ตอนนี้นอกจากทำตามใจลี่จิ่วเชียนแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีอื่นเหมือนกัน
ไม่ว่าลี่จิ่วเชียนจะทำอะไร เธอเป็นผู้ใหญ่คนนึง คิดเป็นอีกทั้งยังมีแรงเคลื่อนไหว มักจะหาวิธีแก้ไขได้เสมอ
แต่เฉินมู่เด็กเกินไป เธอจะให้เฉินมู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
ลี่จิ่วเชียนยกมือขึ้นมาดูนาฬิกาแว๊บนึง จากนั้นก็ได้เคลื่อนย้ายสายตามาที่บนตัวเธอ:“หนึ่งนาที”
“ขอบคุณค่ะ”มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็ได้หันหลังปิดประตู
พอประตูปิด อาลั่วก็ได้พูดอย่างไม่พอใจทันที:“คุณชาย ทำไมคุณชายยังต้องเกรงอกเกรงใจเธอขนาดนี้อีกคะ เมื่อกี๊ฉันก็บอกแล้วว่าเปิดประตูเอาตัวเธอไปโดยตรงก็พอแล้ว!”
ลี่จิ่วเชียนไม่พูดจา แค่หันมามองเธออย่างเย็นชา
อาลั่วได้ปิดปากเงียบทันที พร้อมหลุบตาลง ปิดปากเงียบอย่างเคารพนอบน้อม
ทีนี้ลี่จิ่วเชียนถึงได้เอ่ยว่า:“พูดให้น้อย ทำให้มาก”
อาลั่วกัดริมฝีปาก:“ค่ะ”
ในห้องนอน
มู่น่อนน่อนปิดประตูปุ๊บก็รีบเอามือถือที่เฉินถิงเซียวเอาไว้ให้เธอก่อนหน้านี้ออกมาย่างไว และพิมพ์ข้อความอย่างรวดเร็ว:“เขาเคลื่อนไหวแล้ว รับมู่มู่ไป”
เวลาเร่งรีบ มู่น่อนน่อนพิมพ์ได้แค่ไม่กี่คำเอง
แต่แค่ตัวหนังสือไม่กี่ตัวนี้ ก็เพียงพอให้เฉินถิงเซียวรับมือและจัดการกับเรื่องที่เกิดการเปลี่ยนการกะทันหัน
หลังจากมู่น่อนน่อนส่งข้อความออกไป ก็ได้ลบข้อมูลในมือถือทิ้งหมด จากนั้นปรับมือถือเป็นโหมดเงียบ และเอามือถือใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อของเฉินมู่
ถ้าเธอเดาไม่ผิด ในมือถือนี้น่าจะมีตัวติดตามตำแหน่งอยู่
เธอเอามือถือใส่ไว้กับเฉินมู่ ถึงลี่จิ่วเชียนจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับเฉินมู่ เฉินถิงเซียวก็จะสามารถหาเฉินมู่เจอก่อนเป็นอันดับแรก
พอทำเรื่องพวกนี้เสร็จ มู่น่อนน่อนได้สูดหายใจลึกๆ จากนั้นได้พันผ้าพันคอเดินมาที่ประตูอย่างไว และเปิดประตูอย่างใจเย็น
เธอเดินออกไปแล้วค่อยๆปิดประตู
อาลั่วไม่พอใจมู่น่อนน่อนมาก เธอยิ้มหยันพร้อมพูดว่า:“มู่น่อนน่อน คุณชายให้เวลาคุณหนึ่งนาที ตอนนี้ผ่านไปจะสองนาทีแล้ว!”
