ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art – ตอนที่ 65

ตอนที่ 65

ตอนที่ 65 เหยียนจิน

“ท่านพ่อ ท่านซ่อนความจริงที่ว่าท่านเป็นเทพอสูรจากย่าทวดหรือไม่” เมิ่งชวนถาม

ย่าทวดของเขาอยากจะให้มีเทพอสูรในตระกูล

“ชวนเอ๋อร์ ข้าเป็นเทพอสูรด้วยเหตุผลบางอย่าง” สุดท้ายแล้วเมิ่งต้าเจียงก็เผยความลับให้ลูกของเขาฟังบางส่วน “อย่างแรก สิ่งนี้ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ข้าไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลได้อย่างเปิดเผย สอง ข้านั้นอ่อนแอเกินไปในฐานะเทพอสูร อันที่จริงแล้ว กายาเทพอสูรทุกคนนั้นอ่อนแอหมด”

“อ่อนแอมากเลยหรือ?” เมิ่งชวนงุนงง

“เมื่อแปดร้อยปีก่อน ตอนอสูรบุกเข้ามาครั้งแรก” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “เทพอสูรและราชาอสูรต่อสู้กันในสงครามมากมาย เทพอสูรพบว่าในบรรดาอสูร พวกมันบางตัวมีความสามารถสูงและมีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึง ดังนั้นเทพอสูรระดับสูงจึงคิดหาวิธีที่จะนำความแข็งแกร่งนั้นมาใส่ตัวพวกเขา จึงก่อให้เกิดสายวิชากายาเทพอสูรขึ้น”

“เนื่องจากไม่เคยมีมาก่อนและไม่มีประสบการณ์ ระดับที่สูงที่สุดของกายาเทพอสูรที่มีคนเคยไปถึงจึงเป็นแค่ระดับมหาสุริยัน” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “การจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ เจ้าต้องมีสมบัติมากมายเพื่อบำรุงร่างกาย มันฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินไป”

“มันสิ้นเปลืองเกินไปและดูไม่มีอนาคต และเคล็ดการฝึกวิชาที่ไม่สมบูรณ์ ทำให้การฝึกวิชานั้นยากลำบากมาก” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “นี่คือเส้นทางที่ล้มเหลว บางทีเส้นทางนี้อาจจะสมบูรณ์ในอีกหลายพันปีนับจากนี้ แต่ตอนนี้มันยังไม่สมบูรณ์”

เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ผู้ที่สามารถเข้าสู่เขาหยวนชูล้วนเป็นอัจฉริยะ เป้าหมายแรกของพวกเขาคือการไปให้ถึงขอบเขตมหาสุริยัน” เมิ่งต้าเจียงกล่าว “แต่เป้าหมายแรกของพวกเขานั้นก็เป็นจุดขีดสุดที่จะเป็นไปได้ของกายาเทพอสูรแล้ว แค่นี้ก็ดูออกแล้วว่าพวกข้านั้นอ่อนแอขนาดไหน อย่างราชาทะเลตงไห่ที่เป็นเทพอสูรชื่อดัง เขาสามารถสังหารเทพอสูรระดับมหาสุริยันได้ด้วยการกวาดสายตาเพียงแวบเดียว การเป็นเหมือนราชาทะเลตงไห่นั้นต่างก็เป็นเป้าหมายของเทพอสูรทุกๆคนในเขาหยวนชู เจ้าเองก็ควรจะมุ่งไว้ด้วยเหมือนกัน”

“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า

ราชาทะเลตงไห่…เขาคอยปกป้องด่านอันไห่มาโดยตลอด! ก่อนหน้านี้ย่าทวดก็เคยเป็นลูกน้องของเขาเช่นกัน แม้แต่ย่าทวดของเขาก็ยังบอกว่าความแข็งแกร่งของราชาทะเลตงไห่นั้นไม่ด้อยไปกว่าเทพอสูรที่มีชื่อเสียงในสมัยเติ้งเฟิงเลย แล้วตอนนี้พ่อของเขายังบอกว่าเขาสามารถสังหารเทพอสูรระดับมหาสุริยันได้เพียงกวาดสายตา?

