ตอนที่ 115 เทพอสูรระดับแก่นเมฆา
เมิ่งชวนมองเข้าไปในจุดตันเถียนของเขา จุดตันเถียนและทะเลแห่งสตินั้นคือที่เดียวกัน พวกมันเล็กอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในทางกลับกันมันก็ใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน
ทะเลแห่งสตินั้นคือที่ๆแก่นสารแห่งจิตอยู่
จุดตันเถียนคือที่ๆพลังปราณอยู่ ความสําคัญของจุดตันเถียนของคนเรานั้นไม่น้อยไปกว่าทะเลแห่งสติเลย อันที่จริงแล้ว มีเทพอสูรที่พึ่งกําเนิดใหม่หลายคนไม่สามารถรับรู้ทะเลแห่งสติของตนได้ พวกเขาใส่ใจจุดตันเถียนมากกว่า! การฝึกฝนที่พวกเขาทํามาจะเสียหายหากจุดตันเถียนถูกทําลาย! และความแข็งแกร่งกว่าเจ็ดส่วนก็มาจากพลังปราณ ดังนั้นพวกเขาจึงใส่ใจกับจุดตันเถียนมากกว่า
จุดตันเถียนของข้าใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก เมิ่งชวนพิจารณาจุดตันเถียนของเขาอย่างละเอียด
หลังจากที่อัสนีสวรรค์ทั้งเก้าได้ปรับเปลี่ยนร่างกายของเขาใหม่ จุดตันเถียนของเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปอยู่แล้ว มันมีขนาดกว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน อัสนีสวรรค์ที่ยังหลงเหลืออยู่วาบไปมาในตันเถียนของเขา และตรงใจกลางของตันเถียนเขาก็เห็นแก่นพลังสีขาวอยู่ แก่นพลังนั้นจะทําให้คนๆนั้นดูดซับพลังปราณได้มากขึ้น ขนาดอัสนีสวรรค์ยังถูกดูดซับเข้าไป และนี่ทําให้ผิวของแก่นพลังก่อให้เกิดประกายอัสนีสวรรค์เล็กๆ
แก่นพลังกําลังขยายตัว เพราะว่าจุดตันเถียนของเขาขยายขึ้นอย่างมากจึงทําให้มันสามารถรองรับพลังปราณได้มากขึ้นกว่าเดิม
ข้าต้องควบแน่นแก่นเมฆา แก่นพลังของมนุษย์ไม่สามารถทนพลังปราณมากมายขนาดนี้ได้ เมิ่งชวนเข้าใจดี
ศิษย์นิกายนอกคนอื่นๆที่ต้องเก็บสะสมแต้มเพื่อแลกกับการเข้าสู่บ่อโลหิตเทพอสูร เมื่อเข้าสู่การท้าทายขอบเขตความเป็นตายและควบแน่นแก่นเมฆา สําหรับพวกเขาจะมีอันตรายน้อยกว่า เพราะปกติแล้วพวกเขามีเพียงร่างเทพอสูรระดับต่ำหรือระดับกลางเท่านั้น และแน่นอนว่าความยากในการปรับเปลี่ยนร่างกายก็ต่ำเช่นกัน แต่แน่นอนว่าบางคนก็ยังทําไม่สําเร็จจนร่างกายทรุดลง แต่ว่าศิษย์นิกายนอกส่วนมากก็ควบแน่นแก่นเมฆาไม่สําเร็จ
แก่นเมฆาที่พังลงครึ่งทางจะทําให้เกิดพลังอันมหาศาลทะลวงผ่านร่างของพวกเขาจนตายคาที่
การควบแน่นแก่นเมฆาของเมิ่งชวนนั้นจะซับซ้อนกว่าศิษย์นอกธรรมดา แต่ว่าเขานั้นก็ได้เข้าถึงเจตจํานงแห่งกระบี่มาเป็นปีแล้ว
ได้เวลาเริ่มแล้ว เขาดูดซับพลังของบ่อโลหิตเทพอสูรในทันที ภายในจุดตันเถียนของเขา พลังของบ่อโลหิตเทพสรผสมเข้ากับอัสนีสวรรค์ก่อให้เกิดพลังปราณใหม่ พลังปราณใหม่นี้มีอัสนีสวรรค์เป็นประกายอยู่ในนั้น เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง พลังปราณในจุดตันเถียนของเขาก็เริ่มจะเปลี่ยนไป อัสนีสวรรค์นิดหน่อยถูกดึงออกมาจากจุดตันเถียนและหลอมรวมเข้ากับพลังปราณ และอีกพักหนึ่งจุดตันเถียนของเขาก็เต็มไปด้วยพลังปราณจํานวนมากที่มีอัสนีสวรรค์อยู่ ราวกับมีทะเลเติมเข้ามาในจุดตันเถียน
ปัง!
ด้วยการชี้นําของเจตจํานงกระบี่ พลังปราณของเขาเปลี่ยนกลายเป็นลําแสงกระบี่เล็กๆ และเพราะการไปถึงระดับของเจตจํานง ลําแสงกระบี่เหล่านั้นดูเด่นชัดและหนาแน่นกว่าเดิม
พลังปราณของมนุษย์ไม่มีทางที่จะสร้างลําแสงกระบี่ที่แน่นและชัดขนาดนี้ได้
ลําแสงกระบี่หมุนวนรอบแก่นพลังอย่างเป็นระเบียบ แก่นพลังกําลังถูกเปลี่ยนแปลงโดยพลังปราณรอบๆ! พลังปราณเริ่มหลอมรวมเข้ากับแก่นพลังอย่างต่อเนื่อง ทําให้อัสนี้สวรรค์ภายในแก่นพลังหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
หลอมรวม! บีบอัด!
การบีบอัดจะทําให้เพิ่มความหนาแน่นขึ้น และเมื่อความหนาแน่นเพิ่มขึ้นไปถึงจุดๆหนึ่งจะมีโอกาสเกิดผลหนึ่งในสองอย่างนี้ หนึ่งคือเกิดระเบิดขึ้น! ร่างเทพอสูรจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆเมื่อเป็นเช่นนี้! สองคือสามารถบีบอัดได้สําเร็จและก่อให้เกิดแก่นเมฆา
ร่างอสูรตัดสายฟ้านั้นแข็งแกร่งกว่าร่างเทพอสูรระดับต่ำหรือกลางมาก รวมไปถึงรากฐานที่แข็งแกร่งของเมิ่งชวน พลังปราณในจุดตันเถียนของเขาจึงหนาแน่นกว่าคนในระดับเดียวกันเป็นสิบเท่าเสียอีก นั่นทําให้เขาควบแน่นแก่นเมฆาได้ค่อนข้างยาก
แม้ว่าเขาจะเข้าถึงเจตจํานงแห่งกระบี่ได้นานแล้ว แต่เมิ่งชวนก็ยังต้องระมัดระวังอย่างมาก ในตอนที่แก่นพลังใกล้จะระเบิด เขาตั้งใจกับสิ่งตรงหน้าเต็มที่ เขากลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดอะไร
จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาในหูของเขา “เมิ่งชวน รวมพลังของแก่นสารแห่งจิตเข้ากับพลังปราณ ความสามารถในการควบคุมพลังปราณของเจ้าจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า นั่นจะทําให้เจ้าควบแน่นแก่นเมฆาได้ง่ายขึ้น”
เมิ่งชวนรู้สึกตัวในที่สุด
เขาทําตามสูตรของการควบแน่นแก่นเมฆาโดยกลัวว่าจะทําอะไรผิดพลาด แต่ในสูตรไม่ได้เขียนเรื่องของการใช้พลังแก่นสารแห่งจิตในการช่วยควบแน่น แต่ว่าก็พอเข้าใจได้ว่าทําไม เพราะปกติมนุษย์ไม่มีแก่นสารแห่งจิตกัน
พลังของแก่นสารแห่งจิตจะทําให้เขาควบคุมร่างกายและปราณได้ดีขึ้น เพราะความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า ความสามารถในการควบคุมร่างกายและปราณของเขาจึงเพิ่มขึ้น
เพียงชั่วอึดใจ แก่นสารแห่งจิตก็หลอมรวมเข้ากับลําแสงกระบี่
ลําแสงกระบี่ทุกเล่มนั้นเด่นชัด หากเปรียบลําแสงกระบี่เป็นมนุษย์ ลําแสงกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนเหล่านี้ก็เปรียบได้กับกองทัพอันยิ่งใหญ่ที่กําลังแปรขบวนรบ
แต่ขบวนรบนี้ยังหยาบเกินไป หลังจากที่เพิ่มความสามรถในการควบคุมขึ้นมาสิบเท่า เมิ่งชวนก็เห็นปัญหาได้ในทันที จากนั้นลําแสงกระบี่จํานวนนับไม่ถ้วนก็จัดตัวนิดหน่อย หลังจากที่พวกมันเปลี่ยนที่ มันก็ดูเป็นจังหวะเข้ากันได้ดีขึ้น! การใช้เจตจํานงกระบี่เพื่อชี้นําลําแสงกระบี่นั้นไม่ผิด เพียงแต่เขาสามารถควบคุมมันได้แค่ทีละเยอะๆเท่านั้น และด้วยความสามารถในการควบคุมที่มากขึ้น เขาสามารถจัดการมันได้ทีละเล่ม และผลของมันก็ดีขึ้นมาก
ฟู่วๆๆๆ!
หลังจากที่วงเวียนกระบี่หนาแน่นจนถึงที่สุดก็ไม่ได้มีการระเบิดขึ้นเหมือนกับที่คัมภีร์บอก ปกติแล้วจะเกิดการระเบิดขึ้นก่อนการเกิดแก่นเมฆา
กลับกัน แก่นพลังที่อยู่ในลําแสงกระบี่เหล่านั้นก็แตกออกพร้อมกับเสียงดังเบาๆ พลังปราณพวยพุ่งออกมา เหลือเพียงลําแสงเล็กๆที่มีขนาดเล็กกว่าเดิมประมาณพันเท่า จุดเล็กๆนี้สว่างราวกับดาวฤกษ์ มันมีแรงโน้มถ่วง ทําให้เกิดวงเวียนพลังปราณวนรอบมัน และนั่นก็ก่อให้เกิดแก่นเมฆาที่สวนงาม พลังปราณทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในวังวนนั้น
แก่นเมฆาและจุดแสงนั้นทําให้รอบข้างสว่างจ้า พลังปราณนอกตันเถียนของเขาเริ่มควบแน่นและพุ่งเข้าใส่วังวน ก่อนที่จะวนรอบแก่นตลอดไป
จุดแสงมันก็เริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
เมื่อปราณของเขาเปลี่ยนแปลงไปอีกรอบ เขาก็จะได้เข้าสู่ระดับแดนอมตะ แต่ว่าเขาต้องมีร่างกายและขอบเขตกระบี่ที่แข็งแกร่งพอ ไม่อย่างนั้นร่างของเขาจะแตกสลายหากพยายามก้าวผ่านไปอย่างดื้อดึง
แน่นอนว่าเทพอสูรรุ่นก่อนๆเป็นผู้ค้นพบเงื่อนไขต่างๆสําหรับการก้าวผ่านแต่ละขั้นไป คนๆนั้นต้องแข็งแกร่งพอก่อนที่จะข้ามผ่านขอบเขตของตนไปได้
“ข้าทําสําเร็จแล้ว เพราะแก่นสารแห่งจิตช่วยจึงทําให้ควบแน่นแก่นเมฆาได้ง่ายขึ้นมาก เมิ่งชวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมิ่งชวนตรวจสอบร่างกายของเขา
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก จุดตันเถียนก็กว้างใหญ่ และพลังปราณของเขาก็บริสุทธิ์! ขนาดทะเลแห่งสติของเขาก็ยังใหญ่ขึ้นกว่าเดิม แก่นสารแห่งจิตในนั้นก็ค่อยๆเติบโตอย่างช้าๆ
ร่างมนุษย์เป็นภาชนะ ยิ่งภาชนะใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งบรรจุน้ำได้มากเท่านั้น ยิ่งร่างกายแข็งแรงเท่าไหร่พลังปราณที่จุดตันเถียนของข้าสามารถรับได้ก็มากขึ้นเท่านั้น แก่นสารแห่งจิตเองก็ใหญ่ขึ้นเช่นกัน เมิ่งชวนรู้ตัวในที่สุด ร่างกาย พลังปราณ และแก่นสารแห่งจิตนั้นต่างสําคัญมากๆ พวกมันต่างเกี่ยวข้องกัน
เมิ่งชวนที่กําลังนั่งอยู่ในบ่อโลหิตเทพอสูรตอนนี้หัวโล้นเกลี้ยง เพราะอัสนีสวรรค์เผาผมของเขาจนหมด
อย่างไรก็ตาม เพราะพลังของบ่อโลหิตเทพอสูรจึงทําให้ผมของเขายาวอย่างรวดเร็ว
“รีบขึ้นออกจากสระเร็ว อย่าให้พลังของบ่อโลหิตเทพอสูรมาเสียกับผมไม่กี่เส้น” ปรมาจารย์อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา ในตอนนั้นเองของเหลวสีฟ้าของบ่อโลหิตเทพอสูรก็เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วบ่อโลหิตเทพอสูรจะว่างเปล่า ของเหลวสีฟ้าเหล่านี้ถูกเก็บไว้ที่ไหนกัน? มันเป็นความลับ! มันเป็นสมบัติที่เขาหยวนชูต้องปกป้องอย่างเต็มที่
เมิ่งชวนกระโดดออกไปในทันทีและเอาผ้าคลุมมาคลุมตัว เขาดูจะรู้สึกผิด ผมเขายาวขึ้นมาสองนิ้วแล้ว เขาก้มหัว “ศิษย์เผลอดูดซับพลังของบ่อโลหิตเทพอสูรไปเสียแล้วขอรับ”
“ช่างมันเสียเถอะ” ปรมาจารย์ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่ว่ายังไงการก้าวผ่านก็ใช้พลังของบ่อโลหิตเทพอสูรมากกว่าที่ใช้กับผมของเขาเป็นหมื่นเท่า
เมิ่งชวนยังค่อนข้างตื่นเต้น ในที่สุดเขาก็ได้เป็นเทพอสูรแล้ว และนี่คือระดับขั้นแรกของเทพอสูร ระดับแก่นเมฆา
“ขอบคุณสําหรับการชี้แนะขอรับ มันทําให้ศิษย์สามารถควบแน่นแก่นเมฆาได้อย่างง่ายดาย เมิ่งชวนกล่าวขอบคุณ
ปรมาจารย์พยักหน้าและกล่าว “เมิ่งชวน แก่นสารแห่งจิตนั้นสําคัญมากในระดับเทพอสูรหลังๆ อย่างการก้าวผ่านระดับมหาสุริยันไประดับเดือนมืดมิดนั้นยากมากๆ และพลังของแก่นสารแห่งจิตจะทําให้เจ้าสามารถควบคุมพลังปราณได้ดีขึ้นสิบเท่า นั่นเป็นทางที่เจ้าจะไปถึงระดับเดือนมืดมิดได้ หากเจ้าไม่มีแก่นสารแห่งจิต แม้ว่าขอบเขตวิชากระบี่ของเจ้าจะสูงกว่าจอมยุทธระดับมหาสุริยันหลายเท่า แต่เจ้าก็จะเป็นเทพอสูรระดับเดือนมืดมิดไม่ได้อยู่ดี เจ้าต้องฝึกฝนแก่นสารแห่งจิตของเจ้าอย่างหนักในภายภาคหน้า”
เขาให้ค่าเมิ่งชวนเพราะแก่นสารแห่งจิตของเขา
“ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า
”ดี” ร่างของปรมาจารย์เริ่มเลือนลางและหายไป
เมิ่งชวนยืนอยู่ข้างๆบ่อโลหิตเทพอสูร เขารู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลและพลังปราณที่บริสุทธิ์ในตัวของเขา เขาได้แต่รู้สึกตื่นเต้น