ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม – บทที่ 621 ยังต้องหาฤกษ์งามยามดี?

บทที่ 621 ยังต้องหาฤกษ์งามยามดี?

เพียงแต่ คนรับใช้ยังเดินไปได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงของเฉินถิงเซียวลอยดังมา:“เดี๋ยว!”

คนรับใช่รีบหยุดชะงักลง แล้วหันหน้ามามองทางเฉินถิงเซียว:“คุณผู้ชาย ยังมีอะไรจะรับสั่งอีกคะ”

เฉินถิงเซียวเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นถามอย่างเคร่งขรึม :“เธอทานข้าวหรือยัง”

คนรับใช้ชะงักงันไปชั่วขณะ เมื่อรู้ตัวว่าเฉินถิงเซียวนั้นถามถึงมู่น่อนน่อน จึงได้พยักหน้าแล้วกล่าวเบา ๆ :“คุณหญิงน้อยมัวแต่รอคุณผู้ชายกลับมา ยังไม่ได้ทานข้าวเลยค่ะ”

เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น สีหน้านิ่งครู่หนึ่ง แล้วรีบกำชับคนรับใช้:“นำอาหารไปให้เธอที่ห้อง”

“ค่ะ” คนรับใช้ตอบรับ แล้วก็เตรียมไปทำอาหารส่งไปให้มู่น่อนน่อน

คนรับใช้จัดวางอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็ได้ยินเฉินถิงเซียวกล่าวกำชับเพิ่มอีกหนึ่งประโยค:“อย่าบอกว่าผมเป็นคนสั่งให้เธอส่งไปให้นะ”

“……ค่ะ”

คนรับใช้ยกอาหารขึ้นไปบนตึก แล้วยื่นมือออกมาข้างหนึ่งทำการเคาะประตู

มู่น่อนน่อนได้ยินเสียงเคาะดังจากด้านนอก ปฏิกิริยาแรกคือนึกถึงเฉินถิงเซียว

แต่ความคิดต่อมา ด้วยนิสัยของเฉินถิงเซียว เขาจะมาหาเธอก่อนได้อย่างไร ต่อให้เฉินถิงเซียวมาหาเธอ ก็ไม่มีทางที่จะเคาะประตู

มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้ขยับตัว เพียงแค่เอ่ยออกมาหนึ่งประโยค:“เข้ามา”

คนรับใช้ยกอาหารไว้แล้วผลักประตูเข้ามา มู่น่อนน่อนมองเพียงแวบหนึ่ง แล้วก็ก้มลงไปมองโทรศัพท์

คนรับใช้วางอาหารลงบนโต๊ะ จากนั้นหันมากล่าวกับมู่น่อนน่อนว่า :“คุณหญิงน้อยคะ ตอนเย็นท่านไม่ทานอาหารเลย ดิฉันก็เลยทำอาหารนิดหน่อยมาให้ค่ะ ทานสักหน่อยนะคะ”

“ฉันรู้แล้ว เธอวางไว้ตรงนั้นแหละ” มู่น่อนน่อนกล่าวโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า

หลังจากคนรับใช้วางอาหารลงแล้ว ก็ได้หันหลังเดินออกไป

เมื่อคนรับใช้ออกไปแล้ว มู่น่อนน่อนก็วางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปยังโต๊ะมองดูอาหารครู่หนึ่ง

แทบไม่มีความรู้สึกอยากอาหาร

เมื่อนึกถึงประโยคคำพูดนั้นของเฉินถิงเซียว “เรื่องโง่ ๆ ที่ผมเคยทำ ก็คือการรักและตามใจคุณมากเกินไป” มู่น่อนน่อนจึงโกรธมากจนจี๊ดขึ้นสมอง

เธอวางโทรศัพท์ลงข้าง ๆ แล้วลุกขึ้นไปห้องอาบน้ำทำธุระส่วนตัว

……

เฉินถิงเซียวกลับมาถึงห้องนั้น มู่น่อนน่อนได้เอนตัวนอนบนเตียงแล้ว

ในห้องมืดสนิท เฉินถิงเซียวอาศัยความจำเดินไปเปิดไฟดวงเล็ก ๆ และเดินย่องเข้าห้องน้ำเบา ๆ

เพียงแต่ว่าตอนที่เขาออกมานั้น กลับเห็นมู่น่อนน่อนลุกขึ้นนั่งเอนตัวพิงอยู่ที่หน้าต่าง และมองมาทางเขาอย่างเงียบ ๆ

ทั้งสองคนต่างสบตากันภายใต้แสงไฟสลัวกันสองสามวิ จากนั้นเฉินถิงเซียวก็ได้เบนสายตาไป แล้วทอดตัวลงบนเตียงที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง

“เมื่อไหร่คุณจะพาฉันไปเจอมู่มู่ หรือคุณบอกกับฉันก็ได้ว่าเธออยู่ที่ไหน แล้วฉันจะไปเอง” มู่น่อนน่อนยังคงอยู่ในท่าเดิม แม้แต่ดวงตาก็ยังไม่มีการกะพริบ