อาลั่วมีสิทธิ์พูด มู่น่อนน่อนก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ฟังเหมือนกัน
มู่น่อนน่อนได้มองไปที่โดยตรง:“ไปเถอะ”
อาลั่วเห็นมู่น่อนน่อนเพิกเฉยคำพูดของเธอ ได้โมโหจนจะปรี๊ดแตกลี่จิ่วเชียนอีก แต่เธอมองสีหน้าของลี่จิ่วเชียนแล้ว ก็ได้ฝืนปิดปากเงียบเอาไว้
ที่จริงอาลั่วก็เป็นคนที่ใจเย็นมาก แต่แค่เพราะลี่จิ่วเชียนแสดงออกว่าเหมือนจะมีใจให้มู่น่อนน่อน อาลั่วก็เลยใจเย็นกับมู่น่อนน่อนไม่ได้อีก
ผู้หญิงมักจะเป็นแบบนี้เสมอ มักจะยอมไปทำให้ลำบากใจผู้หญิงมากกว่า
อาลั่วก็หลุดพ้นประเพณีวัฒนธรรมไม่ได้ เธอแอบชอบลี่จิ่วเชียน แต่กลับไม่เคยคิดว่าจะบอกลี่จิ่วเชียนยังไง ก็ไม่ไขว่คว้าให้ตัวเอง พอรู้ว่าลี่จิ่วเชียนมีใจให้มู่น่อนน่อน ก็เริ่มทำให้มู่น่อนน่อนลำบากใจทุกอย่าง
ผู้หญิงที่ฉลาดมากแค่ไหน เพราะความรักแล้วก็อาจจะกลายเป็นคนโง่ได้
เห็นแก่ที่เธอเป็นคนโง่คนนึง มู่น่อนน่อนไม่อยากถือสาอะไรกับเธอ
ลี่จิ่วเชียนมองทิศทางของประตูแว๊บนึง จากนั้นก็ได้พามู่น่อนน่อนหันหลังไปเลย
เพียงแต่ แว๊บสุดท้ายที่เขามองไปที่ประตู ทำให้มู่น่อนน่อนค่อนข้างกระวนกระวายใจ
ตอนนี้เธอไม่เชื่อลี่จิ่วเชียนแล้ว ยิ่งไม่เชื่อว่าลี่จิ่วเชียนจะยอมปล่อยเฉินมู่ไปอย่างง่ายดาย
ในใจลึกๆของคนจิตใจดีคือแฝงด้วยความปรารถนาดีอยู่ แต่คนที่เสแสร้งเป็นคนจิตใจดีงามหลังจากเผยธาตุแท้แล้ว จิตเจตนาร้ายก็จะกลายเป็นยิ่งเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
ลี่จิ่วเชียนก็คืออันข้างหลังนี้
มู่น่อนน่อนไม่เชื่อว่าในใจเขายังมีความปรารถนาดีอยู่ หวังแค่ว่าเจตนาร้ายในใจเขาอย่าชั่วร้ายขนาดนั้น
เฉินถิงเซียวอยู่ข้างบ้านนี้เอง ถ้าเฉินถิงเซียวสามารถมาเร็วหน่อย งั้นเฉินมู่ก็จะไม่เกิดเรื่องแล้ว
มู่น่อนน่อนได้คิดเรื่องราวมากมายอยู่ในใจ ก็เลยเดินได้ค่อนข้างช้า
อาลั่วคอยจ้องมู่น่อนน่อนตลอด เห็นเธอเดินช้าขนาดนี้ ได้ยื่นมือดึงเธอไปโดยตรง
มู่น่อนน่อนมองเธอแว๊บนึง จากนั้นได้หัวเราะเยาะ
สีหน้าของอาลั่วได้ดูแย่ขึ้นมาทันที เธอกำลังจะเปิดปาก ก็ได้ยินลี่จิ่วเชียนพูดว่า:“ปล่อยเธอ”
“คุณชายคะ!”ถึงแม้อาลั่วจะเจ็บใจ แต่สุดท้ายก็จำต้องปล่อยมู่น่อนน่อน
หลังจากอาลั่วปล่อยมู่น่อนน่อนแล้ว ได้เชอะใส่มู่น่อนน่อนทีนึง แล้วเดินไปนำทางที่ด้านหน้าสุด
หลังจากที่พวกเขาลงมาจากชั้นบน ไม่ได้จากไปในทันที
มู่น่อนน่อนสังเกตเห็นว่าลี่จิ่วเชียนได้ส่งสายตาให้อาลั่ว จากนั้นอาลั่วก็ได้ไปแจ้งให้ลูกน้องมารวมตัวกัน
พอลูกน้องมากันครบหมดแล้ว อาลั่วแยกมือสองข้างออก จากนั้นลูกน้องพวกนั้นก็ได้แยกเป็นคนกลุ่ม
อาลั่วชี้หนึ่งกลุ่มในนั้นแล้วพูดว่า:“พวกนายพาคนขับรถไปทางด้านหลังของวิลล่า ส่วนที่เหลือเดี๋ยวไปด้านหน้ากับพวกเรา”
มู่น่อนน่อนฟังแล้วได้หันไปมองลี่จิ่วเชียนทันที
ลี่จิ่วเชียนหลุบตาลง ในที่สุดก็สมปรารถนาได้เห็นความประหลาดใจจากใบหน้าของมู่น่อนน่อน มุมปากของเขาได้เผยรอยยิ้มออกมาเสี้ยวนึง:“น่อนน่อน จะเดิมพันกับผมมั้ย”
มู่น่อนน่อนมองเขาอย่างระแวงสุดขีด:“เดิมพันอะไร?”
“ก็ต้องเดิมพันว่าเฉินถิงเซียวจะสามารถเดาได้ถูกต้องแม่นยำหรือเปล่า ว่าเดี๋ยวเราจะไปทางประตูหน้าหรือประตูหลัง”สีหน้าของลี่จิ่วเชียนเปลี่ยนมาตื่นเต้น เหมือนเด็กที่กำลังจะได้ของเล่นที่ตัวเองชอบ
ตอนที่มู่น่อนน่อนเห็นคงามเคลื่อนไหวของอาลั่ว ก็พอจะเดาได้เลือนรางแล้วว่าลี่จิ่วเชียนให้อาลั่วทำอะไร
สมัยที่เธอเผาวิลล่าของเฉินถิงเซียวแล้วหนีไป เสิ่นชูหานช่วยเธอหนีก็เคยใช้ไม้นี้เหมือนกัน
วิธีการที่คุ้นขนาดนี้ ทำให้มู่น่อนน่อนสมองไบรท์ขึ้นมาทันที เธอหรี่ตาไว้พร้อมลี่จิ่วเชียนว่า:“คุณรู้จักเสิ่นชูหานหรือเปล่าคะ?”
“รักแรกของคุณ ผมก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว”สีหน้าของลี่จิ่วเชียนยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีก:“น่อนน่อน คุณคงไม่รู้สินะ?ตอนนั้นช่วยให้คุณไปจากเมืองหู้หยาง ก็มีคุณงามความดีกับผมเหมือนกันนะ”
ต่อมาไม่รู้ว่าเขานึกอะไรขึ้นมาได้ ได้พูดด้วยสีหน้าเสียดาย:“น่าเสียดายจังเลย เดิมทีเราสามารถรู้จักกันที่ออสเตรเลียอย่างเป็นทางการได้ แต่คนที่เฉินถิงเซียวส่งไปจับตาดูคุณไว้แน่นหนาเกิน ไม่ได้โอกาสผมได้ทำตัวเป็นฮีโร่เลย ก็จัดการเยาวชนที่เล่นยาพวกนั้นทิ้งโดยตรงเลย ช่างน่าเสียดายจริงๆ……”
ในหัวของมู่น่อนน่อนได้ดัง“บึ้ม”เสียงนึง ผ่านไปสักพักถึงดึงสติกลับมา
เธอถามด้วยเสียงพึมพำ:“หมายความว่ายังไง?”
ลี่จิ่วเชียนได้อธิบายให้เธอฟังอย่างมีความอดทน:“ผมเป็นคนส่งคนพวกนั้นไปเอง เดิมทีกะจะทำตัวเป็นฮีโร่สักหน่อย แต่พวกมันได้ถูกคนของเฉินถิงเซียวจัดการทิ้งเสียก่อน ไม่ให้โอกาสผมได้ทำตัวเป็นฮีโร่เลย”
“ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าฉันเคยช่วยคุณ คือเรื่องโกหก?”ตอนที่มู่น่อนน่อนอยู่ที่ออสเตรเลีย เคยเจอเรื่องไม่ดีอยู่หลายครั้งจริง และเคยโทรแจ้งตำรวจจริง
ตอนนั้นลี่จิ่วเชียนบอกว่าเธอเคยช่วยเขา เธอก็เลยไม่ได้คิดมาก
ตอนนี้ดูท่าการปรากฏตัวของลี่จิ่วเชียนมันเป็นแค่การหลอกลวงเท่านั้น
ตอนนี้พอมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ได้ทำให้มู่น่อนน่อนหนาวสั่นไปทั้งตัว
ในขณะเดียวกัน ในใจของมู่น่อนน่อนมีความประหลาดใจอยู่เสี้ยวนึง
ตอนที่เธออยู่เมืองนอก ตั้งครรภ์ท้องป่องอยู่ไม่ค่อยสะดวกจริงๆ และเคยเจอเรื่องวุ่นวายอยู่หลายครั้ง
ตอนนั้นเธอนึกแค่ว่าตัวเองโชคดี
จึงมักจะสามารถเปลี่ยนอันตรายให้กลายเป็นความปลอดภัย
จนกระทั่งห้องข้างๆมีคนพาลกลุ่มนึงมาพักอาศัยอยู่ เธอถึงพบว่าเฉินถิงเซียวได้สั่งให้คนคอยติดตามเธอตลอด