ตอนที่ 56 สำนักเต๋าเพลิงตะวัน
ในตอนเช้าตรู่หลิวชีเยว่ออกจากจิงหูเมิ่งและวิ่งเลียบแม่น้ำไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเธอก็จะพุ่งข้ามผิวน้ำไปหลายสิบจั้ง บางครั้งเธอก็เหยียบกิ่งไม้และพุ่งต่อไปอย่างสง่างาม สำหรับหลิวชีเยว่แล้ว เส้นทางจากบ้านไปยังสำนักเต๋าเหมาะแก่การฝึกการเคลื่อนไหว นักธนูนั้นต้องเคลื่อนที่ให้ได้ปราดเปรียว
เพราะเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาสามารถถอยออกห่างจากศัตรูได้อย่างรวดเร็ว! หลิวชีเยว่รู้สึกกดดันที่มีอัจฉริยะอย่างเมิ่งชวนอยู่กับเธอ
ในมุมมองของเธอนั้น อาชวนหักโหมเกินไป! เขาฝึกท่าชักกระบี่เป็น 8000 ครั้งทุกๆวัน จากนั้นจะฝึกฝนเป็นเวลาครึ่งชั่วยามภายใต้ฝนธนูไฟ นอกจากนี้เขายังมีเพลงกระบี่เงาจันทรและท่าฝึกอื่นๆ แม้ว่าเข้าถึง”พลัง”แล้ว แต่ก็ยังคงขยันขันแข็ง
สิ่งนี้ทำให้หลิวชีเยว่รู้สึกผิดที่จะพักผ่อน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงตั้งใจฝึกมาก แม้ว่าความเร็วในการฝึกจะยังด้อยกว่าเมิ่งชวนและเหยียนจินที่ฝึกอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก นี่เป็นสาเหตุที่เธอเข้าถึงวิชาลับได้เมื่อปีก่อน
และเพราะเธอฝึกฝนการเคลื่อนไหวระหว่างเดินทางอยู่ตลอด ความเร็วในการเดินทางของเธอจึงมากกว่าที่เมิ่งชวนคาดคิด
เมื่อเสียงระฆังจากวังหยกสุริยันดังก้องไปทั่วทั้งเมือง หลิวชีเยว่ก็อยู่ห่างไปจากสำนักเต๋าเพลิงตะวันเพียงแค่ครึ่งลี้
การรุกรานของอสูรรึ? เมื่อหลิวชีเยว่ได้ยินเสียงระฆัง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุดและพุ่งไปที่สำนักเต๋าเพลิงตะวัน พ่อค้าแผงลอยและเหล่าผู้คนบนท้องถนนต่างเร่งรีบวิ่งหนีกัน
ซุบ
หลิวชีเยว่อยู่ในช่วงปลายของระดับก่อกำเนิดและเธอยังเข้าถึงวิชาลับ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเธอนั้นจึงเร็วมาก
เมื่อเธออยู่ห่างจากสำนักเต๋าเพลิงตะวันได้ร้อยจั้ง เธอก็เห็นกองทัพอสูรปรากฏตัวขึ้นมาด้านหลัง พวกอสูรปรากฏตัวออกมาทุกที่ บนท้องถนน หลังคา และบนท้องฟ้า พวกมันทั้งหมดต่างมุ่งหน้าไปที่สำนักเต๋าเพลิงตะวัน ภาพนี้ทำให้หลิวชีเยว่ใจสั่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นอสูรมากมายเช่นนี้
“เร็วเข้าๆๆ”
“รีบเข้าไปในสำนักเต๋าเร็ว” ที่ทางเข้าของสำนักเต๋ามีกลุ่มคนเช่นเจ้าสำนัก อาจารย์ และทหารจำนวนมากอยู่ สำนักเต๋ามีแปดแห่งและแต่ละสำนักก็อยู่ติดกับค่ายทหาร ดังนั้นทหารจึงสามารถเข้ามาเสริมการป้องกันได้ทันที
ซุบๆๆๆ!
ใบหน้าของเหล่าศิษย์สำนักเต๋าหลายคนแดงขึ้นขณะที่พวกเขารีบมุ่งไปที่สำนักเต๋า
ศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักเต๋าเพลิงตะวันอาศัยอยู่ในสำนัก เนื่องจากปราการในแถบชนบทมักจะส่งคนมาจำนวนมาก พวกเขาจึงอยู่ในสำนักเต๋าเนื่องจากไม่มีที่อาศัยอื่น มีคนแถบนี้จำนวนไม่น้อยเช่นกันที่อาศัยอยู่ในสำนักเต๋า เพราะที่อยู่ปกติไม่มีที่สำหรับฝึกวิชา มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่มาที่สำนักเต๋าทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ที่ว่าน้อยนี้ก็เกือบๆพันคนแล้ว
เจ้าสำนักและคนอื่นๆต่างรู้สึกกังวล ตอนนี้ ทั้งพันคนน่าจะกำลังมา บางคนก็มาถึงแล้วแต่บางคนยังอยู่ระหว่างทาง
“หลิวชีเยว่ รีบเข้าไปเถอะ” เมื่อเจ้าสำนักเห็นหลิวชีเยว่มาถึง เขาก็รีบโบกมือ
“ค่ะ” หลิวชีเยว่รีบเข้าไปในสำนัก เธอหันกลับไปและเห็นผู้ใหญ่หลายคนสวมชุดเกราะและถืออาวุธ พวกเขารีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในระดับชำระแก่นแท้ บางคนอยู่ในระดับก่อกำเนิดและมีไม่กี่คนที่อยู่ในระดับไร้ตำหนิ แต่ละคนนั้นต่างแบกคนไว้อยู่หนึ่งคน และมีอีกจอมยุทธอีกคนที่ดูแข็งแรงกำลังแบกคนไว้บนบ่าข้างละสองคน
“หาขวานมาให้ข้าหน่อย ข้ายอมทิ้งขวานเพื่อที่จะได้แบกเจ้าพวกนี้มาเร็วๆได้” ชายร่างกำยำวิ่งด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อและทิ้งหนุ่มสาวสี่คนที่เขาแบกมาลงพื้นอย่างรวดเร็ว
“พี่หวังไม่ต้องกังวล ที่สำนักเต๋ามีอาวุธเหลืออยู่มากมาย” เจ้าสำนักกล่าวทันที
“ข้าจะออกไปช่วยมาเพิ่มอีก” ชายร่างกำยำหันกลับหลังและวิ่งออกไป
เจ้าสำนักเต๋าเพลิงตะวันและทหารจำนวนหนึ่งถือคันธนูและลูกศร เมื่ออสูรเข้าใกล้มาได้ 200จั้ง เจ้าสำนักที่เข้าถึง “พลัง” แล้ว ก็เป็นคนแรกที่ยิงธนูออกไป
ฟิ้ววว
ลูกธนูพุ่งทะลวงอากาศ ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาในขณะที่มันแทงเข้าที่หัวของปีศาจช้างขนาดยักษ์ ทำให้มันทรุดลงในทันที
“กองทัพอสูรมาแล้ว” หลิวชีเยว่ยังดึงคันธนูและลูกศรจากด้านหลังของเธอ เธออยากจะช่วยเช่นกัน แต่ด้วยความเร็วของเหล่าอสูร เธอมั่นใจว่าจะยิงโดนได้ในระยะ100จั้งเท่านั้น
“เร็วเข้าๆ! ทุกคนเข้าไปในสำนักเต๋าเร็ว!” สีหน้าของเจ้าสำนักเปลี่ยนไป “แม่ทัพอสูรอยู่ที่นี่ เร็วเข้า!”
“เร็ว!” ทหารทุกคนรวมถึงจอมยุทธระดับไร้ตำหนิสองสามคนที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตผู้คนก็เปลี่ยนสีหน้าไป และทุกคนก็รีบวิ่งเข้าไปที่สำนักเต๋า
หลังจากได้เข้าเป็นทหารในด่านฉินหยาง พวกเขารู้ดีว่าแม่ทัพอสูรนั้นน่ากลัวเพียงใด! การสู้กับแม่ทัพอสูรนั้นหมายถึงความตายชัดๆ
…
เมิ่งชวนเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่
ฟิ้วๆๆ!
พวกมันสมควรตาย เพียงแวบเดียวเมิ่งชวนก็สามารถมองเห็นซากศพมนุษย์จำนวนมากได้ในระยะไกล เมื่อกองทัพอสูรผ่านเข้ามาที่โลกนี้และมาที่เมืองตงหนิง พวกมันก็กระจายออกไปทุกทิศทางอย่างรวดเร็ว ตอนที่วังหยกสุริยันส่งเสียงระฆัง มนุษย์จำนวนไม่น้อยก็เสียชีวิตไปแล้ว นี่เป็นจุดจบของคนที่อยู่ใกล้กับกองทัพอสูรมากเกินไป และไม่มีเวลาที่จะหลบซ่อนในถ้ำด้วยซ้ำ
คนธรรมดาจำนวนมากที่ไม่ได้ฝึกวิชาด้วยซ้ำ ต่างถูกเหล่าอสูรฆ่าทิ้งอย่างไร้ปราณี
มีซากศพอยู่ทั่วทุกที่
หลังจากผ่านบริเวณนั้นไป เมิ่งชวนก็ดูหม่นหมองลง
‘พวกอสูรสมควรถูกฆ่า พวกมันสมควรตาย!’ เมิ่งชวนรีบพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองรอบตัวเขา ทันใดนั้นเขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่มุมถนน
เป็นคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่พยายามใช้ร่างของพวกเขาปกป้องลูกเอาไว้ แต่ทั้งคู่และเด็กกลับถูกเสียบ
ไอ้สารเลว! เมิ่งชวนตาแดงก่ำไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เขานึกถึงพ่อแม่ของเขาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แม่ของเขาพุ่งเข้าใส่อสูรเพื่อยื้อมันไว้ พ่อของเขาอุ้มเขาหนีมาด้วยน้ำตาที่ไหลนองอยู่บนหน้า และไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปมอง มันทำให้เขามีชีวิตรอดอยู่ได้
แต่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้าไม่สามารถปกป้องลูกของพวกเขาได้ด้วยซ้ำแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
‘ข้าสาบานเลยว่าข้าจะฆ่าพวกอสูรให้หมด ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!’ เมิ่งชวนวิ่งต่อไปด้วยดวงตาแดงก่ำ
“มีมนุษย์อยู่ที่นั่น” มีอสูรสิบตัวที่แยกฝูงกันอยู่กำลังจะทำร้ายมนุษย์อยู่ไกลๆ พ่อและลูกคู่หนึ่งกำลังหนีจากบ้านที่อยู่ในขณะที่อสูรไล่ตามพวกเขาไป
ฟิ้ว
ในชั่วพริบตาเมิ่งชวนก็พุ่งไปหลายสิบจั้ง และเพียงตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียว อสูรทั้งสามตัวก็แยกออกเป็นสองส่วน
พ่อลูกที่กำลังหลบหนีหันกลับมามองอย่างไม่น่าเชื่อ
“พี่เมิ่ง” เด็กหนุ่มมีความสุขมาก
เมิ่งชวนหันหน้าไปมองและจำได้ว่าเป็นศิษย์น้องจากสำนักเต๋าจิงหู่ เขาพยักหน้าเล็กน้อยและในพริบตาเดียว เขาก็พุ่งไปอีกหลายสิบจั้ง เขาพุ่งผ่านอสูรอีกเจ็ดตัวที่เหลือ กระบี่ของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์ในขณะที่ผ่ามันออกเป็นสองส่วน ลำแสงกระบี่สองอันฟันใส่อสูรที่กำลังหนีอยู่ อสูรทั้งเจ็ดตายในทันที
เมิ่งชวนไม่แม้แต่จะหันไปมองและยังคงเดินต่อไป
“พ่อ นี่คือศิษย์พี่เมิ่ง พี่เมิ่งมาช่วยพวกเรา” เด็กหนุ่มกล่าว
“ใช่ ข้ารู้ว่าเป็นนายน้อยเมิ่ง” ชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความตื่นใจหลังจากที่รอดจากอันตราย เขาพูดต่อ “รีบๆหนีไปซ่อนแล้วตั้งกับดักอีกเถอะ”
“ขอรับ” เด็กหนุ่มพยักหน้า
สองพ่อลูกหายตัวไปอย่างรวดเร็วในแถบบ้านคน
…
เมิ่งชวนยังคงมุ่งหน้าต่อไป
ระหว่างทาง เขาเห็นร่างของเหล่าชายหญิงที่สวมเสื้อคลุมของสำนักเต๋าเพลิงตะวัน พวกเขาเสียชีวิตกันหมดแล้ว เห็นได้ชัดว่า พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักเต๋าเพลิงตะวันแต่กลับพบกับอสูรซะก่อน!
เมิ่งชวนเงียบลง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ตามหาหลิวชีเยว่เช่นกัน หรือว่าชีเยว่จะเจออันตรายแล้วหนีไปที่ไหนซักที่อย่างนั้นรึ? ข้าคลาดกับเธอเหรอ?
เขารู้สึกไม่สบายใจ
นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าชีเยว่ได้ถึงสำนักเต๋าเพลิงตะวันแล้ว เมิ่งชวนภาวนา แต่จิตสังหารในใจของเขารุนแรงยิ่งขึ้น ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากสำนักเต๋าเพลิงตะวันเพียงแค่ครึ่งลี้
ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นควันสัญญาณจากแท่นไฟลอยขึ้นมา มันอยู่ทางสำนักเต๋าเพลิงตะวัน
เป็นควันจากแท่นสัญญาณไฟ สำนักเต๋าเพลิงตะวันจุดไฟสัญญาณอย่างนั้นเหรอ? เมิ่งชวนอึดอัดใจ พวกเขารับมือไม่ไหวแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เมืองตงหนิงทั้งเมืองถูกบุก เว้นแต่จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังจริงๆ สำนักเต๋าจะไม่จุดสัญญาณไฟ
ร่างเมิ่งชวนวูบหายขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ เขามองไปทางสำนักเต๋าเพลิงตะวัน เขาก็เห็นฝูงอสูรจำนวนมากกำลังล้อมไว้อยู่
เพียงแค่เหลือบมอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มีอสูรประมาณ 2,000 ตัว มันต้องมีแม่ทัพอสูรสองตัวเป็นแน่!
เร็วเข้า เมิ่งชวนรู้สึกกระวนกระวาย เพียงพริบตาเดียว เขาก็มุ่งหน้าไปที่สำนักเต๋าเพลิงตะวัน