ตอนที่ 79 หิมะอันแสนเยือกเย็น
เหล่าเทพอสูรพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานในขณะที่มองดูเหล่าอัจฉริยะพุ่งผ่านอุโมงค์ไปทีละคน
ในไม่ช้า ก็ถึงตาของเหยียนจิน
และแล้ว เหยียนจินก็ใช้เวลาไป 12 หยดน้ำเพื่อผ่านอุโมงค์ไป ความเร็วของเขาเท่ากับกับฉู่หยงซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม อันที่จริงแล้วเหยียนจินฝึกร่างเพลิงน้ำแข็ง และรากฐานเทพอสูรของเขาก็แข็งแกร่ง ความเร็วของเขานั้นสูงยิ่งกว่าจอมยุทธระดับควบแน่นแก่นแท้มาก นั่นเป็นเพียงเพราะเขาได้ประลองกับเมิ่งชวนที่เร็วกว่าเขามากหลายที
“ข้ายังช้ากว่ามาก” เหยียนจินกล่าวผ่านกระแสเสียงไปหาเมิ่งชวนเมื่อเดินกลับเข้ามา “ถ้าข้าคิดไม่ผิด ข้าคงไม่ติดสิบอันดับแรกหรอก” แม้ว่าเหยียนจินจะเป็นคนสันโดษ แต่เขาก็มักจะคุยกับเมิ่งชวน
“แต่เจ้าก็น่าจะติดสิบอันดับแรกนะ” เมิ่งชวนกล่าว
“มีหลายคนที่ฝึกร่างเทพอัสนีและร่างเทพวายุ พวกนั้นเก่งในเรื่องของความเร็ว และยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ถึงตาพวกเขาเลย” เหยียนจินกล่าว
“พวกนั้นส่วนมากรากฐานเทพอสูรไม่ค่อยแข็งแรง พวกนั้นเทียบกับเจ้าไม่ได้หรอก” เมิ่งชวนปลอบใจ
อย่างเช่นอัจฉริยะที่ฝึกร่างเทพอัสนีแต่มีรากฐานเทพอสูรที่อยู่กลางๆอาจจะใช้เวลาไป 15 หยดน้ำถึงจะผ่านอุโมงค์ได้ มันทำให้เห็นว่ารากฐานเทพอสูรนั้นสำคัญมากเพียงใด เมิ่งชวน เหยียนจิน ฉู่หยง หยานเฟิง ชี่หยวนถงและซงชาต่างก็มีฐานรากเทพอสูรที่แข็งแกร่งกว่าปกติถึงสามเท่า และนี่คือขีดจำกัดโดยประมาณ แม้ว่าพวกเขาจะใช้ยาสมุนไพรหายากเพื่อช่วยเพิ่มความแกร่งให้รากฐานเทพอสูร แต่มันก็อาจจะเพิ่มขึ้นจากสามเท่าเป็นเพียงสี่เท่าจากปกติเท่านั้น ซึ่งมันไม่คุ้มค่า
และมันก็เป็นเรื่องหายากที่เมิ่งชวนที่มาจากครอบครัวเทพอสูรธรรมดา จะมีรากฐานเทพอสูรเทียบได้กับคนที่มาจากตระกูลเทพอสูรหัวกะทิ
…
เวลาผ่านไป
เหล่าอัจฉริยะค่อยๆออกไปกันทีละคน และในที่สุดก็ถึงตาของนักเกาฑัณฑ์สองคนที่ดึงดูดความสนใจของทุกคน
นักเกาฑัณฑ์อันดับหนึ่งของวัยรุ่นในเมืองหลวง เจ้าหญิงหลี่อิ๋ง และนักเกาฑัณฑ์ที่ทำคะแนนได้ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบแรก ซงชา
“19 หยด ต่อไปหลี่อิ๋งจากเมืองหลวง” ชายเคราแพะพูดเสียงดัง
อ่านตอนล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com
เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ หลี่อิ๋ง เดินเข้ามาต่อ เธอแต่งกายด้วยชุดสีม่วงและดูเป็นผู้ดีตามธรรมชาติ เมื่อมองจากต้นตระกูลแล้ว เธอนั้นเหนือกว่าลูกหลานของตระกูลเทพอสูรระดับราชานิดหน่อย
อย่างน้อยในราชวงศ์โจวอันยิ่งใหญ่ ตระกูลหลวงหลี่ก็ยังคงเป็นตระกูลเทพอสูรอันดับหนึ่ง
วูบ!