“ตอนนี้ไม่ได้” เฉินถิงเซียวตอบกลับ

“ทำไมตอนนี้ถึงไม่ได้ ฉันต้องการเจอลูกสาวของตัวเอง ยังต้องหาฤกษ์งามยามดีด้วยเหรอ” ในที่สุดมู่น่อนน่อนก็หันมาทางเฉินถิงเซียว กล่าวด้วยน้ำเสียงแดกดัน

น้ำเสียงเฉินถิงเซียวทุ้มต่ำ มีร่องรอยการอดกลั้นความโกรธเอาไว้:“มู่น่อนน่อน”

มู่น่อนน่อนก็ไม่ได้กลัวว่าจะทำให้เขาโกรธ และกล่าวออกมาอย่างตรง ๆ :“แล้วแต่คุณจะพูดยังไง แต่ว่าฉันต้องการเจอมู่มู่”

เฉินถิงเซียวนอนราบลงไป แล้วหลับตาลงในท่านอนหงาย

มู่น่อนน่อนเห็นแล้วรู้สึกโมโหมาก แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

เธอจึงนอนหันหลังให้กับเฉินถิงเซียวด้วยความโกรธ

ทั้งสองคนจึงนอนกันแบบนี้ทั้งคืน

……

วันรุ่งขึ้น

ตอนที่มู่น่อนน่อนตื่นขึ้นมานั้น เฉินถิงเซียวก็เพิ่งตื่นเช่นกัน

ประตูห้องน้ำไม่ได้ปิด ตำแหน่งบนเตียงสามารถมองเห็นอ่างล้างหน้าในห้องอาบน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากประตูได้พอดี

เฉินถิงเซียวยืนอยู่หน้ากระจก กำลังผูกเนกไทตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ผูกอย่างไรก็ออกมาไม่ดี

มู่น่อนน่อนจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เห็นเขาเดี๋ยวผูกเดี๋ยวแก้เนกไทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทนดูต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นลงจากเตียงแล้วเดินไปหาเขา

เฉินถิงเซียวเห็นเธอเดินเข้ามา จึงหันหน้าไปมองเธอแวบหนึ่ง แล้วก็หันกลับมาผูกเนกไทของตัวเองต่อ

มู่น่อนน่อนหยิบแปรงสีฟันขึ้น กะว่าจะไม่สนใจเขา

แต่ว่าสมองของเธอได้ตัดสินใจล่วงหน้าไปก่อนเธอแล้ว แปรงสีฟันที่เพิ่งหยิบขึ้นมานั้นได้ถูกวางลงกลับไป เธอเงยหน้าขึ้น ยื่นมือไปปัดมือของเฉินถิงเซียวออก แล้วช่วยผูกเนกไทให้กับเขา

เฉินถิงเซียวก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทำเพียงหรี่ตามองเธอ

อากาศก็เงียบสงัดอย่างน่าประหลาดใจ

ในเรื่องเล็ก ๆ ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ ผู้หญิงมักจะทำได้ดีกว่าผู้ชายเสมอ

นิ้วมือที่เรียวบางของมู่น่อนน่อนจับเนกไทแล้วบรรจงผูกเข้าด้วยกันอย่างคล่องแคล่าว จากนั้นก็หันไปหยิบแปรงสีฟันขึ้นมา

ตอนที่เธอแปรงฟันอยู่นั้น รู้สึกเหมือนเฉินถิงเซียวยังจ้องมองเธออยู่

เธอจึงได้ก้มหน้าต่ำลง เวลานี้เธอสวมใส่รองเท้าแตะ และค่อนข้างเตี้ยกว่าเฉินถิงเซียวมาก จึงจงใจก้มหน้าลงเพื่อไม่ให้เฉินถิงเซียวได้เห็นหน้าเธอ

จนกระทั่งมู่น่อนน่อนแปรงฟันเสร็จ จึงหันหน้าไปมองเขา:“คุณเสร็จหรือยัง เสร็จแล้วก็ออกไป อย่ามายืนขวางทาง เกะกะอยู่ตรงนี้”

เฉินถิงเซียวได้ยินดังนั้น ความโกรธจึงตีบตันอยู่ตรงลำคอ ขึ้นก็ไม่ได้ จะลงก็ไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ ช่าง……

เฉินถิงเซียวทำเสียงฟืดฟัดหันหลังแล้วก็เดินออกไป

เพียงแต่ว่าย่างก้าวของเขานั้นค่อนข้างหนักหน่วง เต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

มู่น่อนน่อนยิ้มเยาะเบา ๆ:“ไร้สาระ!”

เมื่อเธอทำธุรส่วนตัวเสร็จแล้วลงมาจากตึกนั้น เฉินถิงเซียวเพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จพอดีและกำลังจะออกไป

สือเย่ขับรถมารับเฉินถิงเซียวไปบริษัทตามปกติ เวลานี้เฉินถิงเซียวกำลังรอยู่ในห้องโถง

สือเย่เห็นมู่น่อนน่อนจึงโค้งคำนับเบา ๆ ให้กับเธอ:“คุณหญิงน้อย”

มู่น่อนน่อนดวงตาเป็นประกาย คิดอะไรบางอย่างออก จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“ผู้ช่วยสือ เช้าขนาดนี้ทานอาหารหรือยัง”

สือเย่ที่ไม่เห็นถึงความผิดปกติของมู่น่อนน่อน จึงยิ้มแล้วกล่าว:“ทานแล้วครับ”

“อย่างนั้นก็ดี” มู่น่อนน่อนกล่าวเสร็จ ก็เดินตรงไปที่ห้องอาหาร โดยไม่มีการพูดคุยกับเฉินถิงเซียวใด ๆ

สือเย่จึงรู้สึกถึงบางอย่าง จ้องมองไปทางมู่น่อนน่อน แล้วก็หันมามองเฉินถิงเซียวที่กำลังเดินมาหาตัวเอง

จึงเข้าใจในใจ นี่ทะเลาะกันอีกแล้ว?

และก็ไม่รู้ว่าคราวนี้ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรอีก?

สือเย่เองก็ฉลาดพอจึงไม่ได้ถามอะไรมาก

มู่น่อนน่อนนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารคนเดียว ดูเหมือนกำลังทานอาหารเช้า แต่ยังคงให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของด้านนอกตลอดเวลา

ผ่านไปสักพัก เธอได้ยินเสียงรถยนต์จากด้านนอกดังขึ้น จึงได้วางช้อนส้อมในมือลง

เฉินถิงเซียวไม่พาเธอไปพบเฉินมู่ เธอจะไปเองไม่ได้เลยรึ?

เฉินถิงเซียวไม่บอกว่าเฉินมู่อยู่ที่ไหน เธอจะคิดหาทางเองไม่ได้เลยรึ?

……

ช่วงเวลาตอนบ่าย สือเย่ออกไปทำธุระด้านนอก

ขณะที่กำลังเดินไปถึงที่จอดรถนั้น ก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงดังมาจากด้านหลัง

“ตึก ๆ ๆ” อย่างชัดเจน และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

สือเย่หันกลับไป ก็เห็นรอยยิ้มของมู่น่อนน่อนที่ยิ้มให้กับตัวเองอ่อนโยน

“คุณหญิงน้อย?” สือเย่ชะงักแล้วก็ถามขึ้น :“มาหาคุณผู้ชายเหรอครับ ตอนนี้คุณผู้ชายอยู่ที่ห้องทำงาน คุณหญิงน้อยไปหาคุณผู้ชายได้เลยครับ”

มู่น่อนน่อนกอดอกแล้วเดินมาที่ด้านหน้าของสือเย่:“ฉันมาหานาย”

สือเย่รู้สึกถึงความผิดปกติในทันใด ครู่เดียวก็เข้าใจในทันทีว่ามู่น่อนน่อนมาหาเขาด้วยเรื่องอะไร จึงรีบกล่าวหนึ่งประโยคขึ้น :“ผมยังมีธุระที่ต้องไปจัดการ คุณหญิงน้อยมีธุระอะไรค่อยคุยกันวันหลังนะครับ”

เขาพลางพูดพลางยกเท้าจะก้าวเดินจากไป

แต่ว่า มู่น่อนน่อนที่ได้รออยู่ที่ลานจอดรถมาเกือบครึ่งค่อนวัน จะปล่อยสือเย่จากไปแบบง่าย ๆ ได้อย่างไร

มู่น่อนน่อนเปล่งเสียงขึ้นเบา ๆ “หยุด”

น้ำเสียงของเธอเบาบาง แต่กลับทำให้สือเย่รู้สึกเหมือนกับความน่าเกรงขามของเฉินถิงเซียว

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

ฉัน….เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

Status: Ongoing

แม่ของมู่นอนน่อนคุกเข่าลงต่อหน้าของเธอ ขอให้เธอ แต่งงานแทนพี่สาวกับเฉินถึงเขียวผู้ชายที่ขี้เหร่และพิการที่ ชาวบ้านเล่าลือกัน ในคืนวันแต่งงาน ตอนที่เธอได้พบหน้า หล่อเหลาของชายคนนี้เธอตกใจมาก เฉินถึงเซียวพูดตรงๆ เลยว่าเธอน่าเกลียดมากๆ เดิมที่คิดว่าคงใช้ชีวิตต่างคนต่าง อยู่ แต่กลับถูกผู้ชายคนนี้กดอยู่ใต้รางกายอย่างรุนแรง”ไหน บอกว่าคุณทำไม่ได้ไง”ผู้หญิงตกใจ” ได้หรือไม่ได้ คำพูดของ เธอ ฉันไม่นับ! “บนหน้าของเฉินถึงเชียวแสดงออกถึงความ เจ้าเสน่ห์

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท