แต่ว่าตอนที่คุณโทรหาเขา เขามีปฏิกริยาโต้ตอบแปลกๆ คุณจึงไปหาเขาเหรอ?”
“ใช่ ตอนบ่ายฉันไปหาเขาที่คลินิก แต่เขาไม่อยู่” มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วพูดว่า “ฉันจึงถามผู้ช่วยเขาดู ผลสุดท้ายผู้ช่วยเขาบอกว่า อาหารกลางวันของลี่จิ่วเชียน เธอเป็นคนช่วยสั่งมาให้”
มู่น่อนน่อนพูดจบ เห็นว่าเฉินถิงเซียวทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เธอจึงพูดสิ่งที่เธอสงสัยอยู่ในใจออกมา “ดังนั้น ฉันกำลังคิดว่า จะเป็นไปได้ไหม ที่ลี่จิ่วเชียนคนที่ฉันเห็นเมื่อตอนกลางวันที่โรงแรมจีนติ่งคนนั้น จะเป็นคนที่แค่มีหน้าตาเหมือนกับลี่จิ่วเชียนกันนะ?”
“ถ้าเป็นแค่คนที่หน้าตาเหมือนกับลี่จิ่วเชียน……”เฉินถิงเซียวพูดถึงแค่นี้ก็หยุดไปชั่วขณะ แล้วจึงพูดเสริมหลังจากนั้นจนจบ แต่น้ำเสียงของเขานั้นแย่กว่าเดิม
“แล้วทำไมเขาถึงไม่พูดกับคุณตรงๆทางโทรศัพท์ล่ะ?”
มู่น่อนน่อนสีหน้าสับสน ใช่สิ ทำไมเธอถึงนึกไม่ได้นะ
เธอแค่รู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน
“ดังนั้น ลี่จิ่วเชียนที่ฉันเห็นที่โรงแรมลี่จิ่วเชียน อาจจะเป็นคนที่หน้าตาเหมือนกับเขา แต่ว่าคนที่หน้าตาเหมือนกับเขา ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือเป็นพี่น้องฝาแฝดของเขา แล้วเขาตั้งใจจะปิดบังเรื่องนี้……”
เฉินถิงเซียวฉีกยิ้ม เผยให้เห็นรอยยิ้มที่จะยิ้มก็เหมือนไม่ยิ้ม “มันยากเกินไปสำหรับคุณ ที่จะนึกถึงจุดนี้ได้ใช่ไหม”
มู่น่อนน่อนจ้องเขาเขม็ง แล้วก็คิดเรื่องของตัวเองต่อ
ถ้าคนๆนั้นเป็นพี่น้องฝาแฝดของลี่จิ่วเชียนจริงๆ ยังไงเขาก็ต้องไปหาลี่จิ่วเชียนแน่ๆ
เมื่อวานที่โรงแรมจีนติ่ง ตอนที่เธอเห็นลี่จิ่วเชียนคนนั้น เขาใส่เสื้อผ้าสีดำทั้งตัว และเมื่อวานตอนที่เธอและเฉินถิงเซียวไปหา ลี่จิ่วเชียนที่บ้าน เขาก็ใส่เสื้อผ้าอยู่บ้านสีดำเหมือนกัน
และอีกอย่าง บ้านของลี่จิ่วเชียนก็ดูรกๆ
เสื้อผ้าสีดำ ความเรียบร้อยของบ้าน คิดได้อย่างเดียว นั่นก็คือ……
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมา มองไปที่เฉินถิงเซียวแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมื่อวานตอนเย็น คนที่พวกเราเจอที่บ้านลี่จิ่วเชียน จริงๆแล้วไม่ใช่ลี่จิ่วเชียน!”
เฉินถิงเซียวเอนหลังพิงเก้าอี้ เอียงศีรษะมองเธอ ไม่พูดไม่จา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไร แต่มู่น่อนน่อนก็สังเกตได้จากสีหน้าของเขา เธอมองออกว่าเฉินถิงเซียวมองออกตั้งนานแล้วว่าคนที่เจอที่บ้านของลี่จิ่วเชียนเมื่อวาน ไม่ใช่ลี่จิ่วเชียนตัวจริง
“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉันล่ะ?” มู่น่อนน่อนขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด “ต้องเกิดเรื่องขึ้นกับลี่จิ่วเชียนแน่ๆ ไม่อย่างนั้น คนที่เจอเมื่อวานถึงไม่ใช่ลี่จิ่วเชียนล่ะ?”
เฉินถิงเซียวมองเธอที่กำลังพูดกับตัวเองด้วยสายตาเยือกเย็น ไม่พูดอะไร
มู่น่อนน่อนหันมาเห็นเฉินมู่ มองมาที่เธอด้วยใบหน้างงงวย
เธอลูบหน้าของเฉินมู่ ถามด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนว่า “กินอิ่มแล้วเหรอลูก?”
“กินอิ่มแล้วค่ะ” เฉินมู่ พยักหน้า แล้วขยับตัวจะลงจากเก้าอี้
มู่น่อนน่อนพยุงเธอ ช่วยเธอลงจากเก้าอี้ “ออกไปเล่นข้างนอกเถอะลูก”
หลังจาก เฉินมู่ออกไป มู่น่อนน่อนที่อยู่ข้างหลังก็นั่งไม่ติด
เธอลุกขึ้นยืน “ไม่ได้การแล้ว ฉันต้องไปที่คลินิกจิตเวชของลี่จิ่วเชียนสักหน่อย”
หลังจากพูดจบ เธอก็ลากเก้าอี้ออกแล้วเดินออกไป เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้รั้งเธอไว้
……
มู่น่อนน่อนขับรถไปที่คลินิกจิตเวชของลี่จิ่วเชียน
เมื่อเธอไปถึง ประตูเปิดออกกว้าง แต่เมื่อเธอเดินเข้าไป ข้างในกลับเงียบสงัดมาก
ตอนนี้เป็นเวลาเช้าที่เพิ่งเปิดคลินิก ไม่มีคนก็เป็นเรื่องปกติ
พนักงานหญิงหน้าเคาน์เตอร์เห็นมู่น่อนน่อนก็ยิ้มให้เธอ “คุณมู่ มาแต่เช้าเลยนะคะ?”
มู่น่อนน่อนถามด้วยความร้อนใจ “คุณหมอลี่ของพวกคุณล่ะ?”
“เมื่อวานตอนเย็นคุณหมอลี่โทรมาบอกพวกเราว่า จะไปราชการที่ต่างประเทศสักพักค่ะ ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไรเหมือนกันค่ะ วันนี้พวกเรามาก็เพื่อมาทำความสะอาด แล้วก็มารับหน้าคนไข้ที่นัดไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ ”
หลังจากที่พนักงานหญิงหน้าเคาน์เตอร์พูดจบ ก็หันไปมองนาฬิกาแขวนผนัง “ตอนนี้ คุณหมอลี่น่าจะขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วนะคะ”
ใจของมู่น่อนน่อนกระตุกทีหนึ่ง หลังจากที่รู้ว่า ลี่จิ่วเชียนคนที่เธอเจอเมื่อวาน อาจจะไม่ใช่ลี่จิ่วเชียนตัวจริง เธอไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้จะเป็นแผนการของลี่จิ่วเชียน
ต้องเป็นคนที่หน้าตาเหมือนกับลี่จิ่วเชียนคนนั้นเป็นคนทำแน่ๆ
ส่วนจุดประสงค์ที่ทำเขาเพราะอะไรนั้น แล้วพาลี่จิ่วเชียนไปไว้ไหน ก็ไม่อาจรู้ได้
สีหน้าของมู่น่อนน่อนเปลี่ยนไปแล้วถามว่า “รู้ไหมว่าเขานั่งเครื่องไฟลต์ไหน?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เขาเป็นคนจองตั๋วเครื่องบินเอง พวกเราไม่รู้เลยค่ะ” พนักงานหญิงหน้าเคาน์เตอร์เห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนไม่ดี จึงถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าค่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปก่อน” มู่น่อนน่อนหันหลังจากไปอย่างรีบร้อน
พอเธอขึ้นรถได้ ก็ตบพวงมาลัยอย่างแรง บ่นว่า “เฉินถิงเซียว!”
มู่น่อนน่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วขับรถไปบริษัทเฉินซื่อด้วยความโกรธ
หลังจากพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ของบริษัทเฉินซื่อเคยถูกตักเตือน ตอนนี้จึงเคารพมู่น่อนน่อนเป็นพิเศษ “คุณหญิงน้อย”
มู่น่อนน่อนไม่มองหน้าใครทั้งนั้น เดินตรงไปที่ประตูลิฟต์ เข้าไปในลิฟต์แล้วกดไปที่ชั้นบนสุด
สือเย่เห็นมู่น่อนน่อนก็ผงะไปชั่วครู่ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ “คุณหญิงน้อย?”
“เฉินถิงเซียวล่ะ?” มู่น่อนน่อนถามสือเย่ด้วยใบหน้าเย็นชา
สือเย่เป็นคนฉลาดหลักแหลม เมื่อเห็นสีหน้าของมู่น่อนน่อนก็รู้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
“คุณชายกำลังประชุมอยู่ครับ คุณหญิงน้อยไปรอเขาที่ห้องทำงานของCEOก่อนดีไหมครับ?” สือเย่เห็นมู่น่อนน่อนท่าทางโกรธจัด ก็อยากพาเธอไปพักผ่อนที่ห้องทำงานก่อน รอเฉินถิงเซียวประชุมเสร็จแล้ว ไม่แน่ว่าความโกรธของเธออาจจะจางหายไปบ้างแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน แต่การมีเรื่องน้อยลงหนึ่งเรื่องก็ดีกว่าเพิ่มเรื่องขึ้นมาอีกหนึ่งเรื่อง ทะเลาะกันให้น้อยยังไงก็ดีกว่า
มู่น่อนน่อนหยุดเดิน แล้วพูดซ้ำขึ้นว่า “ประชุม?”
“ใช่ครับ” สือเย่รู้ว่ามู่น่อนน่อนไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล รู้ว่าเธอจะต้องฟังเหตุผลของตัวเองแน่ๆ
แต่เห็นได้ชัดว่า ครั้งนี้เขาคาดการณ์ความโกรธครั้งนี้ของมู่น่อนน่อนผิดไป
ครั้งนี้มู่น่อนน่อนไม่เพียงแต่จะโกรธที่เฉินถิงเซียวไม่บอกเธอเรื่องที่เขาคาดเดาได้ แต่ยังโกรธในท่าทีของเฉินถิงเซียวด้วย
“ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันไปหาเขาเอง” มู่น่อนน่อนพูดจบก็ผลักสือเย่ เดินตรงไปที่ห้องประชุม
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยทำงานที่บริษัทเฉินซื่อ แต่เธอเคยมาที่นี่หลายครั้ง จึงรู้ว่าห้องประชุมของบริษัทเฉินซื่ออยู่ที่ไหน
“คุณหญิงน้อย! มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันหลังเขาประชุมเสร็จเถอะครับ !” สื่อเย่คิดที่จะเดินไปข้างหน้าห้ามเธอไว้
มู่น่อนน่อนยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น “รอเขาประชุมเสร็จเหรอ? ทำไมฉันจะต้องรอเขา ทำไมทุกครั้งเขาต้องทำอะไรตามใจเขาตลอด?”
สือเย่ได้ยินเช่นนั้น ก็ตกใจ
เขารู้สึกได้ว่า ครั้งนี้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาสองคนรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าไม่สามารถห้ามมู่น่อนน่อนได้ ก็ยังคิดจะลองเกลี้ยกล่อมเธอ ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ของเขา