เจ้าหญิงหลี่อิ๋งสะพายเกาฑัณฑ์ของเธอพร้อมกับลูกดอกและเปลี่ยนเป็นสายลมไป เธอพุ่งผ่านอุโมงค์ไปด้วยความเร็วอันมหาศาล แม้ว่าเธอจะเทียบไม่ได้กับความเร็วอันน่าสะพรึงของเมิ่งชวน แต่เธอก็เหนือกว่าอัจฉริยะคนอื่นๆที่ได้ลองก่อนหน้านี้หมด
ในไม่ช้า เธอก็พุ่งผ่านอุโมงค์ไป
“10 หยดน้ำ!”ชายเคราแพะประกาศผลออกมาและทำให้อัจฉริยะหลายๆคนต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นใจ เช่นเดียวกันกับญาติๆและเพื่อนๆของเธอ “พวกนักเกาฑัณฑ์คงจะเด่นแน่ เพราะพวกเขานั้นมักจะไวกว่า”
หลังจากองค์หญิง อีกไม่นานก็ถึงตาของซงชาหลังจากตาของคนอื่นอีกนิดหน่อย
“17 หยด ต่อไปซงซาแห่งรัฐหวงเหลียง”
ซงซาเป็นเด็กหนุ่มที่ดูธรรมดา และพร้อมกับลูกดอกและเกาฑัณฑ์ที่สะพายบนหลัง เขาก็เปลี่ยนเป็นสายลมเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เหมือนว่าความเร็วของเขาจะเร็วกว่าของเจ้าหญิงหลี่อิ๋ง
“เขาก็เหมือนกับข้า เขาฝึกร่างเทพวายุและมีรากฐานเทพอสูรที่แข็งแกร่งมาก” องค์หญิงหลี่อิ๋งเฝ้ามองและขมวดคิ้ว “แต่ว่า เหมือนว่าระดับของเขานั้นจะสูงกว่าข้า เขาไปถึงจุดสูงสุดของพลังแล้ว! มันทำให้เขาทำได้ดีกว่าข้าในรอบแรกและไวกว่าข้าด้วย”
“เก้าหยด!” ชายเคราแพะตะโกนเสียงดังขึ้นไปอีก อัจฉริยะกว่า 120 คนได้ทำการทดสอบ แต่ว่าเขาเป็นเพียงอีกคนที่สามารถทำได้ต่ำกว่าสิบหยดน้ำนอกจากเมิ่งชวน
ซงซาเดินกลับไปอย่างใจเย็น
…
เป็นเรื่องยากมากที่จะผ่านอุโมงค์ทั้งเส้นได้ในสิบหยดน้ำ หลังจากที่ซงชาทำได้เก้าหยดแล้ว อัจฉริยจากรัฐเจียง หนิงอี้โบ ก็เปลี่ยนเป็นเส้นแสงและผ่านอุโมงค์ไป เขาใช้เวลาเพียงเก้าหยดน้ำเทียบได้กับซงชาเลย
หลังจากผ่านไปกว่าสองร้อยคน อัจฉริยะอีกคนก็ปรากฏขึ้นมา
“เร็วมาก”
“เร็วขนาดนี้!”
เป็นเด็กหนุ่มชุดสีดำถือหอกสั้น เขากลายร่างเป็นสายฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ เขาเองก็ฝึกร่างเทพอัสนีเช่นกันและได้ไปถึงจุดสูงสุดของพลังแล้ว ความเร็วของเขานั้นทำให้ทุกคนพูดไม่ออก
ฟิ้ว
ในที่สุดเขาก็ออกมาและชายเคราแพะก็ตะโกนบอกผล”8 หยดน้ำ!”
‘โห?’ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น ‘ข้าฝึกฝนร่างเทพอัสนีมาตลอด ข้าฝึกฝนการเคลื่อนไหวและวิชากระบี่บินมาอย่างหนัก อีกทั้งข้าเองก็ไปถึงจุดสูงสุดของพลังแล้ว ตระกูลข้าก็ได้ใช้สมุนไพรอันมีค่าถึงห้าชนิดกับข้า ความเร็วที่สุดของข้า… ช้ากว่าเมิ่งชวนจริงๆอย่างนั้นรึ?’
จินฮ้วนจากรัฐหยุน? เมิ่งชวนจำชื่อเด็กหนุ่มในชุดดำเอาไว้ ‘ในหมู่คนหนุ่มสาว ความเร็วของเขาใกล้เคียงกับข้ามากจริงๆ’
เมิ่งชวนเร็วกว่าเขาเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น
…
“จินฮ้วนจากรัฐหยุนมีความเร็วที่ดีทีเดียว ถ้านี่เป็นการสอบเข้าเมื่อปีก่อนเขาคงจะเร็วที่สุด”เทพอสูรคนหนึ่งถอนหายใจ
“การระเบิดพลังปราณของเขานั้นด้อยกว่าเมิ่งชวน!” ชายที่ดูกระเซอะกระเซิงยิ้ม “เพียงเสี้ยววินาที เมิ่งชวนก็ระเบิดพลังออกมาได้มากกว่าของจินฮ้วนได้ถึงสองเท่า เมิ่งชวนคงฝึกฝนเส้นลมปราณมามากถึงได้ปลดปล่อยพลังปราณออกมาได้อย่างนี้ นอกจากนี้ การควบคุมร่างกายและพลังปราณของเขานั้นถูกขัดเกลามามากกว่า และด้วยเหตุเหล่านี้จึงทำให้ความเร็วของเขานั้นไวกว่าของจินฮ้วน!”
“วิธีการหมุนเวียนปราณของเขานั้นช่างน่าประทับใจ มันไม่ด้อยไปกว่ามรดกเทพอสูรในเขาหยวนชูของเราเลย”
“บางทีเขาคงได้รับมรดกที่ไม่สมบูรณ์มา”
เทพอสูรที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ต่างเป็นเทพอสูรระดับขุนนาง และมีแม้กระทั่งระดับราชา! พวกเขาสามารถมองเห็นเบื้องหลังของการไหลเวียนพลังปราณของเมิ่งชวนได้อย่างชัดเจน
มันเป็นส่วนหนึ่งของวิชากระบี่ตัดอัสนี เบญจโลกาอัสนี ที่มันมีผลเช่นนี้ได้ก็ต่อเมื่อใช้พลังปราณที่มากกว่าปกติถึงสิบห้าเท่า และมันทำให้เขาไวกว่าจินฮ้วนเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น แต่แน่นอนว่า ถ้าเร็วกว่าก็ได้เปรียบมากแล้ว!
…
หลังจากจินฮ้วนจากรัฐหยุนแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถผ่านอุโมงค์ภายในสิบหยดน้ำได้
“สุดท้าย ชี่หยวนถงจากเมืองหยวนชู” ชายเคราแพะกล่าวเสียงดัง
ทุกคนหันไปมอง
เมิ่งต้าเจียงเองก็มองไปที่เด็กหนุ่มร่างบางอย่างระมัดระวัง ชี่หยวนถงนั้นโดดเด่นมากในการทดสอบรอบแรก เขานั้นแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆในระดับเดียวกันมาก
ตูม!