“ท่านพ่อ เทพอสูรที่วังหยกสุริยันจะชนะหรือไม่ขอรับ” เมิ่งชวนถาม

“ข้าไม่รู้” เมิ่งต้าเจียงส่ายหน้า “ถ้าวังหยกสุริยันชนะ เมืองตงหนิงก็จะชนะ หากพวกเขาแพ้ เมืองตงหนิงก็จะเหลือเพียงซาก ลุงหลิวของเจ้าและข้า… ไม่สามารถหยุดมันได้แม้แต่น้อย”

“หวังว่าพวกเขาจะชนะ” เมิ่งชวนเชื่อว่าพวกเขาจะชนะ

เมิ่งต้าเจียงมองลูกชาย มีบางอย่างที่เขาไม่ได้พูดออกไป เพราะมันส่งราชาอสูรบึงพิษออกมา ได้นั่นแสดงว่าเหล่าอสูรนั้นได้เปรียบอยู่อย่างแน่นอน

และมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ที่วังหยกสุริยัน

วานรขนดำยกกระบองของมันขึ้นและพุ่งโจมตีเข้าใส่เมิ่งเซียนกู

หลังเมิ่งเซียนกูคือหวินว่านไห่ที่กำลังอ่อนกำลัง ที่ตอนนี้กระดูกหักและร้าว เขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป

“บัดซบ!” เมิ่งเซียนกูตะโกน ทันใดนั้นฝ่ามือลวงตาก็พุ่งเข้าใส่ลิงขนสีดำ แต่พวกมันก็แตกกระจายเมื่อโดนกระบองสีดำนั่น

แกร๊ง

ไม้เท้าของเมิ่งเซียนกูปะทะเข้ากับกระบอง พลังที่ทำลายฝ่ามือลวงตาของเธอนั้นลดลงอย่างมาก เมื่อมันโดนไม้เท้าของเมิ่งเซียนกูกระแทกใส่อีกรอบ วานรขนดำก็ต้องถอยออกไป

แค่ก ใบหน้าของเมิ่งเซียนกูเริ่มแดงขณะที่เลือดไหลลงมาที่มุมปาก

ตูมๆๆๆๆๆ! เจ้าวังหยกสุริยันต่อยออกไปรัวๆ ทุกๆหมัดนั้นระรัวจนมองไม่ทัน และในที่สุด เขาก็สามารถดันราชาอสูรทรราชคำรนและไป่เฉินให้ถอยกลับไปได้ จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปหาเมิ่งเซียนกูในทันที

“เมิ่งเซียนกูเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง์” เจ้าวังหยกสุริยันค่อนข้างกังวล “วานรตัวนั้นมันเร็วเกินไป ข้าไม่สามารถหยุดมันได้”

ในบรรดาราชาอสูร ทรราชคำรนมีพละกำลังมากที่สุด ในขณะที่วานรมีความว่องไวและความเร็วสูงสุด วานรนั่นเร็วพอๆกับเมิ่งชวนเลยทีเดียว ผลของการต่อสู้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆประการ ราชาอสูรระดับสามไป่เฉินนั้นแข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน มันเป็นตัวเดียวที่สามารถต่อสู้ได้สูสีกับเจ้าวังหยกสุริยัน

“ข้าทนการโจมตีได้อีกประมาณสามครั้ง” เมิ่งเซียนกูกล่าว “แต่หลังจากนั้นข้าก็ไม่ไหวแล้ว”

“ถ้าเจ้าหมดแรง ข้าก็คงจะหยุดมันไม่ได้เช่นกัน” เจ้าวังหยกสุริยันพูดอย่างขมขื่น

เพราะเขตแดนของเมิ่งเซียนกูที่ช่วยอยู่ มันทำให้เขาเหมือนเสือมีปีกอีกทั้งความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เขตแดนนั้นยังช่วยสะกัดกั้นช่วยให้การโจมตีของศัตรูเบาลงอีกหน่อย นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงยังสามารถทนการโจมตีของศัตรูได้อยู่

ถ้าไม่ใช่เพราะเมิ่งเซียนกู เขาก็คงจะต้องหนีเอาตัวรอดแล้ว อาจจะหนีไม่ได้ด้วยซ้ำไป!

“ราชาอสูรวานร จงทำตามนี้! เราจะชนะเมื่อเมิ่งเซียนกูถูกสังหาร” ไปเฉินสั่ง “ไป!”

