“แยกทาง?” เสิ่นเหลียงย้ำอีกรอบแล้วถามว่า “อะไรคือแยกทาง หมายถึงเลิกกันน่ะเหรอ”
บนใบหน้ามู่น่อนน่อนมีการแสดงออกที่ค่อนข้างเรียบเฉย เธอพยักหน้ารับ “อืม”
เสิ่นเหลียงหยิบน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะพูดว่า “ใครเป็นคนพูด”
“ฉันเป็นคนพูด เขาเห็นด้วย และไล่ฉันออกจากวิลล่า”
มู่น่อนน่อนพูดจบ ก็มองดูสีหน้าเสิ่นเหลียง
เป็นไปอย่างที่คาด บนใบหน้าของเสิ่นเหลียงมีอาการตกใจและเหลือเชื่อ
เสิ่นเหลียงไม่อยากเชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะทำอย่างนี้
“ล้อเล่นใช่ไหม เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ” เสิ่นเหลียงมองเธออย่างไม่สบอารมณ์
กู้จือหยั่นที่อยู่อีกฝั่งจู่ๆ ก็พูดเสียงอ่อย “ผมเป็นพยานได้ เป็นความจริง”
“คุณรู้ได้ยังไง” เสิ่นเหลียงหันมองไปยังกู้จือหยั่น ยิ่งขมวดคิ้วหนัก
กู้จือหยั่นคีบกับข้าวให้เสิ่นเหลียง แล้วมองไปที่มู่น่อนน่อน เห็นว่ามู่น่อนน่อนไม่มีทีท่าว่าจะห้ามเขา จึงได้เริ่มพูดว่า “ครั้งนั้นอยู่ที่จีนติ่ง น่อนน่อนเมา ผมโทรเรียกให้ถิงเซียวเข้ามา แต่เขาไม่ดูแลน่อนน่อนเลย และเป็นผมที่ให้คนพาน่อนน่อนไปพักผ่อนที่ห้อง”
แม้เขาจะให้คนพามู่น่อนน่อนไปพัก ก็เป็นเพราะรับสายจากถิงเซียว เพียงแต่ ต่อให้เฉินถิงเซียวไม่ได้โทรหาเขา เขาก็จะทำแบบนี้อยู่ดี
แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ ไม่อยากเชื่อว่าเฉินถิงเซียวจะปล่อยมู่น่อนน่อนขณะที่กำลังเมาโดยไม่ดูแลได้
จุดนี้ไม่เหมือนนิสัยของเฉินถิงเซียว
กลับกันถ้าเป็นเขา หากเสิ่นเหลียงเมาจนขาดสติสตัง เขาก็จะไม่ยืมมือของคนอื่นแน่
ไม่เพียงเป็นมู่น่อนน่อน ตอนนี้เขาเองก็มีข้อสงสัยอยู่จุดหนึ่ง เฉินถิงเซียวอาจไม่สนใจมู่น่อนน่อนจริงๆ……
เพียงแต่ สิ่งนี้เขาจะไม่พูดมันออกมา
เมื่อเสิ่นเหลียงได้ยินคำพูดของกู้จือหยั่น ก็เบนจุดโฟกัสทันที
เธอจ้องมองมู่น่อนน่อน พูดด้วยหน้าตาที่ไม่พอใจ “เธอวิ่งโร่มาดื่มเหล้าถึงจีนติ่งโดยไม่ชวนฉันเหรอ”
มู่น่อนน่อน “……….”
“คุณอยากดื่มอะไรก็ดื่ม ผมจะให้คนเอามาเสิร์ฟ” กู้จือหยั่นเริ่มยิ้มหวานให้เสิ่นเหลียงอย่างประจบ
เสิ่นเหลียงถลึงตาใส่เขา “ใครอยากดื่มกับคุณ!”
มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฉันมีบางเรื่องที่ต้องไปให้เฉินถิงเซียวยืนยัน พวกคุณทานไปเลย ฉันอาจจะไม่กลับมาที่นี่อีก”
ใจเธอคิดเรื่องของเฉินถิงเซียว ต่อให้นั่งทานอาหารอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความสุข ไม่สู้ไปคุยกับเฉินถิงเซียวตอนนี้ให้รู้เรื่องเสียเลย
เสิ่นเหลียงก็ไม่ได้รั้งเธออีก “มีเรื่องอะไรโทรมานะ”
“ได้” มู่น่อนน่อนหยิบกระเป๋าแล้วออกไป
ในห้องวีไอพีส่วนตัวเหลือเพียงเสิ่นเหลียงกับกู้จือหยั่น กู้จือหยั่นแอบคิด ว่าในที่สุดโอกาสที่เขาจะได้อยู่กับเสิ่นเหลียงตามลำพังก็มาถึง
แต่เสิ่นเหลียงไม่ให้โอกาสนี้กับเขา
เสิ่นเหลียงโทรหาผู้ช่วยของตัวเอง “เข้ามาทานอาหารกัน”
กู้จือหยั่นรู้เลยว่า ตามลำพังอะไรมันก็ได้แต่คิดเท่านั้น
……
เมื่อมู่น่อนน่อนออกจากห้องวีไอพีส่วนตัว ก็กำลังจะเดินไปที่ลิฟต์
เดินไปไม่ถึงสองก้าว เธอก็หยุดกะทันหัน จากนั้นจึงหันเดินไปทางห้องน้ำ
เธอแต่งหน้าในห้องน้ำ ตอนที่กำลังใส่ลิปสติกลงในกระเป๋า การสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคนที่มาจากด้านนอกดึงดูดความสนใจของเธอ
“ผู้ชายที่ตอนหลังเพิ่งเข้ามาในห้องวีไอพีส่วนตัวเป็นใครน่ะ หล่อมาก! แค่เสื้อผ้าทั้งตัว เห็นแวบแรกก็รู้ว่าแพงมาก”
“คุณไม่รู้จักเขาเหรอ เขาคือเฉินถิงเซียวผู้โด่งดัง!”
“เฉินถิงเซียว? ประธานของเฉินซื่อนั่นน่ะเหรอ ได้รับช่วงเฉินซื่อมาสามปี เป็นประธานหนุ่มอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จโด่งดังในแวดวงธุรกิจใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ทั้งหนุ่มทั้งหล่อ!”
“แล้วเขามีแฟนหรือยัง”
“ได้ยินว่ามี เหมือนจะแซ่ซู แต่เขาเคยแต่งงานมาก่อน แล้วต่อมาก็หย่า เรื่องของเขามันซับซ้อนนิดหน่อย ฉันก็พูดได้ไม่ชัดนัก……”
“หย่าร้างสำคัญอะไร ต่อให้เขามีภรรยา สามารถได้เป็นชู้ของเขาก็พอแล้ว”
“คุณไม่รู้หรอกว่ามีผู้หญิงกี่คนอยากปีนขึ้นเตียงเขา อยากเป็นชู้ของเขา! ถ้าฉันบอกว่า ต่อให้ไม่ได้ผลตอบแทน ฉันก็อยากนอนกับเขา……”
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้!”
“แล้วยังไง คุณไม่อยากเหรอ”
“โธ่เอ๊ย คุณพูดอะไรเนี่ย……”
ผู้หญิงสองคนนั้นพูดพร้อมกับเดินเข้าห้องสุขาในห้องน้ำ
ส่วนมู่น่อนน่อนยืนอยู่หน้ากระจก ใบหน้าราวกับน้ำค้างแข็ง
เธอกำมือแน่น จากนั้นค่อยๆ คลาย หยิบกระเป๋าแล้วก้าวกว้างเดินออกไป
หลังจากออกมา เธอเอาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาเฉินถิงเซียว
แต่ทว่า ทันทีที่นึกถึงทัศนคติของเฉินถิงเซียว เธอก็ลดโทรศัพท์มือถือในมือลง
ถ้าเธอโทรหาเฉินถิงเซียวเขาจะรับหรือเปล่า
บางที เขาไม่เพียงจะไม่รับ ยังระแวงว่าเธอจะไปหาเขาด้วย
ทันทีที่คิดแบบนี้ ไม่สู้เธอตรงไปหาเฉินถิงเซียวเลยดีกว่า เขาไม่มีทางไม่พบเธอ
มู่น่อนน่อนตัดสินใจเด็ดขาด เก็บโทรศัพท์มือถือไป
คิดถึงบทสนทนาระหว่างผู้หญิงสองคนในห้องน้ำเมื่อครู่ เธอก็สีหน้าเย็นชาลงอีกหลายส่วน
แต่ว่า เธอมีเพียงตามผู้หญิงสองคนนั้นไป ถึงจะรู้ว่าเฉินถิงเซียวอยู่ห้องไหน
มู่น่อนน่อนยืนรอด้านนอกสักพัก ก่อนจะเห็นผู้หญิงสองคนนั้นออกมา
หญิงสาวทั้งสองไม่ได้พูดถึงเฉินถิงเซียวอีก เริ่มพูดคุยเรื่องกระเป๋าและเสื้อผ้า
มู่น่อนน่อนเอาโทรศัพท์มือถือออกมา แกล้งทำเป็นเปิดมือถือเล่นโซเชียล ตามหลังพวกเธอไปโดยไม่สะดุดตา
พวกเธอน่าจะอยู่ห้องเดียวกับเฉินถิงเซียว ตราบใดที่ตามพวกเธอไปก็พอ
มู่น่อนน่อนตามพวกเธอไปสักพัก ในที่สุดพวกเธอก็หยุดตรงหน้าประตูห้องวีไอพีส่วนตัวห้องหนึ่ง พูดอีกสองประโยค แล้วจัดแจงเสื้อผ้า ก่อนจะยิ้มแล้วผลักประตูเข้าห้องนั้นไป
แสงไฟในห้องวีไอพีส่วนตัวสว่างไสว แต่ในช่องว่างระหว่างที่พวกเธอเปิดปิดประตู มู่น่อนน่อนยังได้เหลือบไปเห็นเฉินถิงเซียว
เธอเห็นรางๆ ว่าข้างเฉินถิงเซียวมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ เพียงแต่ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ในเงามืด มู่น่อนน่อนจึงเห็นไม่ชัดว่าเป็นใคร
เมื่อครู่ดูคร่าวๆ เธอพบว่าข้างในมีคนเยอะมาก
เธอกำลังลังเล ว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไปดี
ถ้าไม่เข้าไป หรือว่าเธอต้องอยู่ที่นี่รอเฉินถิงเซียวออกมา
ถ้าเข้าไป……
มู่น่อนน่อนสะบัดศีรษะ ไม่คิดมากอีก เข้าไปก่อนค่อยว่ากัน
หลังจากตัดสินใจแล้ว มู่น่อนน่อนก็สูดหายใจเข้าลึก เดินไปที่ประตู เปิดประตูห้องวีไอพีส่วนตัวออก
ตอนที่เธอยืนอยู่หน้าประตู ถึงได้พบว่าข้างในมีคนมากกว่าที่เธอเห็น
มีสาวคอยเทเครื่องดื่มที่โต๊ะไวน์ คนเหล่านั้นต่างทำเจ้าชู้จีบกัน ดื่มแอลกอฮอล์ พูดคุย ต่างคนต่างทำกันไป ไม่มีใครสังเกตเห็นเธอเลย
ไวน์แดงเรียงรายอยู่ภายใน ข้าวของเครื่องใช้ ทั่วทุกมุมมีแต่ความหรูหราไฮโซ
ไม่แปลกใจเลยที่มีคนบอกว่า จีนติ่งเป็นแหล่งซ่องสุมชั้นดีของอบายมุขอันฟุ้งเฟ้อ
เวลาเธอมาจีนติ่ง ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้มาทานอาหารกับพวกเฉินถิงเซียว แค่นัดกับเสิ่นเหลียงที่นี่
เฉินถิงเซียวไม่ชอบเข้าร่วมงานเลี้ยง และไม่ชอบสังสรรค์กับพวกคุณชายตระกูลไฮโซ
แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนก็ไม่เคยเห็นพวกคุณชายตระกูลไฮโซพวกนี้เวลาสนุกสุดเหวี่ยงจริงๆ แล้วมีสภาพอย่างไร