เสิ่นเหลียงเหมือนจะโมโหจัด สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ
พวกเขาทานกันไปคุยกันไป
กู้จือหยั่นคุยเรื่องธุระ สีหน้ากลายเป็นจริงจังขึ้นมา
“น่อนน่อน คุณอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับองค์กรX ได้ยินมาจากไหน” กู้จือหยั่นมองมู่น่อนน่อน สายตามีแววสอบสวน
“ว่ากันว่า องค์กรXเป็นองค์กรลับ ตราบใดที่จ่ายได้ สามารถสืบค้นได้ทุกเรื่องที่ต้องการ และยังสามารถซื้อ……” มู่น่อนน่อนนิ่งไปเล็กน้อย น้ำเสียงเพิ่มขึ้นนิดหน่อย “ชีวิตคน”
กู้จือหยั่นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย และยิ้มทันที “ดูเหมือนคุณก็รู้มาไม่น้อยนะ”
“ดูเหมือนว่า ความจริงแล้วองค์กรXเป็นองค์กรอาชญากรรม” มู่น่อนน่อนยืดตัวตรง เม้มริมฝีปาก และถามกู้จือหยั่นต่อว่า “คุณเคยเห็นนักฆ่าขององค์กรXไหม”
กู้จือหยั่นกำลังดื่มน้ำพอดี ได้ยินคำพูดของมู่น่อนน่อน เขาเกือบจะสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าปาก
“แค่กๆ……” กู้จือหยั่นวางแก้วลง ยกมือขึ้นกุมคอครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้เงยหน้ามองยังมู่น่อนน่อน “ล้อเล่นอะไร คนขององค์กรXโดยพื้นฐานไม่เปิดเผยหน้าตา ต่อให้ตอนทำข้อตกลงกับใคร ยังมีช่องทางพิเศษในการติดต่อ ซื้อขายแบบไม่เผชิญหน้า”
เมื่อมู่น่อนน่อนได้ยิน สีหน้าพลันค่อนข้างซับซ้อน
เธอหรี่ตามองกู้จือหยั่น “คุณรู้มาชัดเจนจริงๆ”
กู้จือหยั่นก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หันศีรษะไปมองเสิ่นเหลียงโดยจิตใต้สำนึก จากนั้นถึงได้เริ่มอธิบาย “ที่จริงผมก็ไม่ได้รู้แน่ชัดนัก มีแต่ได้ยินมาจากคนอื่น”
เขาพูดจบ เห็นมู่น่อนน่อนกำลังยิ้ม ชัดเจนว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด เขาจึงพูดอีกว่า “คุณก็รู้ ว่าผมมีเส้นสายกว้างขวาง รู้จักคนมากมาย และสถานะของคนเหล่านั้นก็ไม่ได้ต่ำ มักจะมีหนึ่งหรือสองคนเสมอที่เผชิญกับสิ่งนี้”
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่าคุณไปทำข้อตกลงกับองค์กรX เลยรู้เรื่องขององค์กรXชัดเจนขนาดนี้ คุณรีบอธิบายทำไม ตรงกันข้ามมันกลับส่อให้เห็นว่ากำลังปกปิดบางอย่างมากกว่า”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ยังยกมือขึ้นจับไหล่เสิ่นเหลียงด้วย “เสี่ยวเหลียง ฉันพูดถูกไหม”
เสิ่นเหลียงที่ทำหน้าโง่เขลาอยู่เมื่อครู่
จากที่ฟังมามาก เธอยังแทบไม่เข้าใจตื้นลึกหนาบางขององค์กรXนี่เลย
เธอไม่สนใจว่ากู้จือหยั่นมีสีหน้าท่าทางยังไง หันหน้าไปมองมู่น่อนน่อน ถามด้วยสีหน้าค่อนข้างเคร่งขรึม “น่อนน่อน เธอถามเรื่ององค์กรXทำไม”
“นี่คือสิ่งที่อาจจะเอามาเขียนบทคล้ายๆ แบบนี้ เพราะงั้นเลยมาถามกู้จือหยั่นดูน่ะ” เหตุผลที่มู่น่อนน่อนพูดออกมา เป็นเหตุผลเดียวกันกับที่พูดกับกู้จือหยั่นก่อนหน้านี้
แต่ว่า กู้จือหยั่นผู้ชายคนนี้ ในสายตาของเขา ยกเว้นเสิ่นเหลียง หญิงอื่นก็เป็นแค่มนุษย์เท่านั้น
แน่นอนว่าเขาจะไม่คลางแคลงข้อเท็จจริงในคำพูดของมู่น่อนน่อน
แต่เสิ่นเหลียงนั้นต่างกัน เธอรู้จักมู่น่อนน่อนดี รู้จักนิสัยของมู่น่อนน่อน
ต่อให้มู่น่อนน่อนจะกลบเกลื่อนการแสดงออกภายนอกได้ดี แต่เธอยังสามารถมองออกได้ว่ามู่น่อนน่อนโกหกหรือไม่
เสิ่นเหลียงเอียงศีรษะเล็กน้อย มือกุมแก้วน้ำ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “จริงเหรอ”
มู่น่อนน่อนไม่พูดอะไร
เธออาจะปิดบังเสิ่นเหลียงไม่ได้
เพื่อปกปิดความรู้สึกของตัวเอง มู่น่อนน่อนยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มทานอาหารต่อ ท่าทางเอาจริงเอาจังกับการทานอาหาร
เสิ่นเหลียงถอนสายตากลับ หันหน้าไปมองกู้จือหยั่น “คุณพูดต่อสิ”
“องค์กรXเป็นองค์กรที่ลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ว่าผู้นำของพวกเขาคือใคร ไม่มีใครเคยเห็นนักฆ่าขององค์กรX”
“นักฆ่าเหล่านั้นจะปลอมตัวเป็นอย่างดี พวกเขาอาจเป็นเจ้าของแผงลอยริมถนน หรืออาจเป็นพนักงานออฟฟิศ หรืออาจเป็นคนที่เดินผ่านคุณไปบนท้องถนนก็ได้”
ตอนที่กู้จือหยั่นพูดถ้อยคำนี้ ในสายตามีความลึกลับ เหมือนพนักงานขายตรง
เสิ่นเหลัยงกับมู่น่อนน่อนคิดแบบเดียวกัน เมื่อกู้จือหยั่นพูดจบ เธอก็หลุดหัวเราะพรืดทันที “กู้จือหยั่น ตอนนี้คุณเหมือนพนักงานขายตรง หรือพวกสมุนที่ถูกล้างสมองเข้าแก๊งค์เลย”
กู้จือหยั่นสีหน้าบึ้งตึง ทำหน้าตาจริงจังทันที “ที่ผมพูดเป็นความจริง”
มู่น่อนน่อนเชื่อคำพูดของกู้จือหยั่น
องค์กรXลึกลับเช่นนี้ หากคนภายนอกสามารถรู้เรื่องได้ อย่างมากที่สุดก็ได้ยินจากปากต่อปาก
ส่วนที่ว่าจะมีสิ่งอัศจรรย์อะไรหรือไม่ เท็จหรือจริง ทุกสิ่งยากจะบอกได้
มู่น่อนน่อนนั้นเดิมทีแค่เพราะสงสัยเกี่ยวกับองค์กรXจากปากของฉีเฉิงถึงได้ถามเรื่องพวกนี้จากกู้จือหยั่น
เพียงแต่ หลังจากได้ยินคำพูดของกู้จือหยั่น เธอกลับยิ่งอยากรู้
เฉินถิงเซียวเป็นคนรอบคอบมาก เขาต้องรู้ที่มาของฉีเฉิงแน่นอน
