ไม่ช้า อาลั่ว ก็ออกมาพร้อมกับน้ำ และกับจานเค้กมาด้วย
เธอวางเค้กลงบนโต๊ะชา แล้วยื่นน้ำให้มู่น่อนน่อนว่า “ฉันเห็นว่ายังมีเค้กอยู่เล็กน้อย ก็เลยเอามาให้ด้วยค่ะ นี้พึ่งทำเมื่อวานค่ะ คุณชายรู้สึกว่าโอเคนะคะ”
มู่น่อนน่อนลองชิมหนึ่งคำ ไม่ค่อยหวาน ยังเหนียวอยู่นิดหน่อย
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นอาลั่วมองมาที่เธออย่างมีความหวัง เธอพูดว่า”ดีมาก ฝีมือของเธอดีมากจริงๆ”
“ฉันยังทำเค้กแบบอื่นได้ด้วย ถ้าคุณอาศัยอยู่นี้อีกสักพัก ฉันจะทำให้คุณกินค่ะ” อาลั่วยิ้มและหรี่ตาลง ดูไร้เดียงสาและน่ารักดี
แต่เธอไม่สามารถหลอกมู่น่อนน่อนได้อีกต่อไป
สังเกตเห็นในวันนี้ ในคฤหสาสน์ นอกจากคนใช้ที่ดูแลลานและคนใช้ที่ทำความสะอาด ก็มีเพียง อาลั่ว
แม้ว่า อาลั่วจะทำงานเป็นคนรับใช้ แต่เขาก็ไม่เหมือนกับคนรับใช้คนอื่น ๆ เมื่อเทียบกับคนรับใช้คนอื่น ๆอาลั่วมี “ตำแหน่งที่สูงกว่า” อย่างเห็นได้ชัด
เธอดคยบอกมู่น่อนน่อนก่อนหน้านั้นว่า เธอถูกรับเลี้ยงโดยพ่อบุญธรรมคนเดียวกันกับลี่จิ่วชังดังนั้นลี่จิ่วชังจึงไม่ปฏิบัติต่อเธอในฐานะคนใช้
มู่น่อนน่อนเก็บความคิดภายใต้ดวงตาของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง: “ฝีมืออันดีของอาลั่วดีขนาดนี้ ฉันอาศัยอยู่ที่แล้ว ไม่อยากไปไหนเลย แต่ฉันยังกังวลว่าการอยู่เป็นเวลานานจะทำให้ผู้คนไม่สบายใจ”
อาลั่วหัวเราะอย่างมีความสุข กุมมือของมู่น่อนน่อนอย่างตื่นเต้นแล้วพูดว่า: “จะเป็นอย่างงั้นได้ไงล่ะ? ในคฤหาสน์นี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว กว่าจะมีแขกมา ฉันตอนรับด้วยซ้ำ!” มู่น่อนน่อนเหลือบมองการกุมมือกันระหว่างคนทั้งสอง
อาลั่วตกใจเล็กน้อย อาลั่วเอามือกลับด้วยความเขินอาย: “ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันดีใจเกินไป”
“ไม่เป็นไร” มู่น่อนน่อนก็เอามือเธอกลับเหมือนกัน และพูดด้วยรอยยิ้ม: “มันดึกแล้ว ไปนอนก่อนดีกว่า”
อาลั่วพยักหน้า: “โอเคค่ะ คุณขึ้นไปก่อนเลยค่ะ ฉันจัดเก็บตรงนี้ก่อน”
หลังจากมู่น่อนน่อนพูดจบ เธอก็ขึ้นไปชั้นบนแล้วกลับห้อง
ในห้องโถงชั้นล่าง เมื่ออาลั่ว กำลังจัดเก็บข้าวของ เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากบันได
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นลี่จิ่วชังยืนอยู่บนบันไดและมองมาที่เธอ สีหน้าอย่างเย็นชา
อาลั่วมองไปทางเขาเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ถอนสายตาออก ราวกับว่าไม่เห็นเขา
ลี่จิ่วชังพียงชำเลืองมองเธออย่างลึกซึ้ง แล้วหันกลับขึ้นชั้นบน
…
หลังจากที่มู่น่อนน่อนกลับมาที่ห้อง เธอมักจะหลับครึ่งตื่นครึ่งเสมอ
ทำให้มีผลกระทบ ตื่นขึ้นพร้อมกับดวงตาแพนด้าใหญ่ๆสองดวงในวันรุ่งขึ้น
เธอและลี่จิ่วชังพบกันที่โต๊ะอาหาร
ในชีวิตของเธอ นอกเหนือจากรับประทานอาหารเช้ากับเฉินถิงเซียวแล้ว เธอรับประทานด้วยอีกคนคือลี่จิ่วเชียน และตอนนี้เธอก็เพิ่มลี่จิ่วชังอีกคนหนึ่ง
เขามีใบหน้าคล้ายกับ ลี่จิ่วเชียนทุกประการ แต่สำหรับของ มู่น่อนน่อนแล้ว เธอเพียงรู้เกี่ยวกับเขาว่าชื่อของเขาคือลี่จิ่วชังซึ่งเป็นน้องชายฝาแฝดของ ลี่จิ่วเชียน
สำหรับเธอลี่จิ่วชังเป็นคนแปลกหน้า
ลี่จิ่วชังทำให้เธอสว่างขึ้นครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงดัง: “ดูเหมือนว่าเมื่อคืนคุณนอนได้ไม่ดี”
มู่น่อนน่อนอ้าปากและพูดกับเธอว่า: “บ้านของนายมีฮวงจุ้ยที่ไม่ดี”
แต่ลี่จิ่วชังหัวเราะ และพูดว่า: “เมื่อคืนนี้คุณเดินละเมอไม่ใช่หรือ?”
“เดินละเมอ?” หัวใจของมู่น่อนน่อนเต้นรัวๆ ลางสังหรณ์บอกว่าลี่จิ่วชังรู้อะไรบางอย่างแล้ว
“ผมเป็นคนที่รักชีวิตตัวเองและระมัดระวังอย่างมาก ผมเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีการติดตั้งกล้อวงจรรูเข็มกี่ตัวในคฤหาสน์นี้”ลี่จิ่วชังพูดออกมาขนาดนี้มู่น่อนน่อนยังไม่เข้าใจอีก ก็คือโง่แล้ว
เมื่อวานเธอสังเกตว่ามีกล้องติดตั้งอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่ เพราะเธอไม่เห็นกล้อง เธอจึงขึ้นไปชั้นบนเพื่อสำรวจคฤหาสน์ในเมื่อคืนนี้
แต่เธอก็ยังคิดว่าลี่จิ่วชังธรรมดาเกินไป ที่แท้คือติดตั้งกล้องรูเข็ม
เมื่อคืนเธอออกมาอย่างมีสติ เพื่อฟังการเคลื่อนไหวของทีละห้องทีละห้องลี่จิ่วชังคิดว่าเธอกำลังเดินละเมออยู่?
ไม่ว่าลี่จิ่วชังจะคิดว่าเธอกำลังเดินละเมอหรือแกล้งทำเป็นพูดว่าเธอกำลังเดินละเมอก็ตาม เขาได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญกับเธอว่าคฤหาสน์นี้เต็มไปด้วยกล้องรูเข็ม
ต่อจากนี้ไป เธอจะระมัดระวังกว่านี้
“อาหารเช้าแล้วค่ะ”
อาลั่วเดินออกจากครัวพร้อมอาหารเช้า
เธอเดินกลับไปกลับมาหลายครั้ง และในที่สุดก็นำน้ำผักสีเขียวออกมา 2 ถ้วย เธอวางน้ำผักสองถ้วยไว้ข้างหน้ามู่น่อนน่อนและลี่จิ่วชังตามลำดับ
จากนั้น เธอกระตุ้นลี่จิ่วชังว่า: “คุณชาย คุณลิ้มรสดูเร็ว”
ลี่จิ่วชังจิบไปคำหนึ่งและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เมื่อเห็นเช่นนั้น มู่น่อนน่อนก็ยกขึ้นมาชิมดู ได้กลิ่นผักสด ขมนิดๆ
“คุณมู่อร่อยไหมคะ” อาลั่วถามอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นมู่น่อนน่อนกินเข้าไป
มู่น่อนน่อนเม้มปาก “ขมไปหน่อย”
“ฉันใส่มะระลงไปค่ะ ฤดูกาลนี้มะระหายากค่ะ แต่ช่วงนี้คุณชายต้องการระงับอารมณ์ของตัวเอง…” อาลั่วพูดจบ แล้วก็พูดด้วยความเครียดว่า “ควรระงับอารมณ์เหมือนจะไม่มีประโยชน์ ฉันอยู่ต่างประเทศมานานเกิน คำศัพท์มากมายก็ยังใช้ไม่ถูก…”
มู่น่อนน่อนยิ้ม แต่ในใจเธอ รู้สึกว่าอาลั่วมีความหมายแฝง
ให้ลี่จิ่วชังระงับอารมณ์?
ทำไมถึงต้องระงับอารมณ์?
มู่น่อนน่อนเงยหน้าขึ้นมองลี่จิ่วชังและเห็นเขาขมวดคิ้วและผลักแก้วน้ำผักออกไปไกล
เมื่อเห็นเช่นนี้ อาลั่วก็พูดอย่างรวดเร็ว: “คุณชาย นี่คือสิ่งที่ฉันทำออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย มีคุณค่าทางโภชนาการมาก คุณต้องดื่มมันให้หมด”
“ฉันไม่อยากดื่ม”ลี่จิ่วชังพูดพลางเงยหน้าขึ้น และมองดูหล่อน: “ถ้าเธอทำด้วยตัวเอง เธอก็ดื่มมันด้วยตัวเอง”
“คุณชาย คุณ…” ดูเหมือนอาลั่วจะตกใจกับคำพูดของลี่จิ่วชังและไม่รู้จะพูดอะไร
สักพักลี่จิ่วเชียนทุบส้อมในมือลงบนโต๊ะอาหาร ด้วยน้ำเสียงโกรธจัด “ถ้าไม่อยากดื่ม ก็ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้!”
อาลั่วดูเหมือนจะหวาดกลัวมาก กัดริมฝีปาก แล้วรับน้ำผักหนึ่งแก้ว หยิบขึ้นมา “คุณชายคะ อย่าไล่ฉันเลย ฉันดื่มเองค่ะ” หลังจากพูดจบ เธอก็หยิบขึ้นมาดื่มให้หมด
ลี่จิ่วชังไม่ได้มองเธอ และพูดตรงๆ ว่า: “ดื่มเสร็จแล้วก็ออกไป อย่ามาขวางทางที่นี้”
อาลั่วออกไปด้วยสีหน้าที่เสียใจ
มู่น่อนน่อนดูการแสดงหนังที่ดีเยี่ยมมาแล้วหนึ่งตอน เลิกคิ้วมองลี่จิ่วชังแล้วพูดว่า “ลี่จิ่วเชียนสุภาพบุรุษมากกว่านายอีก”
“หมอนั่นเหรอ?” ใบหน้าของลี่จิ่วชังไปด้วยความไม่พอใจ”อย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนหน้าซื่อใจคดคนนั้น
“แค๊ะ …” มู่น่อนน่อนเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง
อะไรคือเรียกว่าคนหน้าซื่อใจคด?
“นายบอกว่า ลี่จิ่วเชียนเป็นคนหน้าซื่อใจคด?” มู่น่อนน่อนหัวเราะ อย่างเยาะเย้ย: “ไม่ว่าอะไรก็ตาม! อย่างน้อยเขาก็ดีกว่านาย!”
ใบหน้าของลี่จิ่วเชียนแสดงออกถึงความโกรธเคือง และก็เรียกชื่อเธออย่างเย็นชาว่า: “มู่น่อนน่อน!”
มู่น่อนน่อนไม่สนใจความโกรธของเขาเลย เธอเหลือบไปที่ประตูร้านอาหารและพูดกับลี่จิ่วชังว่า:
“เมื่อคืนเขาโทรหาฉัน เขาอยู่ที่ไหนกันแน่? ”
ใบหน้าของลี่จิ่วชังเปลี่ยนไปเล็กน้อย: “คุณพูดถึง ลี่จิ่วเชียน?”