จีนติ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์คลับ
ฉินสุ่ยซานกับมู่น่อนน่อนยืนเคียงข้างกันที่หน้าประตูจีนติ่ง คนที่สัญจรไปมาอดไม่ได้ที่จะเอาสายตามามองพวกเขา
“มองไม่ออกเลย คุณมีรสนิยมดีอยู่นะเนี่ย” สายตาของฉินสุ่ยซานตกไปที่ตัวมู่น่อนน่อนซึ่งอยู่ข้างๆ
มู่น่อนน่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความหมายพาให้คนสนอกสนใจ “จีนติ่งนอกจากแพงแล้ว มีอะไรเป็นรสนิยมที่ดีบ้าง”
ฉินสุ่ยซานไม่รู้ว่าบอสที่เป็นเบื้องหลังจีนติ่งคือเฉินถิงเซียว จึงถามมู่น่อนน่อนอย่างค่อนข้างสงสัย “หมายถึงอะไร ถ้าคุณไม่ชอบจีนติ่ง แล้วยังมาที่นี่ทำไม”
“คุณรู้สึกไม่ใช่เหรอว่าที่นี่รสนิยมค่อนข้างดีน่ะ” มู่น่อนน่อนชำเลืองมองเธอ และก็ก้าวเท้าเดินเข้าไป
ทั้งสองขอหนึ่งห้อง และสั่งไวน์สำหรับหนึ่งโต๊ะ
ไวน์ขาวไวน์ต่างประเทศไวน์แดงเบียร์ค็อกเทล ทุกชนิดมีหมด
ฉินสุ่ยซานหยิบไวน์ขึ้นมาดูทีละขวด จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามมู่น่อนน่อน แล้วถอนหายใจ “นี่คุณตั้งใจจะดื่มให้ตายเหรอ หรือคุณตั้งใจล้างผลาญเงินในกระเป๋าของคุณ”
มู่น่อนน่อนไม่พูด และเริ่มรินไวน์ให้ตัวเอง
ฉินสุ่ยซานโน้มตัวเข้าไปถามเธอต่อ “[เมืองพัง]ภาคสองยังไม่เสร็จเลยนะ คุณแน่ใจเหรอว่าในมือมีเงินมากพอจะจ่ายค่าไวน์น่ะ”
มู่น่อนน่อนให้ฉินสุ่ยซานดื่มหนึ่งแก้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มสดใส “ไม่ใช่ว่ายังมีคุณเหรอ”
ฉินสุ่ยซานมองมู่น่อนน่อนอย่างตกตะลึงอ้าปากค้าง นานมากก็พูดไม่ออกสักคำ
“คุณ……คุณคิดจะทุบกระเป๋าเงินของฉันเหรอ คุณบอกว่าต้องการมาดื่มไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ว่าควรเป็นคุณที่เลี้ยงเหรอ!” ฉินสุ่ยซานขมวดคิ้ว หยิบแก้วตรงหน้าขึ้นมาดื่มรวดเดียว
นี่มันบ้าชัดๆ!
เธอแทบจะสงสัยว่าการร่วมงานกับมู่น่อนน่อนนี่มันน่าเชื่อถือหรือไม่
“แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ดูคุณสิตกใจแค่ไหน ไวน์ราคาเบาๆ พวกนี้น่ะฉันจ่ายได้” มู่น่อนน่อนวางแก้วในมือลง แล้วหยิบแก้วทรงสูงใบหนึ่งขึ้นมา และเทไวน์แดงลงไป
ไวน์บนโต๊ะนี้ อย่างน้อยก็ต้องมูลค่าหลายล้าน
ทว่ามู่น่อนน่อนไม่กะพริบตาสักนิด ตอนนี้ยังพูดว่า “เงินแค่นี้” ……
“ปากดีไม่เบาเลยนะ” ฉินสุ่ยเซียนกระตุกยิ้มมุมปาก
“เลิกพูดไร้สาระ ดื่ม” มู่น่อนน่อนเทไวน์ใส่แก้วของฉินสุ่ยซานอีกรอบ
ฉินสุ่ยซานไม่ได้ดื่มกับมู่น่อนน่อน คิดว่าความสามารถในการดื่มของมู่น่อนน่อนนั้นธรรมดามาก แค่ให้ตัวเองดื่มนิดหน่อย แล้วรอมู่น่อนน่อนเมา ก็จะส่งมู่น่อนน่อนกลับบ้าน
เพียงแต่ เธอประเมิณความสามารถในการดื่มของมู่น่อนน่อนต่ำไป
มู่น่อนน่อนดื่มไวน์ไปหลายแก้ว แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย กลับกันตัวเธอเริ่มมึนศีรษะแล้ว
ฉินสุ่ยซานยกมือข้างหนึ่งเท้าศีรษะ มองมู่น่อนน่อนพลางพูดว่า “หรือไม่เรากลับกันไหม”
“ยังดื่มไม่หมดเลย จะกลับอะไรกันล่ะ” มู่น่อนน่อนดึงแขนเสื้อของฉินสุ่ยซานเอาไว้เหมือนกลัวเธอวิ่งหนี
ฉินสุ่ยซานไม่มีทางเลือก จึงต้องนั่งดื่มเป็นเพื่อนมู่น่อนน่อนต่อไป
ท้ายที่สุด เป็นฉินสุ่ยซานที่ร่วงไปก่อนแทน
“คุณ……คุณ……ดื่มให้น้อยลงหน่อย……” ฉินสุ่ยซานพูดจบประโยคนี้ก็ร่วงไปเลย
เวลานี้มู่น่อนน่อนยังคงตื่นตัวอยู่อย่างผิดปกติ
“ฉินสุ่ยซาน?” มู่น่อนน่อนเดินไปข้างฉินสุ่ยซาน แล้วเอื้อมมือไปผลักๆ ไหล่เธอ
ฉินสุ่ยซานไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด เป็นการดื่มแล้วเมาจนตายของจริง
ดื่มไปนิดเดียวเอง……
มู่น่อนน่อนยืดตัวขึ้นกำลังจะกลับไปดื่มต่อ ก็พลันเห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือขอฉินสุ่ยซานสว่างขึ้นมาในเวลานี้
ทันทีหลังจากนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
บนหน้าจอมีไม่กี่คำเด้งขึ้นมาว่า “คนขับรถพิเศษ”
“คนขับรถพิเศษ?” มู่น่อนน่อนพึมพำอ่านคำนี้ หยิบโทรศัพท์มือถือของฉินสุ่ยซานขึ้น มีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย
ฉินสุ่ยซานขับรถเองตลอดไม่ใช่เหรอ คนขับรถพิเศษมาจากไหน
นี่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว
เสียงโทรศัพท์มือถือยังคงดังอื้ออึงต่อเนื่อง
มู่น่อนน่อนยื่นนิ้วมือไปสไลด์ปุ่มตอบรับ
เธอเอาโทรศัพท์มือถือแนบหู ยังไม่ได้ส่งเสียง ก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่ทุ้มต่ำทรงพลังจากปลายสาย “คุณอยู่ที่ไหน”
มู่น่อนน่อนรู้สึกคุ้นๆ เสียงนี้
อีกฝ่ายรออยู่ชั่วครู่ ไม่รอให้เธอได้พูด ก็ส่งเสียงถามอีกครั้ง “ทำไมไม่พูด”
มู่น่อนน่อนขดยิ้มเล็กน้อย แล้วถามเสียงเบา “สวุมู่หันเหรอ”
เสียงของชายหนุ่มมีความระแวดระวังทันที “คุณเป็นใคร ฉินสุ่ยซานล่ะ”
ในน้ำเสียงยังมีร่องรอยของความวิตกกังวลด้วย
“ฉินสุ่ยซานอยู่จีนติ่ง ห้องเลขที่……ฉันไปดูแป๊บ……” มู่น่อนน่อนพูดอย่างนั้นแล้วลุกขึ้นไปที่ประตู หลังจากดูหมายเลขห้องแล้ว ก็เอาหมายเลขห้องไปบอกสวุมู่หัน แล้ววางสายไปเลย
สวุมู่หันมาเร็วกว่าที่มู่น่อนน่อนจินตนาการไว้
ตอนที่เขาผลักประตูเข้ามาอย่างเร่งรีบ สิ่งแรกที่เห็นคือฉินสุ่ยซานฟุบอยู่บนโต๊ะ หลังจากนั้นถึงได้สังเกตเห็นมู่น่อนน่อนที่กำลังยิ้มสดใสมองเขาอยู่
มู่น่อนน่อนชูแก้วไวน์ในมือ “เว่ยซิงเฉิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
เว่ยซิงเฉินเป็นชื่อของพระเอกใน [เมืองพัง] บทละครของมู่น่อนน่อน [เมืองพัง] นำแสดงโดยสวุมู่หัน
“คุณมู่” สวุมู่หันเดินเข้ามา ดูท่าทางเหมือนโล่งใจ
มู่น่อนน่อนออกปากถามหนึ่งประโยคอย่างเป็นกันเองว่า “ดื่มสักแก้วไหม”
สวุมู่หันส่ายหน้า ลดสายตาลงมองฉินสุ่ยซาน ขมวดคิ้วถามมู่น่อนน่อน “เธอดื่มไปเท่าไรครับ”
มู่น่อนน่อนชี้หลายขวดเปล่าข้างๆ เป็นสัญญาณให้สวุมู่หันดู
สวุมู่หันมองไป พบว่ามีขวดเปล่าสามสี่ใบ
มู่น่อนน่อนพิงโซฟา ในมือมีแก้วทรงสูงใบหนึ่ง “เป็นของที่เราดื่มด้วยกันสองคน”
สายตาของสวุมู่หันแช่อยู่ที่ใบหน้าของมู่น่อนน่อนสองวินาที ก่อนจะถอนสายตาออกอย่างสุภาพ
ทั้งคู่ดื่มไปมากขนาดนั้น ฉินสุ่ยซานดื่มจนร่วงไปแล้ว แต่สีหน้าของมู่น่อนน่อนยังคงปกติมาก
สวุมู่หันถามอย่างสุภาพ “คุณมู่โอเคไหมครับ อยากให้ผมไปส่งคุณกลับก่อนไหม”
“ไม่ต้องหรอก คุณเอาฉินสุ่ยซานไปก็พอ” มู่น่อนน่อนเริ่มดื่มกับตัวเอง ไม่สนใจสวุมู่หันอีก
สวุมู่หันไม่ใช่คนมากเรื่อง ในเมื่อมู่น่อนน่อนพูดอย่างนี้ เขาจึงพาฉินสุ่ยซานออกไป
ในห้องว่างเปล่า มู่น่อนน่อนโคลงแก้วไวน์ในมือไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้น เธอวางแก้วลง แล้วยกมือขึ้นเปิดขวดไวน์ที่เหลือทั้งหมด
จากนั้นจึงนำบรรดาไวน์ทั้งหมดเข้าไปในห้องน้ำ เอาเททิ้งในชักโครก
เหลือขวดสุดท้าย มู่น่อนน่อนยกขวดแล้วเงยหน้าดื่ม
ที่จริงเธอเริ่มเมานิดหน่อยแล้ว
ไม่อย่างนั้น ทำไมเวลานี้เธอถึงได้อยากโทรหาเฉินถิงเซียวล่ะ
แย่จริงๆ!
มู่น่อนน่อนกลับไปนั่งบนโซฟา แล้วเรียกพนักงานเสิร์ฟมา
พนักงานเสิร์ฟเข้ามา เห็นทุกขวดไวน์ล้วนว่างเปล่า ดวงตาเกิดแววประหลาดใจ “คุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าต้องการสั่งอะไรครับ”
มู่น่อนน่อนหยิบการ์ดออกจากกระเป๋า
พนักงานเสิร์ฟเห็นดังนั้นจึงถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงต้องการเช็กบิลใช่ไหมครับ”
“ก่อนเช็กบิล ฉันต้องการพบบอสของพวกคุณหน่อย” มู่น่อนน่อนชักมือที่ถือการ์ดกลับ แล้วพูดอย่างสบายๆ “ฉันสงสัยว่าพวกคุณขายเหล้าปลอม เพราะไม่อย่างนั้นทำไมตอนนี้ฉันยังไม่เมาอีก”
บนโต๊ะมีขวดไวน์ที่ว่างเปล่ามากมาย และมู่น่อนน่อนดูไม่เมาจริงๆ
พนักงานเสิร์ฟอึ้งไปทันที “รบกวนคุณรอสักครู่ ผมจะไปเรียกบอสเดี๋ยวนี้ครับ”
ถึงอย่างไรก็เป็นบิลใหญ่ ไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟอย่างเขาที่จะรับผิดชอบได้ จึงรีบออกไปหาหัวหน้าทันที