ชี่หยวนถงแบกค้อนทั้งสองอันไว้บนหลังของเขาก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำในขณะที่พุ่งไป พื้นดินสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาขยับ ทุกย่างก้าวนั้นน่าสะพรึง เขาพุ่งออกมาจากทางออกอย่างรวดเร็ว
“10 หยดน้ำ!” ชายเคราแพะตะโกนเสียงดัง คราวนี้เขาค่อนข้างจะใจเย็นขึ้นมา เพราะแม้การผ่านภายในสิบหยดนั้นจะน่าทึ่ง แต่ว่าขนาดเจ้าหญิงยังผ่านได้ในสิบหยดเลย แต่หากดูจากพลังของชี่หยวนถงแล้ว มันก็เป็นผลลัพท์ที่พอคาดเดาได้
เมิ่งชวนเองก็พยักหน้าเล็กน้อย ค้อนทั้งสองนั่นดูจะหนักกว่าสองร้อยจิน หากเขาทิ้งค้อนนั่นไป ความเร็วคงจะไวกว่านี้มาก และอาจจะผ่านได้ภายในเก้าหยดน้ำ! แต่ว่าจอมยุทธต้องไม่ทิ้งอาวุธไปง่ายๆ ชี่หยวนถงคงจะแกร่งน้อยกว่าเดิมถึงครึ่งหากไม่มีค้อนทั้งสองนั่น
ดังนั้นแล้ว เขาหยวนชูจึงตั้งกฏขึ้นมาหนึ่งอย่าง คนๆนั้นต้องถืออาวุธของตนไปด้วยใขณะที่พุ่งผ่านอุโมงค์ไป
เมื่อชี่หยวนถงกลับไป การทดสอบรอบที่สองก็จบลง มีเพียงสี่คนเท่านั้นที่ทำเวลาได้น้อยกว่า 10 หยดน้ำ
หนิงอี้โบจากรัฐเจียงและซงชาจากรัฐหวงเหลียงทำได้ไป 9 หยดน้ำ จินฮ้วนจากรัฐหยุนผ่านได้ใน 8 หยดน้ำและเมิ่งชวนจากรัฐอู๋ทำได้ 7 หยดน้ำ ความเร็วของเมิ่งชวนนั้นจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในสามอันดับที่สูงที่สุดในการทดสอบของเขาหยวนชูช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมานี้เลย พละกำลังของชี่หยวนถงเองก็ติดอันดับหนึ่งในสามของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในการสอบเข้าช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเช่นกัน ปีนี้ช่างเป็นปีที่สุดยอดของการสอบเข้าเขาหยวนชูจริงๆ
ยิ่งมีมาตรฐานสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่คนอื่นๆจะได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียน
ฟิ้ว หญิงสาวชุดสีฟ้ายืนอยู่นิ่งๆและสะบัดมือ อุโมงค์ขนาดยักษ์สลายหายไป เธอกวาดสายตามองเหล่าอัจฉริยะและพูดขึ้น “คน 19 คนที่ได้มากกว่ายี่สิบหยดน้ำจะต้องถูกคัดออก พวกเจ้าออกไปนั่งดูข้างๆได้”
ลมหนาวยังคงพัดไปพร้อมกับหิมะที่โปรยปรายลงมาใส่ทุกคน
อัจฉริยะทั้ง 19 นั้นต่างรู้สึกถึงลมหนาวที่เสียดแทงเข้าไปในกระดูก หิมะนั้นช่างหนาวเย็น แต่ในใจของพวกเขามันเหน็บหนาวเสียยิ่งกว่า หากพวกเขาไม่สามารถเข้าสู่เขาหยวนชูได้ พวกเขาก็ต้องมุ่งสู่สนามรบเพื่อเข้ารับราชการทหาร พวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อสะสมแต้มจะได้ใช้งานบ่อโลหิตเทพอสูร ส่วนมากก็ต้องตกตายไปในช่วงที่สะสมแต้ม พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะได้ใช้งานบ่อโลหิตเทพอสูรด้วยซ้ำ
เมิ่งเซียนกูเป็นคนเดียวในหมู่เพื่อนของเธอที่สามารถเข้าสู่บ่อโลหิตเทพอสูรได้ เธอเป็นคนเดียวที่ได้กลายเป็นเทพอสูรในหมู่เพื่อนๆอัจฉริยะของเธอ
เหล่าอัจฉริยะเดินกลับไปหาเพื่อนๆและตระกูลที่ได้แต่ถอนหายใจขณะที่เฝ้าดูไปอย่างเงียบๆ