“ฮ่าฮ่า ตายซะ” ทรราชคำรนฮึกเหิม

ราชาอสูรทั้งสามผนึกกำลังกันเพื่อโจมตีอีกครั้ง

เจ้าวังหยกสุริยันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องป้องกัน อันที่จริงแม้ราชาอสูรบึงพิษจะหายไป แต่มันก็อ่อนแอที่สุดในราชาอสูรทั้งสี่ เพราะหมอกพิษนั้นถูกเขตแดนระงับไว้โดยสิ้นเชิง ส่วนการต่อสู้ระยะใกล้น่ะหรือ? ความสามารถในการต่อสู้ระยะใกล้ของบึงพิษถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับราชาอสูรวานรที่รวดเร็วและราชาอสูรทรราชคำรนที่แข็งแกร่งมันยังด้อยกว่านัก

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกครั้ง ไป่เฉินและทรราชคำรนรั้งเจ้าวังหยกสุริยันไว้ขณะที่วานรเข้าไปโจมตีใส่เมิ่งเซียนกูอีกครั้ง

“อย่าแม้แต่คิดว่าจะได้ไป” เจ้าวังหยกสุริยันชกออกไปและแสงที่มีรูปเป็นหมัดก็ลอยพุ่งเข้าใส่วานร

เขาต้องคิดหาทางรั้งมันทั้งสามเอาไว้ เขาไม่สามารถปล่อยให้พวกมันโจมตีใส่เมิ่งเซียนกูได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามันยากเกินไป

โดยเฉพาะการตรึงวานรขนดำนั่นให้อยู่กับที่

วานรแวบไปมาในรูปของแสงสีดำ มันหลบการขัดขวางของเจ้าวังและในชั่วอึดใจมันก็มาอยู่หน้าเมิ่งเซียนกูแล้ว เมิ่งเซียนกูไม่มีทางอื่นนอกจากต้องป้องกัน บาดแผลของเธอนั้นแย่ลงทุกคราเมื่อต้องสู้ระยะใกล้

“เซียนกู ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเราสองคนจะต้องตายพร้อมกัน” หวินว่านไห่พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“หุบปากเน่าๆของเจ้าซะ พวกเรายังไม่ตาย” เมิ่งเซียนกูก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะต้านเอาไว้

อย่างไรก็ตามเมิ่งเซียนกูก็รู้ว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย

บึงพิษพุ่งไปที่วังหยกสุริยัน

ระหว่างทางมันเจอเหล่าอสูรและมนุษย์สู้กันอยู่ทั่ว

ด้านหน้าบึงพิษก็มีการต่อสู้ มนุษย์สามคนที่ร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม สองคนป้องกันอีกคนเป็นนักเกาฑัณฑ์คอยช่วยยิงใส่ แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม แต่เขาก็แข็งแกร่งและแม่นยำพอ ลูกดอกของเขานั้นรุนแรง ในขณะที่สหายของเขาก็คอยต่อสู้ในระยะใกล้ และมีลูกดอกยิงใส่หัวของอสูร

“ทำได้ดี”

“สังหารตัวต่อไปกันเถอะ” จอมยุทธทั้งสามอยู่ในระดับก่อกำเนิดและเป็นทหารผ่านศึกที่มีการทำงานร่วมกันที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสังหารอสูรได้มากกว่าสิบตัวแล้ว

ฟิ้วววว

หมอกสีดำลอยมาจากระยะไกลอย่างรวดเร็ว เมื่อมันผ่านบริเวณนั้น มันก็ส่งหมอกสีดำออกมาและกวาดผ่านทหารทั้งสามไป ทหารทั้งสามเบิกตากว้างเมื่อเห็นหมอก ก่อนจะกลายเป็นกองเลือดไป

บึงพิษไม่ได้คิดอะไรเลยซักนิด มันก็แค่สังหารมนุษย์นิดหน่อยก่อนไปถึงวังหยกสุริยัน

หลังจากนั้น มันก็ข้ามผ่านแม่น้ำ และเจอการต่อสู้อีกแห่ง

เด็กหนุ่มในชุดขาวถือกระบี่สองเล่มกำลังต่อสู้กับฝูงอสูร มีซากอสูรมากมายกองรอบเขา

ฟิ้ววว ความเย็นกระจายอยู่โดยรอบ ทำให้พวกอสูรนั้นช้าลง

เขาฟาดฟันกระบี่ทั้งสองเล่มและสังหารเหล่าอสูรไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าอสูรจะป้องกันอย่างไร มันก็ตายอยู่ดี

ฉับ

แม้แต่แม่ทัพอสูรสมิงก็ถูกสังหาร

‘ช่างเป็นมนุษย์ที่ทรงพลัง แม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับเด็กถือกระบี่คนนั้น แต่มันก็ยังแข็งแกร่งพอกับแม่ทัพอสูร’ บึงพิษตกใจเล็กน้อย ‘น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งแค่นั้น มันไม่มีค่ารางวัลใดๆ’

มีอัจฉริยะมากมายในหมู่มนุษย์ที่สามารถเทียบได้กับแม่ทัพอสูร แม้เขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากพวกอสูรมากนัก

ในกลุ่มตระกูลเทพอสูรสมัยโบราณอย่างในเมืองหลวงราชวงศ์โจว หากมีความสามารถเพียงพอพวกเขาจะได้รับการดูแลอย่างมาก รากฐานเทพอสูรของพวกเขาจะแข็งแกร่งและมั่นคงมาก แม้จะเป็นมนุษย์ แต่พวกเขาก็สามารถเทียบได้กับแม่ทัพอสูร อย่างไรก็ตาม อัจฉริยะเหล่านี้จะไม่ไปเป็นทหารตอนที่ยังเป็นมนุษย์ แต่พวกเขาจะเข้าสู่เขาหยวนชูและกลายเป็นเทพอสูรและมาต่อกรกับเหล่าอสูร

หากให้อัจฉริยะเหล่านี้เข้ารับราชการทหารและต่อสู้ในสมรภูมิเลือดแบบนั้นก็คงจะเป็นความไม่รับผิดชอบมากเกินไป

‘แต่สังหารอัจฉริยะซะหน่อยก็ไม่เลว’ บึงพิษพุ่งไปยังชายหนุ่มชุดขาว

“หืม?” ชายหนุ่มในชุดขาวไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหยียนจิน

วังหยกสุริยันได้ส่งทุกคนออกไปก่อนที่การต่อสู้ระหว่างเทพอสูรและราชาอสูรจะเริ่มขึ้น เพราะมนุษย์จะต้องโดนลูกหลงแน่ๆถ้ายังอยู่

เหยียนจินก็ออกมาเช่นกัน และระหว่างทางเขาก็สังหารอสูรไปมากมาย

‘ราชาอสูร?’ เหยียนจินตัวสั่นเมื่อเห็นร่างที่พร่ามัวในหมอกสีดำเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

หลังจากการต่อสู้ที่สวนหิน แม้ว่ากลุ่มตระกูลของเขาจะส่งคนคุ้มกันที่แข็งแกร่งมา แต่พวกเขาก็ยังเป็นจอมยุทธระดับควบแน่นแก่นแท้เท่านั้น

นับตั้งแต่เหยียนจินมาถึงระดับไร้ตำหนิ ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่น้อยไปกว่าคนคุ้มกันของเขาเลย ดังนั้นพวกเขาจึงจากไปอย่างเงียบๆ เพราะไม่ว่ายังไง จอมยุทธระดับควบแน่นแก่นแท้ก็มีอะไรหลายอย่างต้องทำ

‘ทำไมข้าถึงเจอกับราชาอสูรกัน? ราชาอสูรน่าจะต้อฃต่อสู้กับเทพอสูรที่วังหยกสุริยันนี่?’ เหยียนจินหน้าถอดสี เขาไม่ลังเลที่จะหันหลังหนี เขาไม่มีความมั่นใจที่จะสู้กับมันได้แม้แต่น้อย

“เจ้าหนู เจ้าคิดว่าเจ้าจะหนีไปได้อย่างนั้นหรือ?” บึงพิษไล่ตามเหยียนจินไปอย่างรวดเร็ว หมอกดำปกคลุมรอบข้างโดยไว

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art

Status: Ongoing

โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ

เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท