แม้ว่าเสิ่นเหลียงจะกลัวเฉินถิงเซียวมากก็ตาม แต่เธอก็ยังต้องถามออกไปอีกครั้ง “น่อนน่อนเธอเป็นอะไรหรือคะ?” เฉินถิงเซียวเพิกเฉยกับคำพูดของเธอ พลางหันตัวเดินหนีไป
เสิ่นเหลียงเห็นลักษณะท่าทางที่เขาคอยบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม ซึ่งในใจก็เข้าใจความหมายเพิ่มขึ้นทันที จนหัวใจต้องพลอยแขวนอยู่บนเส้นด้ายตาม
สือเย่ยังคงอยู่ต่อเพื่อจัดการห้องพักให้กับพวกเขา
“ผมจะพาพวกคุณไปพักผ่อนก่อน” สือเย่เอียงตัวหันข้างเล็กน้อย และใช้มือแสดงท่าทางเป็นการเชื้อเชิญ
เสิ่นเหลียงเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก จึงเดินไปยังห้องพักพร้อมกับสือเย่ทันที
……
ไม่นานนักก็มาถึงคืนวันจัดงานเลี้ยง
กลุ่มของเฉินถิงเซียวมาถึงงานเลี้ยงเร็วมาก ตอนที่พวกเขามาถึงนั้น ลี่จิ่วเชียนยังมาไม่ถึง
การปรากฏตัวของพวกเขา ต่างถูกคนห้อมล้อม เพราะมีคนอีกมากมายที่ต้องการจะพูดคุยกับเฉินถิงเซียว
ในอดีตเฉินถิงเซียวเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว หลังจากเข้ามารับช่วงต่อของบริษัทเฉินซื่อแล้ว ความสามารถอันโดดเด่น จัดการได้อย่างกล้าหาญ วิธีการยอดเยี่ยมล้ำเลิศไม่มีที่ติ จนทำให้มีคนมากมายตั้งหน้าตั้งตารอจนทนไม่ไหว
ในบรรดานั้น คนที่อิจฉาเขาก็มี คนที่ชื่นชมเขาก็มีต่างปะปนอยู่ในนั้นด้วย
ซึ่งโดยส่วนใหญ่เฉินถิงเซียวไม่สนใจคนเหล่านี้ จึงตกเป็นหน้าที่ของสือเย่คอยช่วยจัดการให้
เขาหามุมที่ไม่ค่อยสะดุดตานักนั่งลง พลางใช้มือหยิบแชมเปญมาหนึ่งแก้ว และคอยสังเกตทางเข้าอยู่เงียบๆ
เขากำลังรอลี่จิ่วเชียนให้มาถึงงาน
มีคนมากมายต่างมองออกว่า เฉินถิงเซียวไม่อยากสนใจคนอื่น จึงไม่ได้คิดหาประเด็นอะไรเพื่อเข้าไปพูดคุยด้วย
ไม่นานนัก เจ้าของงานเลี้ยงก็ปรากฏตัวขึ้น และได้เชื้อเชิญเฉินถิงเซียวให้ไปสนทนากันเล็กน้อยภายในห้องที่อยู่ด้านใน
ถึงอย่างไรเขาเป็นเจ้าของงาน แม้ว่าเฉินถิงเซียวไม่ชื่นชอบงานเลี้ยงเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ แต่ก็ยังต้องไว้หน้าเจ้าของงานด้วย
เขาพาสือเย่เข้าไปด้านในด้วยกัน ส่วนพวกเสิ่นเหลียงอยู่ทางด้านนอกต่อไป
หลังจากผ่านเมื่อคืนมาแล้ว เสิ่นเหลียงพอจะทราบและเข้าใจสถานการณ์ของมู่น่อนน่อนบ้างแล้ว แต่รายละเอียดที่แน่ชัดว่าเป็นมายังไงนั้นเธอยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี แค่รอให้มู่น่อนน่อนมาแล้วค่อยว่ากัน
ก่อนหน้านี้ได้ยินสือเย่พูดว่า ลี่จิ่วเชียนพามู่น่อนน่อนมาด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าจะพามาจริงหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเฉินถิงเซียวเดินเข้าไปด้านในได้ไม่นานนัก ลี่จิ่วเชียนก็มาถึงงาน
เสิ่นเหลียงเคยเจอลี่จิ่วเชียนมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นเธอจึงมองเห็นลี่จิ่วเชียนก่อน
“มาแล้ว มากันแล้ว! ลี่จิ่วเชียนมาถึงแล้วนั่น!”
กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซีกำลังสนทนาเรื่องอื่นกันอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเสิ่นเหลียงพูด จึงหันไปตามทางเสียง จึงมองเห็นลี่จิ่วเชียนเดินเข้ามาในงานแล้ว
หลังจากที่ลี่จิ่วเชียนได้เข้ามาในงานเลี้ยงแล้วนั้น ไม่ได้มุ่งหน้าเข้าสู่ภายในงานทันที แต่กลับหยุดชะงักเล็กน้อย พลางหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง
พวกเขามองตามสายตาของลี่จิ่วเชียน จึงเห็นมู่น่อนน่อนทันที
ในค่ำคืนนี้มู่น่อนน่อนทำทรงผมมาเป็นพิเศษ ชุดราตรีสีแชมเปญเสื้อคอเต่าแขนเว้า รองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุด ผิวพรรณของเธอก็ขาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สีแชมเปญมันยิ่งขับผิวให้สว่างขึ้น หลังจากแต่งตัวอย่างใส่ใจ ช่างสวยงามจนไม่สามารถพรรณนาบรรยายออกมาได้
กู้จือหยั่นที่มือถือขาแก้วไวน์อยู่ พลางหมุนแก้วไวน์สองครั้งอย่างไม่รู้ตัว พร้อมทั้งหันหน้ามาส่งสัญญาณให้ฟู้ถิงซี “จะเดินไปหาไหม?”
ฟู้ถิงซียังพูดไม่ทันขาดคำ เสิ่นเหลียงก็สวนขึ้นมาทันควัน “ฉันจะเดินไป”
พูดจบ เธอก็เดินมุ่งหน้าปรี่ไปทางนั้นทันที
กู้จือหยั่นเรียกเธออยู่ด้านหลัง “เสิ่นเสี่ยวเหลียง!”
เสิ่นเหลียงเดินกระแทกรองเท้าส้นสูงมุ่งหน้าเดินไปทางลี่จิ่วเชียน และไม่หันศีรษะกลับมาสักนิด
กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซีทำได้แต่เดินตามหลังไป
หลังจากที่มู่น่อนน่อนมาถึงแล้ว พลางยื่นมือออกไปคล้องแขนลี่จิ่วเชียนเอาไว้ และเดินมุ่งหน้ามาทางห้องโถงของงานเลี้ยงพร้อมกับเขา
เสิ่นเหลียงเห็นภาพตามนั้น พลันย่นคิ้วเข้าหากัน พร้อมทั้งมองมู่น่อนน่อนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ตามที่สือเย่ได้พูดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด ทำไมมู่น่อนน่อนถึงได้ทำตัวสนิทสนมกลมกลืนกับลี่จิ่วเชียนได้ถึงขนาดนี้ล่ะ?
เธอถึงขั้นไปคล้องแขนลี่จิ่วเชียนเอาไว้ด้วย!
“น่อนน่อน!” เสิ่นเหลียงเดินปรี่เข้ามาดักหน้ามู่น่อนน่อนและลี่จิ่วเชียนทันที
จังหวะที่มู่น่อนน่อนมองเห็นเสิ่นเหลียงนั้น สีหน้าพลางปรากฏอาการประหลาดออกมา จากนั้นจึงยิ้มทันที “เสี่ยวเหลียง! แกมาได้ไง?”
เธอปล่อยแขนที่คล้องลี่จิ่วเชียนทันที และเดินมาหาเสิ่นเหลียง “เสี่ยวเหลียง!”
เสิ่นเหลียงมองลี่จิ่วเชียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของมู่น่อนน่อน ลี่จิ่วเชียนยิ้มให้เธอตามมารยาท
เสิ่นเหลียงดึงมู่น่อนน่อนให้เดินมาอีกทาง
กู้จือหยั่นกับฟู้ถิงซีเดินตามมาทางด้านหลัง เมื่อเห็นเสิ่นเหลียงอยู่ดีๆ ก็ดึงมู่น่อนน่อนไปดื้อๆ จนหน้าถอดสีทันที
ลี่จิ่วเชียนให้เสิ่นเหลียงดึงตัวมู่น่อนน่อนมาอย่างง่ายดายถึงขั้นนี้ เรื่องนี้ดูยังไงก็ยังแปลกพิกลอยู่ดี
ทั้งสองคนเหลือบมองลี่จิ่วเชียน ฟู้ถิงซีพลางหันศีรษะพูดทันที “นายเดินตามไปถามดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันจะคอยเฝ้าลี่จิ่วเชียนเอาไว้เอง”
ถึงอย่างไรกู้จือหยั่นก็สนิทสนมกับมู่น่อนน่อนมากกว่า
“ได้สิ” กู้จือหยั่นเหลือบมองลี่จิ่วเชียนแวบหนึ่ง ถึงได้เดินมุ่งหน้าไปทางเสิ่นเหลียงและมู่น่อนน่อน
ตอนที่กู้จือหยั่นเดินไปถึงนั้น เสิ่นเหลียงกำลังย่นคิ้วมองมู่น่อนน่อน ซึ่งกำลังแสดงท่าทางรอคำตอบของมู่น่อนน่อนอยู่เช่นนั้น
กู้จือหยั่นที่ยืนอยู่ด้านข้างเสิ่นเหลียง ถามทันที “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“นี่ก็กำลังถามไถ่กันอยู่ไม่ใช่เหรอเนี่ย?” เสิ่นเหลียงพูดกับกู้จือหยั่นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ตอนแรกมู่น่อนน่อนก็เตรียมจะอ้าปากพูดออกมา แต่เห็นกู้จือหยั่นเดินเข้ามาหา คำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากของเธอพลางเปลี่ยนไปทันที “รายละเอียดเป็นมาอย่างไร มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับเฉินถิงเซียว ซึ่งมันไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกคุณสักนิด”
เธอพูดจบ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดกับเสิ่นเหลียง “เสี่ยวเหลียง จดเบอร์โทรศัพท์เบอร์ใหม่ของฉันไว้สิ มีเวลาเราค่อยคุยกันนะ”
เสิ่นเหลียงถูกมู่น่อนน่อนทำให้สับสนงุนงง “นี่เล่นตลกอะไรอยู่เนี่ย? มีเวลาค่อยมาคุยกันงั้นเหรอ?”
มู่น่อนน่อนเห็นว่าเสิ่นเหลียงยังไม่มีการขยับเขยื้อน เธอจึงยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ของเสิ่นเหลียงมา “รหัสอะไร?”
เสิ่นเหลียงจ้องหน้ามู่น่อนน่อน และหยิบโทรศัพท์กลับมาเพื่อใส่รหัสเปิดเครื่อง “เบอร์อะไรล่ะ”
มู่น่อนน่อนบอกตัวเลขเป็นชุดให้เธอ พลางหันตัวเดินจากไปทันที
“ฉันคิดว่าเธอดูแปลกพิกล” หลังจากที่เสิ่นเหลียงบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของมู่น่อนน่อนแล้ว จึงเก็บโทรศัพท์ทันที และมองด้านหลังของมู่น่อนน่อนพร้อมบ่นพึมพำไม่หยุดปาก
กู้จือหยั่นที่อยู่ด้านข้างพูดสมทบทันควัน “ก็ดูปกติดีทุกอย่างนี่ เธอยังรู้จักคุณอยู่นะ นี่แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ความจำเสื่อม”
“คุณจะเข้าใจอะไร?” เสิ่นเหลียงเหล่ตามองเขา จากนั้นก็หันหลังและเดินปลีกตัวไปอีกทาง
กู้จือหยั่นเดินตามทันควัน แถมยังถกเถียงพูดถึงเรื่องของมู่น่อนน่อนกับเธอไม่เลิก
ทว่าเสิ่นเหลียงไม่ได้สนใจเขาสักนิด
ผ่านไปไม่นานนัก เฉินถิงเซียวกับสือเย่จึงเดินออกมา
เมื่อเฉินถิงเซียวเดินออกมานั้น พลันเห็นมู่น่อนน่อนท่ามกลางฝูงชน และลี่จิ่วเชียนที่คอยยืนอยู่ข้างกายเธอ
กู้จือหยั่นให้ความสนใจกับเฉินถิงเซียวอยู่ตลอดเวลา พอเขามองเห็นเฉินถิงเซียวออกมาแล้ว จึงรีบกระหืดกระหอบวิ่งมาหาทันที “ถิงเซียว ลี่จิ่วเชียนพามู่น่อนน่อนมาด้วย เธอ…”
เฉินถิงเซียวพูดขัดจังหวะคำพูดของเขาทันที ด้วยน้ำเสียงความหมายเป็นนัย “เห็นแล้ว”
กู้จือหยั่นมองตามสายตาของเขาไป ซึ่งมองเห็นมู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนในทันที
กู้จือหยั่นยังคาดคั้นพยายามจะพูดอะไรเพิ่ม ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าอันถมึงทึงของเฉินถิงเซียวแล้ว คำพูดที่ติดอยู่ริมฝีปากพลันกลืนลงคอทันที
ช่วงเวลานี้ ถ้าเขาเกิดพูดอะไรผิดพลาดขึ้นมา สายตาของเฉินถิงเซียวก็สามารถฆ่าเขาตายได้
สือเย่ที่เข้าใจทุกเรื่องราว พลางมองมู่น่อนน่อนกับลี่จิ่วเชียนที่ปรากฏตัวพร้อมกันและกำลังแสดงท่าทางสนิทสนม จึงรู้สึกว่ามันดูแปลกประหลาด
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?” สือเย่หันหน้าไปมองเฉินถิงเซียว “คุณชายครับ เอ่อ…”
“เดินไปรวมกลุ่มกับเขา” เฉินถิงเซียวปากก็พูด พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาจัดเนคไทเล็กน้อย
แต่สายตาของเขา กลับจับจ้องอยู่ทางลี่จิ่วเชียนทางนั้นอยู่ตลอดเวลา
ปากพูดว่าคอยจับจ้องทางลี่จิ่วเชียน แท้จริงคือสายตาของเขาคอยจับจ้องเพ่งมองอยู่ที่ตัวของมู่น่อนน่อนตลอดเวลา