เหล่าคนในตระกูลเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เขาเป็นคนแรกในตระกูลเมิ่งที่ได้เข้าสู่เขาหยวนชู เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เหล่าคนในตระกูลจะรู้สึกภาคภูมิใจด้วยเช่นกัน
“เขาได้อันดับหนึ่งเลยเหรอ? แล้วเข้าเขาหยวนชูได้แล้ว?” เมิ่งเซียนกูเต็มไปด้วยความยินดีอย่างล้นเหลือเมื่อได้ยินข่าว “ดีๆ”
หลังจากพูดแค่ไม่กี่คำ เธอก็ยิ้มและเดินกลับไปที่พักของเธอช้าๆ
มีความคิดมากมายอยู่ในหัวของเธอ ความทรงจำเมื่อตอนที่เหล่ารุ่นพี่ในตระกูลคอยช่วยสอนเธอเมื่อเธอยังดัง ภาพของเหล่าเพื่อนๆเทพอสูรของเธอที่ตายไปที่ด่านอันไห่หลังจากที่เธอได้เป็นเทพอสูร
‘ข้าไม่ทำให้บรรพบุรุษของตระกูลเมิ่งต้องผิดหวัง คราวนี้ ตระกูลเมิ่งได้ผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งกว่าข้าเป็นสิบ เป็นร้อยเท่ามากกว่าข้า สหายเก่าของข้าเอ๋ย ตระกูลเมิ่งของข้าได้มีคนเข้าไปสู่เขาหยวนชูแล้วนะ ในอนาคตเขาคงจะแข็งแกร่งมากกว่าพวกเราเสียอีก ข้าเชื่อว่าเขาจะสังหารราชาอสูรได้มากกว่าที่พวกเราทำอีก’ เมิ่งเซียนกูยิ้มในขณะที่เดินผ่านสวนเล็กๆของเธอ
…
ที่เขาหยวนชู
เมิ่งชวน เหยียนจิน ซงชา หลี่อิ๋ง ชี่หยวนถง เหยียนซื่อท่งและศิษย์คนอื่นๆต่างมีคนรับใช้มารอรับ หลังจากอาหารเช้า พวกเขาก็รองานพิธีอย่างตั้งใจ
“เหล่าศิษย์น้องทั้งหญิงชาย” ผู้เฒ่าหวังกล่าวยิ้มๆ “งานพิธีกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ศิษย์น้องโปรดตามข้ามา”
“ไปกันเถอะ”
“พิธีกำลังจะเริ่มแล้ว”
“เราจะได้เข้าสู่เขาหยวนชูอย่างเป็นทางการแล้ว”
ศิษย์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนต่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง เหยียนชื่อถงนั้นดูมีความสุขที่สุด เขาวิ่งไปทั่วด้วยเท้าเปล่า เพราะว่าเขานั้นอายุน้อยสุด ทุกๆคนเลยปฏิบัติกับเขาเหมือนน้องชาย
พวกเขาเดินขึ้นไปตามทางภูเขาและไปสู่ยอดเขาหลักอย่างรวดเร็ว
“เมื่อก่อนพิธีต้อนรับศิษย์จะถูกจัดขึ้นที่โถงหลักหวงจิงเว่ย แต่ในช่วงสองสามร้อยปีที่ผ่านมานี้ก็ได้เปลี่ยนไปจัดที่ผาโลหิตแทน” หวังพูดขณะที่เดินนำไป
“ทำไมถึงเปลี่ยนที่หรือขอรับ?” เหยียนซื่อท่งถาม
หวังนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะพูด “เดี๋ยวเจ้าก็รู้”
ผาโลหิตกว้างขวางและโล่งมาก ข้างๆเป็นหน้าผาสูง และมีเทพอสูรมากมายมารวมตัวกันที่นี่แล้ว
เมิ่งชวน เหยียนซื่อท่งและคนอื่นๆได้แต่ยืนรอ
“อาชวน” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
เมิ่งชวนหันกลับไปด้วยความประหลาดใจและได้พบกับชีเยว่ หลังจากที่ไม่ได้เจอเธอมาเกือบครึ่งปี กระแสพลังของชีเยว่เปลี่ยนไปมาก เธอดูมีพลังมากขึ้น และกระแสพลังก็ดูแข็งแกร่งขึ้น
“ชีเยว่” เมิ่งชวนยิ้ม
“เราเคยคุยกันไว้ว่าจะฝึกวิชาด้วยกันที่เขาหยวนชู” หลิวชีเยว่ยิ้มตอบ “ในที่สุดเจ้าก็มา”
“อืม” เมิ่งชวนพยักหน้า “จะว่าไปแล้ว พ่อกับลุงหลิวกลับไปที่เมืองตงหนิงแล้ว หากเจ้าอยากส่งจดหมายให้ส่งไปที่เมืองตงหนิงเลย”
ชีเยว่พยักหน้ารับคำ “หลังจากพิธีรับศิษย์ พวกเขาจะให้เจ้าเลือกถ้ำสำหรับฝึกวิชา ถำ้ของข้าอยู่ที่ยอดจิ้งหมิงเฟิง ยังเหลือถ้ำว่างๆอีกสองที่นะ ถ้าเจ้ายังไม่ได้คิดอะไรไว้ก็เลือกจิ้งหมิงเฟิงได้นะ”
“ข้าจะจำไว้” เมิ่งชวนพยักหน้า เขาอยากจะอยู่บนเขาเดียวกับหลิวชีเยว่อยู่แล้ว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสียงระฆังก็ดังขึ้น มันดังก้องไปทั่วทิศทาง
“กำลังจะเริ่มพิธีแล้ว” หลังจากที่หลิวชีเยว่บอกเมิ่งชวน เธอก็เดินกลับไปยืนอยู่ข้างๆศิษย์คนอื่นในทันที
ศิษย์ใหม่ทั้ง 21 คนยืนอยู่ตรงอื่น
ฟู่ว!ฟู่ว!ฟู่ว!
มีร่างสามร่างลอยลงมา ตรงกลางคือชายชราชุดสีม่วงผมสีขาว ข้างๆเขาคือราชาตงเหอและผู้อาวุโสอี่
“คารวะท่านเจ้าภูเขา” เทพอสูรกว่าสามร้อยคนยืนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม เช่นเดียวกับคนที่ยังไม่ได้เป็นเทพอสูรอย่างหลิวชีเยว่เช่นกัน
ศิษย์ใหม่ทั้ง 21 คนโค้งคำนับเช่นกันก่อนจะลุกขึ้นยืน
“วันนี้เป็นวันที่ดี” ชายชราชุดสีม่วง “วันนี้เขาหยวนชูมีศิษย์ใหม่มากมาย ข้ามีความสุขมากที่ได้เห็นศิษย์ใหม่เข้ามาทุกๆปี”
เหล่าเทพอสูรรับฟัง
“ศิษย์ใหม่ทั้ยี่สิบเอ็ดเอ๋ย” ชายชราชุดสีม่วงมองไปที่เมิ่งชวนและคนอื่นๆ “นี่คือผาโลหิต เป็นที่ๆเทพอสูรของเขาหยวนชูทุกคนทิ้งภาพที่ระลึกเอาไว้เมื่อฝึกฝนจนเสร็จ”
เขาโบกมือในขณะที่กำลังพูด
ฟิ้ววว
จู่ๆตรงหน้าผาของผาโลหิตก็เปล่งแสงออกมาพร้อมกับร่างนับไม่ถ้วนที่ปรากฏขึ้น มันดูอลังการมากเลย! บางคนใส่เกราะและแบกกระบี่อยู่บนหลัง ส่วนบางคนก็ใส่ผ้าคลุมพร้อมกับกระบี่ที่เอว บางคนก็มีเกาฑัณฑ์และซองอยู่ข้างหลัง ทุกๆคนต่างมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า ในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“สำหรับศิษย์ของเขาหยวนชูนั้นจะได้ลงจากเขาเข้าสู่สนามรบก็ต่อเมื่อผ่านถ้ำเก้ามายาไปแล้ว” ผู้อาวุโสชุดสีม่วงกล่าว “ในผานี้มีเทพอสูรอยู่ทั้งหมด 15,271 คน พวกเขาทุกคนได้ปกป้องมวลมนุษย์ด้วยการเข้าต่อกรกับอสูรในการต่อสู้ ในหมู่พวกเขา มี 11,968 คนที่ได้ตายไปในสนามรบ กว่าครึ่งนั้นไม่เคยพบศพ เทพอสูรที่เหลืออยู่กว่าสามพันคนนั้น แม้จะพักอย่างสงบสุขได้ แต่พวกเขาทุกคนก็เลือกที่จะใช้ชีวิตสู้ต่อไป”
“พวกเขาเหล่านี้คือเทพอสูรของเขาหยวนชูที่ต่อสู้กับเหล่าอสูรด้วยชีวิต นอกจากนั้นเราเองก็ยังมีเทพอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนจากถ้ำสวรรค์ทรายดำและเกาะสองโลก อีกทั้งยังมีเทพอสูรธรรมดามากมายของนิกายนอก พวกเขาเองก็ตอบรับเสียงเพรียกแห่งหน้าที่ของตน”
ชายชราชุดสีม่วงชี้ไปที่ร่างเหล่านั้น “ในอนาคต ข้าเองก็จะเป็นหนึ่งในนั้น พวกเจ้าเองก็เช่นกัน”
เมิ่งชวนและคนอื่นๆมองดู
เทพอสูรกว่าหมื่นคนราวกับกองทัพ พวกเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณในการต่อสู้
แต่พวกเขาตายกันหมดแล้ว
พวกเขาทุ่มเททั้งชีวิตเพื่ออุทิศให้แก่มนุษยชาติ
“เขาหยวนชูมีกฎเก้าข้อ ข้อแรกคือห้ามทรยศมวลมนุษย์ จงจำไว้ว่าหากเจ้ากล้าทรยศต่อมวลมนุษย์ เทพอสูรทุกคนจะตามล่าเจ้า!” ผู้อาวุโสชุดสีม่วงกล่าวอย่างเคร่งขรึม จากนั้นก็พูดต่อ “ตอนนี้ศิษย์ใหม่จะทำการจุดโคมไฟวิญญาณ”
ทั้งยี่สิบเอ็ดคนก้าวไปข้างหน้า
มีเทพอสูรยี่สิบเอ็ดคนที่ถือโคมไฟวิญญาณเดินเข้ามาหา
“ขอเลือดหนึ่งหยดลงบนนี้” เทพอสูรพูดกับเมิ่งชวน
เมิ่งชวนยื่นนิ้วออกไป และพลังปราณของเขาก็เจาะนิ้วมือได้อย่างง่ายดาย หยดเลือดไหลลงสู่ใจกลางของโคมไฟวิญญาณ
ฟุบบ
เปลวไฟสีเลือดพวยพุ่งขึ้นมา
ศิษย์ทั้ง 21 คนได้จุดตะเกียงวิญญาณของพวกเขา
“เอามันไปไว้ที่โถงโคมวิญญาณ” ชายชราชุดสีม่วงสั่ง เหล่าเทพอสูรที่ถือโคมไฟวิญญาณมุ่งหน้าไปยังโถงโคมวิญญาณอย่างรวดเร็ว เทพอสูรที่ออกไปต่อสู้ข้างนอก พวกเขาอาจจะตายไปโดยไม่มีใครรู้ และเมื่อดวงไฟวิญญาณนั้นดับลงก็หมายความว่าเทพอสูรคนนั้นได้สิ้นชีวิตลงแล้ว
จากนั้น เหล่าเทพอสูรก็เอาชุดคลุม ตรา และอุปกรณ์ต่างๆมาให้กับศิษย์ใหม่
เมิ่งชวนและคนอื่นๆรับไปด้วยท่าทางนอบน้อม
มีคำว่า “เมิ่งชวน” เขียนติดไว้บนตราสีฟ้า นี่เป็นตรายืนยันตนของเขา
‘ข้า เมิ่งชวน ได้เป็นศิษย์ของเขาหยวนชูแล้ว’ เมิ่งชวนมองดูร่างของเหล่ารุ่นพี่ของเขาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์ของเขาหยวนชู
…
หลังจากพิธีรับศิษย์ ศิษย์ใหม่อย่างเมิ่งชวนก็เริ่มเลือกถ้ำสำหรับพักอาศัย
“ศิษย์ทุกคนสามารถเลือกถ้ำที่จะไปอยู่ได้ ถ้ำที่พักนั้นกระจายอยู่ทั่วภูเขากว่าพันลูก พวกเจ้าสามารถเลือกได้ตามใจ ทุกๆถ้ำนั้นจะมีคนรับใช้สิบคนคอยดีแล ที่พวกเจ้าต้องทำก็มีแค่ฝึกฝนวิชา ปล่อยให้คนรับใช้จัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆเถอะ” เทพอสูรที่ยืนอยู่ข้างหน้าเทือกเขาจำลองพูดยิ้มๆ “เลือกกันให้ไว ยังเหลืออีกกว่าพันที่ที่ยังว่าง”
ศิษย์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนที่เปลี่ยนไปอยู่ในชุดของเขาหยวนชูก็มองดูเทือกเขาจำลองอย่างตั้งใจ
อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com
“ข้าขอเลือกอันที่อยู่ที่ตงทานเชียง” เหยียนซื่อท่งเลือกเป็นคนแรก เขาชี้ไปที่ถ้ำที่ตั้งอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง
เมิ่งชวนลองดูแล้วก็พบกับจิ้งหมิงเฟิง จิ้งหมิงเฟิงนั้นเป็นยอดเขาที่ค่อนข้างได้รับความนิยม และมีถ้ำเหลือให้พักอยู่สองที “ข้าขอเลือกถ้ำนี้ที่จิ้งหมิงเฟิง” ชี่เยว่กับเมิ่งชวนคุยกันไว้แล้ว
“เฉอหัวเปียวเปียว บนยอด”เหยียนจินกล่าว ถ้ำบนหุบเขาลูกนี้นั้นว่างเกือบทั้งหมดเพราะว่ามันอยู่ค่อนข้างไกล
“ข้าเลือกจิ้งหมิงเฟิงด้วย” เจ้าหญิงหลี่อิ๋งกล่าว
“หุบเขาฟ้าคำรน” ชี่หยวนถงชี้ไปที่ถ้ำหนึ่ง
ศิษย์ทั้งยี่สิบเอ็ดคนเลือกที่พักในถ้ำอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าทุกคนเลือกถ้ำที่พักเสร็จแล้วสินะ” หญิงสาวชุดสีฟ้าเดินเข้ามา “ไปกันเถอะ ถึงเวลาเลือกเคล็ดเทพอสูรของพวกเจ้าแล้ว”
เหล่าศิษย์เดินตามหญิงสาวชุดสีฟ้าไป
“ตอนที่เจ้ายังเป็นมนุษย์นัก เจ้าทำได้แค่สร้างรากฐานเทพอสูร แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พวกเจ้าเป็นเทพอสูรที่แท้จริง” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าว “หลังจากผ่านขอบเขตความเป็นความตายและได้ก่อร่างเทพอสูรขึ้นมาเท่านั้นที่จะได้เป็นเทพอสูรที่แท้จริง เทพอสูรเองก็มีหลายระดับคุณภาพเช่นกัน อย่างเทพอสูรระดับต่ำถึงกลางนั้นหาได้ง่ายสุด เพราะว่าเมื่อศิษย์นิกายนอกได้สะสมแต้มเพียงพอที่จะผ่านขอบเขตแห่งความเป็นตาย พวกเขาก็จะได้เป็นเทพอสูรระดับต่ำไม่ก็กลางเพราะว่าส่วนมากมีความสามารถไม่มากพอและแก่เกินไป เพราะฉะนั้นเลยเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะได้เป็นเทพอสูรระดับสูง”
“ส่วนศิษย์ของเขาหยวนชูของเรานั้น พวกเขาจะต้องมีคุณภาพสูงไม่ก็มากกว่านั้น”
“ในสิบปีหากเจ้าไม่สามารถเป็นเทพอสูรระดับสูงได้ เจ้าจะถูกขับออกจากนิกายภายใน” หญิงสาวที่สวมชุดสีฟ้ายิ้มและกล่าว “แน่นอนพวกเจ้าทุกคนมีศักยภาพมากพอ จนถึงตอนนี้ มีเพียงร้อยกว่าคนเท่านั้นที่ถูกขับไล่”
เหล่าศิษย์ใหม่แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ศักภาพของเขานั้นเพียงพอที่จะเป็นเทพอสูรระดับสูงได้
“ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรานั้น พวกเรามีเคล็ดวิชาของเทพอสูรระดับบรรลุอยู่ 12 เคล็ด และเคล็ดของเทพอสูรระดับสูงอยู่ 27 เคล็ด” หญิงสาวชุดสีฟ้ากล่าว “เจ้าต้องพิจารณาเลือกเคล็ดที่จะเลือก เคล็ดวิชาเทพอสูรนั้นคือเส้นทางการฝึกวิชาของเจ้าในอนาคต”
ประเด็นคือชื่อยอดเขาของเหยียนจินมันมาจากเพลงนี้รึยังไงเนี่ย(雪花飘飘)