แต่ว่า เขารู้ที่มาของฉีเฉิงขนาดนี้ ก็ยังให้ฉีเฉิงอยู่ข้างเฉินจิ่งหยุ้น และตอนนั้นเฉินมู่ก็ถูกวางไว้ใกล้ตัวเฉินจิ่งหยุ้น เพื่อให้เธอดูแลด้วย
และตอนนี้ ฉีเฉิงอยู่ในวิลล่าของเฉินถิงเซียว
การที่เฉินถิงเซียวทำขนาดนี้ มีเพียงสองความเป็นไปได้
อย่างแรก บางทีเฉินถิงเซียวอาจเชื่อใจฉีเฉิงคนนี้มาก อาจเชื่อในความสามารถของเขา อาจเชื่อในตัวเขา
อย่างที่สอง อาจเพราะฉีเฉิงมีประโยชน์ต่อเฉินถิงเซียวมาก ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ให้ฉีเฉิงอยู่ในวิลล่าต่อไป
แต่ถ้า เฉินถิงเซียวให้ฉีเฉิงอยู่เพราะจุดประสงค์อย่างที่สอง เช่นนั้นจุดประสงค์ของเฉินถิงเซียวคืออะไร
หรือว่า……เฉินถิงเซียวอยากทำข้อตกลงกับองค์กรX
ถ้าไม่ใช่ทำข้อตกลง แล้วเพื่ออะไร
หรือว่าเขามีความสนใจในองค์กรX
แต่เฉินถิงเซียวเป็นนักธุรกิจ นักธุรกิจที่มีทรัพย์สมบัติมหาศาลอยู่ในมือ ทำไมต้องสนใจองค์กรอาชญากรรม
ไม่ถูก ก่อนหน้านี้เฉินถิงเซียวมอบเฉินซื่อให้เธอ……
มู่น่อนน่อนคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจก็ยุ่งเหยิงทันที
เฉินถิงเซียวเก็บฉีเฉิงไว้เพราะอะไรกันแน่
จู่ๆ เธอก็ถูกเฉินถิงเซียวไล่ออกมา เขาลืมเหรอว่าเขาให้เฉินซื่อกับเธอแล้ว
หรือจะบอกว่า ที่ฉินถิงเซียวไล่เธอออกมา อาจจะมีเหตุผลอื่น!
ตลอดเวลาที่ผ่านมา มู่น่อนน่อนมั่นใจเกินไปเกี่ยวกับความรู้สึกของเฉินถิงเซียวที่มีต่อเธอ ดังนั้นเมื่อเฉินถิงเซียวออกมาไล่เธอ เธอจึงคิดว่าเฉินถิงเซียวอาจจะเบื่อหน่ายจริงๆ ไม่ได้คิดเลยว่าอาจจะมีเหตุผลอื่น
คิดถึงตรงนี้ เธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ฉับพลัน
ไม่ได้ เธอต้องถามเฉินถิงเซียวให้ชัดเจน
เธอลุกขึ้นพรวด และพูดกับเสิ่นเหลียงว่า “เสี่ยวเหลียง ฉันมีเรื่องด่วน เธอกับกู้จือหยั่นทานกันไปก่อนเลย ฉันขอตัวก่อน”
ไม่ง่ายที่เสิ่นเหลียงจะมีเวลาว่างมาทานอาหารกับมู่น่อนน่อน ไหนเลยจะให้มู่น่อนน่อนไปง่ายๆ
เธอรั้งมือของมู่น่อนน่อนไว้ ออกแรงที่มือ ดึงมือมู่น่อนน่อนกลับลงไปนั่งดังเดิม
“เสี่ยวเหลียง?” มู่น่อนน่อนหันไปมองเสิ่นเหลียงด้วยความประหลาดใจ
เสิ่นเหลียงถามเธอ “เรื่องด่วนอะไร พูดมาจะฟัง บางทีฉันอาจช่วยได้”
“เรื่องเกี่ยวกับเฉินถิงเซียว” มู่น่อนน่อนพูดอย่างอึดอัดเล็กน้อย
“พอดีเลย ฉันก็กำลังอยากรู้สถานการณ์ของเธอกับเฉินถิงเซียว” เสิ่นเหลียงหรี่ตามองเธอ เพียงแต่รอยยิ้ม ยิ้มแต่เพียงภายนอกเท่านั้นใจไม่ได้ยิ้มด้วย
มู่น่อนน่อนก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาหนึ่งประโยค “เราแยกทางกันแล้ว”