เฉินถิงเซียวเห็นมีตุ๊กตาอยู่บนเตียง เลยยัดตุ๊กตาเข้ามาที่อ้อมกอดของเฉินมู่ จากนั้นได้ดึงมู่น่อนน่อนเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตู
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ เฉินถิงเซียวทำได้ไหลลื่นสุดๆและเสร็จในอึดใจเดียว
พอมู่น่อนน่อนดึงสติกลับมา เธอก็ได้อยู่ในห้องน้ำแล้ว
“ฉันอ่านหนังสือพิมพ์บอกว่าคุณเกิดอุบัติเหตุ?คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”มู่น่อนน่อนได้มองสำรวจอยู่ที่บนตัวเขาอย่างเป็นห่วง
เมื่อครู่เขายังมีเรี่ยวแรงกำลังล้อเล่นกับเธออยู่ คงไม่เป็นไรหรอก
แววตาของเฉินถิงเซียวมืดมนเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำถามเธอ มือข้างนึงกอดเอวของเธอไว้ มืออีกข้างประคองหลังศีรษะของเธอไว้พร้อมกับประทับจูบลงไป
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ตอนที่นานจนมู่น่อนน่อนรู้สึกว่าปากตัวเองค่อนข้างชาไปหมดแล้ว มือของเฉินถิงเซียวถึงได้คลายออกเล็กน้อย เขาถึงยืนตัวตรงอย่างปล่อยวางไม่ได้
เฉินถิงเซียวแค่เบาแรงลงหน่อย แต่ไม่ได้คลายมือออก ยังคงกอดเธอไว้อีกเช่นเคย
“คิดถึงผมหรือเปล่า?”
เสียงของเขาแฝงด้วยความแหบพร่าหลังจากที่ได้จูบอย่างเร่าร้อน
มู่น่อนน่อนหดคอทีนึง ได้ทำการขัดขืนไปครู่นึง แต่กลับแลกมาซึ่งการโอบกอดที่ยิ่งแนบชิดของเฉินถิงเซียว
ทีนี้มู่น่อนน่อนไม่ขยับแล้ว ปล่อยให้เขากอดเอาไว้แบบนี้ เงียบไปครู่นึงถึงพูดเสียงเบาว่า:“มู่มู่คิดถึงคุณมากค่ะ”
“แล้วคุณล่ะ?”น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวมีความดื้อดึงแฝงอยู่เสี้ยวนึง
มู่น่อนน่อนเม้มปาก จากนั้นได้ตอบคำนึงว่า:“อืม”
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเธอเพิ่งพูดจบ แม้แต่ลมหายใจของผู้ชายที่กอดเธอไว้ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เธอได้ชิงถามเฉินถิงเซียวก่อนที่เขาจะเปิดปากพูด:“คุณเข้ามาได้ยังไงคะ?”
เฉินถิงเซียวคิ้วผูกโบว์ไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบของมู่น่อนน่อน
ถึงจะอย่างนี้ แต่เขาก็ยังได้ตอบคำถามของมู่น่อนน่อนอย่างเชื่อฟังอยู่ดี แต่ตอบแบบลวกๆมาก
“ปีนหน้าต่างเข้ามา”เขาพูดไปด้วยและยื่นมือไปจับหน้าของมู่น่อนน่อนไปด้วย น้ำเสียงไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่
มู่น่อนน่อนฟังเขาพูดแบบนี้แล้ว นี่ถึงพบว่าตรงเอวเขามีเชือกที่เส้นบางมากม้วนนึง ทั้งสองข้างของเชือกยังมีตะขออยู่ด้วย
เธอเองก็พอจะเดาได้แล้วว่าเฉินถิงเซียวใช้เชือกอันนี้ปีนขึ้นมา
เชือกอันนี้ดูแล้วเรียบง่ายมาก แต่ตอนที่เฉินถิงเซียวปีนขึ้นมา ยังได้ใช้อุปกรณ์เสริมตัวอื่นด้วย
สีหน้าของมู่น่อนน่อนได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว:“ที่นี่คือชั้นสามนะ!”
เฉินถิงเซียวฟังแล้วได้ฮื้อเสียงเบา:“แค่ชั้นสามเอง ถึงคุณพักอยู่ที่ชั้นสามสิบ ผมก็สามารถปีนขึ้นไปได้เหมือนกัน”
สีหน้าแววตาเขาดูแล้วเหิมเกริมสุดขีด เหิมเกริมจนใกล้จะยโสโอหัง แต่ก็แฝงด้วยความภาคภูมิใจอยู่หลายส่วน ไม่นึกเลยว่าค่อนข้างจะนิสัยเด็กๆ
เฉินถิงเซียวก็เป็นผู้ชายแบบนี้แหละ ถึงจะเหิมเกริมและยโสโอหัง แต่มักจะสามารถทำให้คนเชื่อว่าคำพูดที่เขาเคยพูด เขาก็จะสามารถทำได้แน่นอน
เขามีต้นทุนของการเหิมเกริมและการหยิ่งยโส
ต้นทุนของเขาไม่ใช่บริษัทเฉินซื่อ และไม่ใช่รัศมีของคุณชายใหญ่ตระกูลเฉิน แต่เพราะเขาคือเขา เขาคือเฉินถิงเซียว
ผู้ชายทั้งชีวิตล้วนเหมือนเด็กคนนึง จิตวิญญาณของพวกเขามีเลือดอันพลุ่งพล่านไหลเวียนอยู่
แต่สิ่งที่มู่น่อนน่อนจะทำคือจะสาดน้ำเย็นใส่เขา เพื่อสาดเลือดอันพลุ่งพล่านของเขาให้เย็นลง
เลือดพลุ่งพล่านของเขาคือจะเอามาใช้กับการปีนตึกเหรอ?
มู่น่อนน่อนโกรธสุดขีดจนหัวเราะ:“เฉินถิงเซียว คุณรู้สึกภาคภูมิใจมากใช่มั้ย?ถ้าเกิดพลัดตกตึกขึ้นมาล่ะ?”
เฉินถิงเซียวอึ้งไปครู่นึง แววตามีความสงสัยแว๊บผ่านอย่างไว:“คุณไม่รู้สึกซึ้งเลยเหรอ?”
“……ซึ้งงั้นเหรอ?”มู่น่อนน่อนพูดอย่างไม่สบอารมณ์:“มีเวลาฉันก็จะไปปีนสามชั้นไปหาคุณบ้าง คุณซึ้งมั้ย?”
มู่น่อนน่อนเพิ่งพูดจบ เฉินถิงเซียวก็ได้หน้าห้อยลงมาพร้อมพูดเสียงเย็นชาว่า:“คุณกล้าเหรอ!”
มู่น่อนน่อนแบมือด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจ
เฉินถิงเซียวหน้าบึ้งไว้ จับคางของเธอไว้แล้วจูบลงไปอย่างโหดอีกครั้ง มู่น่อนน่อนรู้สึกได้ว่าจูบนี้เอ่อล้นด้วยความไม่พอใจ
เธอไม่ยอมบอกเขาหรอกว่าเธอซึ้ง
เธอกลัวหลังจากเธอบอกเขาแล้ว คราวหน้าเขาจะทำแบบนี้อีก
เฉินถิงเซียวจูบพอแล้ว ทีนี้ถึงได้ถอยหลังไปก้าวนึง คอยมองมู่น่อนน่อนอย่างละเอียด สายตากวาดไปมาอยู่ที่บนตัวเธอหลายรอบ ถึงส่งเสียงพูดว่า:“ลี่จิ่วชังไม่ได้ทำให้คุณลำบากใจ?”
“เขาไม่ได้ทำให้ฉันลำบากใจหรอกค่ะ”มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็นึกขึ้นได้ว่าเฉินถิงเซียวยังไม่รู้เลยว่าลี่จิ่วชังก็คือลี่จิ่วเชียน จึงได้รีบบอกเขา:“ที่จริงลี่จิ่วชังก็คือลี่จิ่วเชียนค่ะ”
มู่น่อนน่อนพูดจบ พบว่าเฉินถิงเซียวได้หยุดชะงักไปครู่นึง แต่ไม่ประหลาดใจเลย
มู่น่อนน่อนถามเขา:“ทำไมคุณถึงไม่ประหลาดใจเลยล่ะ?”
“หลายวันนี้ได้ตรวจสอบเจอข้อมูลบางส่วน เคยมีการคาดเดา แต่ยังไม่ทันได้ไปพิสูจน์ความจริง”
“เรื่องอุบัติเหตุนี่มันยังไงกันคะ?ฉันอยู่วิลล่าถูกตัดขาดจากโลกภายนอกหมด วันนี้ลี่จิ่วเชียนเอาหนังสือพิมพ์ให้ฉันดู ฉันถึงรู้เรื่องอุบัติเหตุ อีกอย่าง เรื่องอุบัติเหตุลี่จิ่วเชียนอาจจะมีส่วนรู้เห็นด้วย”
“ไม่เกิด‘อุบัติเหตุ’แล้วจะทำให้ลี่จิ่วเชียนชะล่าใจได้ยังไง ผมจะปีนเข้ามาหาคุณได้ยังไง?”น้ำเสียงของเฉินถิงเซียวแฝงด้วยการหยอกล้อเสี้ยวนึง
มู่น่อนน่อนเม้มปากแล้วจ้องเขาทีนึง จากนั้นได้หันไปเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินออกไป
เฉินถิงเซียวคอยตามอยู่ด้านหลัง
เฉินมู่ได้กอดตุ๊กตาหลับไปแล้ว เจ้าก้อนแป้งทั้งก้อนนอนอยู่บนผ้าห่ม
ยังดีที่เครื่องทำความร้อนของห้องเปิดได้อุ่นมาก ไม่งั้นหนาวอยู่อย่างนี้พักนึง ลูกสาวจะต้องเป็นหวัดอีกแน่
มู่น่อนน่อนกำลังจะเดินไปอุ้มเฉินมู่ขึ้นมา เฉินถิงเซียวแค่ก้าวเท้าก็ได้ชิงตัดหน้าไปเสียก่อน เขาอุ้มเฉินมู่ขึ้นมาอย่างสบายๆ
เฉินมู่ยังไม่ได้หลับลึกมาก เธอลืมตาดูเฉินถิงเซียวอย่างสะลึมสะลือ แววตาเต็มไปด้วยความพร่ามัว
เฉินถิงเซียวมองแล้วใจอ่อนยวบยาบ ได้ลูบหลังเธอพร้อมพูดเสียงเบาว่า:“พ่ออยู่นี่”
เฉินมู่กะพริบตาปริบๆ เหมือนแน่ใจแล้วว่าเขาคือพ่อจริงๆ ก็ได้หลับตาพร้อมนอนหลับอย่างสบายใจเฉิบ
มู่น่อนน่อนมองเฉินถิงเซียวอย่างตกตะลึง เหมือนเธอจะไม่เคยเห็นเขาแสดงหน้าตาที่อ่อนโยนขนาดนี้ออกมาเลย
เฉินถิงเซียวหันหน้ามา ก็เลยเห็นมู่น่อนน่อนยังจ้องเขาอยู่ จึงได้ส่งเสียงเตือนเธอ:“ผ้าห่ม”
มู่น่อนน่อนดึงสติกลับ แล้วรีบดึงผ้าห่มออก ให้เขาวางเฉินมู่เข้าไปในผ้าห่ม
เฉินถิงเซียววางเฉินมู่เข้าไปใต้ผ้าห่ม ส่วนมู่น่อนน่อนได้ห่มผ้าให้เฉินมู่ จู่ๆเฉินถิงเซียวได้ยื่นมือหยิกแก้มของเฉินมู่ทีนึง เหมือนน้ำเสียงจะมีความไม่พอใจ:“อ้วนขึ้นนะ”
มู่น่อนน่อนตบมือของเขาออก:“นี่เรียกว่าเบบี้แฟตค่ะ”
เนื้อตัวเฉินมู่จ้ำม่ำ แต่มู่น่อนน่อนรู้สึกเธอไม่อ้วน แบบนี้กำลังดี
ผอมกว่านี้ดูตัวเล็กเกินไป อ้วนกว่านี้ก็ไม่แข็งแรง แบบนี้กำลังดี
มู่น่อนน่อนเดินไปที่ริมหน้าต่างแล้วมองออกไปด้านนอก มองลงไปจากชั้นสามแล้วมืดตึ๊ดตื๋อไปหมด
เธอจินตนาการภาพเหตุการณ์ตอนที่เฉินถิงเซียวปีนขึ้นมาจากตรงนี้แล้วได้คิ้วผูกโบว์ไว้ เงียบกริบไม่พูดจา
เฉินถิงเซียวเดินมาที่ข้างกายเธอพร้อมพูดเสียงทุ้มต่ำ:“พ่อบุญธรรมของลี่จิ่วเชียน ได้จากไปเมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว”
มู่น่อนน่อนได้เงยหน้าขึ้นมากะทันหัน:“ตอนที่ฉันไปจากวิลล่าของเขา เคยเห็นคนแก่คนนึงไปหาเขา เป็นได้ได้มั้ยว่าคนๆนั้นจะเป็นพ่อบุญธรรมของเขา?”